หวังตงเสวี่ยนโล่งอกไป หลังจากที่ปรับอารมณ์ตัวเองเสร็จแล้ว จึงหันไปพูดกับเซียวชูหรันว่า: “ประธานเซียว เราไปกันก่อนเถอะค่ะ”
เซียวชูหรันเอ่ยถามเสียงเบาด้วยความสงสัย: “รองประธานหวังคะ คุณชายที่เสี่ยวหลี่ว่าเมื่อกี้ คงเป็นประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ปสินะคะ?”
หวังตงเสวี่ยนทำได้เพียงพยักหน้า เอ่ยว่า: “ถูกต้องค่ะ ประธานกรรมการของเราเอง”
เซียวชูหรันถามอีกครั้ง: “เมื่อก่อนเหมือนฉันเคยได้ยินคนอื่นพูดมาว่า เขาเป็นคุณชายของตระกูลใหญ่ในเย่นจิง?”
“ใช่ค่ะ” หวังตงเสวี่ยนยิ้มเอ่ยว่า: “แต่ว่าคุณชายของเราค่อนข้างถ่อมตน ภายนอกเลยติดตามข่าวคราวของเขาไม่เยอะเท่าไร”
เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ เมื่อก่อน เธอสงสัยเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ปเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ตี้เหากรุ๊ปช่วยเหลือตนไปหลายครั้ง กระทั่งหลังจากที่ตนเซ็นสัญญาร่วมมือกันไปแล้ว บางครั้งเธอก็เกิดเป็นความรู้สึกแปลกๆ มักคิดว่าประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ปคนนี้ เหมือนจะมีความสัมพันธ์อันประหลาดกับเย่เฉินสามีของเธอด้วย
ทว่า ทุกครั้งที่เธอมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น เธอก็ปฏิเสธการคาดเดานี้ของตนทิ้ง
ถึงอย่างไร พื้นเพของเย่เฉินเธอนั้นกระจ่างแจ้งดี เขาเป็นลูกกำพร้าตั้งแต่เด็กจนโต ประสบการณ์ในชีวิตของเขาถือได้ว่าน่าสงสารอย่างยิ่ง ไม่มีทางที่จะมีส่วนที่สัมพันธ์กับคุณชายของตระกูลใหญ่ในเย่นจิงหรอก
ทว่าอยู่ๆ เธอก็รู้สึกลึกๆ ในใจว่า: “เมื่อกี้ที่เธอเห็นเงานั้นแวบหนึ่งโดยไม่ทันตั้งใจ ทั้งรูปร่างโครงหน้ารวมถึงความสูง คล้ายกับสามีของฉันจังเลย…”
หลังจากสงสัยแล้ว เซียวชูหรันก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจตัวเอง: “เซียวชูหรันนะเซียวชูหรัน เธอคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ เงาเมื่อกี้นี้แม้จะเหมือนกับเย่เฉินมาก แต่ว่านั่นสามารถยืนยันอะไรได้ล่ะ? เธออย่ามาปั้นน้ำเป็นตัวอยู่ตรงนี้หน่อยเลย”
ดังนั้น เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็ไม่ได้คาดเดาต่อไป ครั้นปริปากเอ่ยกับหวังตงเสวี่ยนว่า: “รองประธานหวังคะ ในเมื่อประธานกรรมการมาแล้ว คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอกค่ะ ฉันเดินไปเองก็ได้”
หวังตงเสวี่ยนยิ้ม เอ่ยว่า: “ฉันส่งคุณถึงลิฟต์ดีกว่าค่ะ”
สิ้นเสียง ก็ทำท่าทางเรียนเชิญให้เดิน เอ่ยว่า: “ประธานเซียวเชิญค่ะ”
เซียวชูหรันจนปัญญา ทำได้เพียงสาวเท้าเดินไปยังด้านนอก ขณะที่เดินผ่านห้องรับรอง เธอก็หยุดสักครู่ รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับประธานกรรมการตี้เหากรุ๊ปท่านนั้นอย่างยิ่ง
ถึงอย่างไร ก็ผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว ภายนอกก็ยังไม่รู้ว่าประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ป กิจการที่ใหญ่ที่สุดของจินหลิงนี้เป็นใคร
เซียวชูหรันเองก็อยากรู้มากเช่นกันถึงตัวตนที่แท้จริงของประธานกรรมการคนนี้ หรือพูดอีกอย่างคือ อยากรู้ว่าคนที่ถ่อมตนขั้นสุดอย่างเขานี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
หวังตงเสวี่ยนเห็นเธอหยุดเดิน รีบเอ่ยถาม: “ประธานเซียวเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ?”
เซียวชูหรันเรียกสติคืนมา รีบเอ่ยว่า: “อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ…เรารีบไปกันเถอะ…”
หวังตงเสวี่ยนรู้สึกโล่งอกในใจ จากนั้นค่อยเดินเคียงเซียวชูหรันมายังหน้าลิฟต์
เธอไม่กล้าให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นเธอหลังจากที่เธอเห็นเซียวชูหรันเข้าลิฟต์ไปกระทั่งลิฟต์เคลื่อนตัวไหลลงกับตาตัวเองแล้ว จึงได้โล่งใจปล่อยวางตัวเองลงในที่สุด จากนั้นเธอหันไปเรียกเลขาของตน สั่งการไปว่า: “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ห้ามใครก็ตามมาที่ชั้นนี้ ได้ยินไหม?”
เลขารีบเอ่ย: “รับทราบค่ะ รองประธานหวัง ฉันจะเฝ้าอยู่หน้าลิตฟ์เลย คุณวางใจได้เต็มที่”
“ดี” หวังตงเสวี่ยนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พร้อมบึ่งไปยังห้องรับรองทันที
ในเวลานี้ แม้แต่เย่เฉินที่อยู่ในห้องรับรองเองก็ยังต้องผวากับเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่คลาย
เมื่อครู่นี้ หากเซียวชูหรันเดินออกมาเร็วกว่าหนึ่งวินาที เกรงว่าตรงระเบียงทางเดินนั้นตนคงไร้ที่ซ่อนตัว
หากต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ ต่อให้หวังตงเสวี่ยนและเลขาของเธอจะไม่โพล่งปากพูดขึ้นมา ตนก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเซียวชูหรันอย่างไรเช่นกัน
ทั้งๆ ที่ไปดูโหงวเฮ้งให้กับลูกค้าที่เย่นจิงแล้ว ทำไมถึงกลับจินหลิงมาโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ อีกทั้งยังมาหาหวังตงเสวี่ยนที่ตี้เหากรุ๊ปทันทีอีก?
ดังนั้น เย่เฉินจึงรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ไม่ถูกเธอจับได้!