เมื่อได้ยินแผนการนี้ของเย่เฉินแล้ว หวังตงเสวี่ยนพยักหน้าต่อเนื่อง: “คุณชายคะ ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะให้คนทำหนังสือแผนธุรกิจทางขึ้นมา และจะตามหาสตูดิโอออกแบบที่มีชื่อเสียงนานาชาติ เพื่อให้มาช่วยเราออกแบบภาพร่างให้เรา จะต้องเริ่มต้นด้วยทิศทางที่ยิ่งใหญ่แน่นอนค่ะ”
“อืม” เย่เฉินเอ่ย: “เรื่องนี้ยกให้เธอรับผิดชอบก็แล้วกันนะ ฉันเรียกร้องอยู่สามอย่าง ข้อแรกต้องรวดเร็ว ข้อสองต้องทำออกมาดี ข้อสามจะต้องทำครบรอบด้าน! ศูนย์การค้าดูไบ มอลล์เธอทำความเข้าใจหรือยัง? ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเราต้องทำให้ได้ฟีลเหมือนพวกเขาเลย แต่จะต้องหรูกว่าของพวกเขา และปราณีตกว่า”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” หวังตงเสวี่ยนรีบเอ่ยทันที: “เรื่องนี้ฉันจะไปจัดการทันที”
เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เอ่ยขึ้นอีกว่า: “นอกจากนี้ ก็คือเรื่องชุมชนสุดหรูแล้วละ”
สิ้นเสียง เย่เฉินก็ขยายแผนที่ หาละแวกสนามบิน จากนั้นก็หาตำแหน่งที่อยู่ห่างจากสนามบินไม่ถึงสิบกิโล เขาเห็นที่ดินที่เชื่อมต่อกันหลายผืน
อีกทั้งที่ดินผืนนี้ก็อยู่แถวทางด่วนสนามบินพอดี ดังนั้นเขาจึงเอ่ยกับหวังตงเสวี่ยนว่า: “ฉันเห็นว่าเขตนี้ใช้ได้เลยนะ อยู่ใกล้สนามบิน แถมยังอยู่ใกล้กับทางด่วนอีก แม้ว่าจะไม่อยู่ทิศทางเดียวกับเขตเมือง แต่การจราจรน่าจะค่อนข้างสะดวก หลังจากที่เศรษฐีเหล่านั้นนั่งเครื่องบินมาแล้ว เมื่อลงเครื่องมาก็จะมาถึงโดยเร็ว สะดวกสบายมากๆ ”
หวังตงเสวี่ยนรีบเอ่ย: “ที่ดินแถบนี้ตอนนี้ยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไร น่าจะค่อนข้างถูกค่ะ สำหรับเรื่องการจราจร เนื่องจากรอบๆ ไม่ได้รับการพัฒนาโดยตลอด ดังนั้นเส้นทางด่วนตอนนี้ยังไม่ได้สร้างทางเข้าออกเลย แต่ว่าพวกเราสามารถไปเจรจากับฝ่ายการจราจรของเมืองได้ พยายามร้องขอให้พวกเขาสร้างทางเข้าออกเส้นทางด่วนตรงนี้ให้พวกเราใหม่ ถ้าไม่ได้พวกเราจะจ่ายเงินบริจาคให้สร้างก็ได้เหมือนกันค่ะ จะเป็นการก่อสร้างเล็กน้อยตามพื้นฐานเดิมของเส้นทางด่วนอยู่แล้ว น่าจะค่าใช้จ่ายไม่มากนัก”
เย่เฉินพยักหน้า ถามเธออีกครั้ง: “แล้วละแวกนั้นมีสถานที่เหมาะสมสำหรับสร้างสนามกอล์ฟอีกไหม? จะให้ดีสร้างสนามกอล์ฟและสนามม้าควบคู่ไปด้วยเลย ถึงตอนนั้นก็ให้ตั้งอยู่ข้างกับชุมชนสุดหรูของเราเลย”
หวังตงเสวี่ยนเอ่ยอย่างจริงจัง: “คุณชาย ที่ดินแถวนั้นว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก ปกติแล้วก็ไม่มีใครหรือกิจการไหนไปพัฒนาที่นั่น ถ้าจะสร้างสนามกอล์ฟด้วยคงไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”
“ถ้างั้นก็ดี” เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “ถ้างั้นตั้งแต่วันนี้ไป เธอก็ไปเจรจาเรื่องกู้เงินกับทางธนาคารซะ ทางฉันก็จะจัดการให้ทางตระกูลเย่โอนเงินให้ตี้เหากรุ๊ป เธอรีบเร่งระดมเงินทุนออกมาให้เร็ว ซื้อที่ดินที่สามารถซื้อได้มารวดเดียวก่อน!”
หวังตงเสวี่ยนตื่นเต้นเป็นพิเศษ เอ่ยต่อว่า: “คุณชายไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะต้องทำเต็มที่ค่ะ!”
เย่เฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง: “จริงสิ ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนจะมีคนหนุ่มชื่อเย่ทาวจะมารายงานตัวที่เธอ เด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะมีความสามารถอยู่พอสมควร ถึงเวลานั้นเธอพาเขาทำโปรเจกต์นี้ด้วยกันนะ”
“เย่ทาวงั้นเหรอ?” หวังตงเสวี่ยนรีบถาม: “เป็นคนของตระกูลเย่เหรอคะ?”
“ใช่” เย่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “เป็นเด็กหนุ่มที่เป็นญาติห่างๆ ของตระกูลเย่ แต่พอเขามาแล้วก็เป็นลูกน้องของเธอ เธอไม่ต้องเกรงใจอะไรเขาหรอกนะ คิดว่าเขาเป็นลาขนสิ่งของเรียกใช้ได้ตามใจ พร้อมทั้งบีบบังคับให้เขาต้องใช้ระดับความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งหมด!”
แม้หวังตงเสวี่ยนจะไม่ทราบว่าเย่ทาวคือใคร ทว่าเมื่อเห็นเย่เฉินพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็เดาออกแล้วว่าเย่ทาวจะต้องถูกเย่เฉินลงโทษ ถึงถูกส่งตัวมาที่ตี้เหากรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าเอ่ยว่า: “คุณชายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะบีบเค้นเอาคุณค่าของเขาออกมาให้หมดเอง!”
จากนั้นเย่เฉินและหวังตงเสวี่ยนก็วิเคราะห์สถานการณ์ของที่ดินรอพัฒนาของจินหลิงในปัจจุบันนี้อย่างละเอียดด้วยกัน หลังจากที่วาดวงกลมที่กินที่สนใจเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินจึงออกจากตี้เหากรุ๊ป
ขณะที่เย่เฉินออกจากตี้เหากรุ๊ป ด้านนอกมีแสงไฟสว่างระยิบระยับ เต็มไปด้วยรถบนท้องถนน ผู้คนเดินสัญจรไปมา บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า คนที่เดินผ่านไปรอบๆ นั้น ไม่เหมือนที่เย่นจิง ที่ทุกคนต่างก็ดูยุ่งและเร่งรีบ
ที่จินหลิง เนื่องจากชีวิตความเป็นอยู่มีแรงกดดันสูง จังหวะชีวิตจึงไม่เร็วขนาดนั้น ดังนั้นบนใบหน้าผู้คนจึงมองออกถึงความสบายและผ่อนคลายอยู่บ้าง
เพียงแต่ว่า ผู้คนที่มาๆ ไปๆ เหล่านี้ นอกจากเย่เฉินแล้ว ก็ไม่มีใครทราบเลยว่า จินหลิงเมืองนี้ใกล้จะได้กลายเป็นเป้าที่ทั้งโลกจับตามองแล้ว
ถึงตอนนั้น เมืองที่เศรษฐกิจพัฒนาย่ำแย่มาโดยตลอด กระทั่งว่าในฐานะที่เป็นนครเอกของมณฑล แต่กลับไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนครเอกในมณฑลตัวเองแห่งนี้ จะได้รับการก้าวกระโดดแล้ว!