เย่เฉินเห็นท้องฟ้ามืดลงแล้ว จึงถือโอกาสเดินเข้าร้านทองหัวเซี่ยละแวกนั้น พร้อมซื้อทองแท่งหนึ่งพันกรัมมาสิบก้อน

หลังจากซื้อทองแท่งเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็ได้โบกรถแท็กซี่หน้าร้านทอง กลับไปยัง Tomson Riviera

เหตุผลที่เขาซื้อทองแท่ง เพราะว่าเย่เฉินทราบว่าแม่ยายของตนหม่าหลัน จะต้องเฝ้ารอหลังจากที่ตนกลับมาแล้วจะนำของขวัญกลับมาให้เธอบ้างแน่นอน

ทว่า ตอนนี้เย่เฉินไม่มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปเลือกของขวัญแล้ว ดังนั้นจึงถือโอกาสซื้อทองแท่งสักไม่กี่แท่ง ถึงตอนนั้นก็บอกไปว่าลูกค้าให้ หม่าหลันจะต้องดีใจจนออกนอกหน้าแน่นอน

ถึงตอนนั้นก็หยิบให้เธอไปสักแท่งแล้วบอกว่าเป็นของขวัญ ให้เธอรับไปทำอะไรก็ตามใจ

แบบนี้ เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าหม่าหลันจะนำทองแท่งไปขายแลกเป็นเงินสดแล้ว

หากเป็นหม่าหลันในเมื่อก่อน จะต้องไม่พูดพร่ำทำเพลง เช้าวันรุ่งขึ้นหอบทองแท่งออกไปขายแล้ว

อีกทั้งก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน เกรงว่าคงมายังห้องตนและชูหรัน พร้อมทั้งขโมยอีกเก้าแท่งที่เหลือไปขายด้วยเป็นแน่

ทว่าตอนนี้เธอซื่อสัตย์ขึ้นเยอะ อีกทั้งขาของเธอก็ไม่ได้สะดวกขนาดนั้นแล้ว คิดอยากจะออกไปขายทองแท่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องป้องกันการที่ตนคิดจะมาตรวจสอบกะทันหันอีกด้วย ดังนั้นเมื่อได้ทองแท่งไปคงทำได้เพียงเก็บเอาไว้อย่างเที่ยงตรงเท่านั้น

มอบของขวัญที่มีค่ามาก ทว่าก็ไม่สามารถหยิบไปเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ เป็นการควบคุมจิตใจของเธอไปพร้อมด้วยเลยพอดี

ขณะที่เย่เฉินนำทองแท่งทั้งสี่กลับมายัง Tomson Riviera เพิ่งเข้าประตูหน้าบ้าน ก็เห็นเซียวชูหรันผู้เป็นภรรยาเดินออกจากลานจอดรถในสวน

เมื่อครู่นี้เซียวชูหรันเพิ่งขับรถกลับมา จอดรถเสร็จสรรพ เห็นเย่เฉินผลักเปิดประตูเข้ามาในบ้าน จึงเอ่ยขึ้นอย่างดีอกดีใจทันที: “ที่รัก กลับมาแล้วเหรอ!”

เย่เฉินมองหน้าเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รักใคร่เอ็นดู: “กลับมาแล้ว สองสามวันนี้คิดถึงผมหรือเปล่าเนี่ย?”

“ต้องคิดถึงสิคะ!” เซียวชูหรันไม่เขินอายแม้แต่น้อยอีกแล้ว เธอวิ่งกระโจนเข้าไปซุกในอ้อมแขนของเย่เฉินด้วยความดีใจอย่างยิ่ง จากนั้นเธอก็ได้เอ่ยด้วยสีหน้าที่ทั้งดีใจและทั้งเอ่ยตำหนิว่า: “ทำไมคุณกลับมาแล้วถึงไม่บอกฉันล่วงหน้าหน่อยล่ะ ฉันจะได้ไปรับคุณที่สนามบิน!”

เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ผมรู้ว่าคุณทำงานจะต้องยุ่งมากแน่ๆ ผมจะทนเห็นคุณทรมานมารับผมตั้งไกลแบบนี้ได้ยังไงล่ะ ผมเรียกแท็กซี่ก็กลับมาได้แล้วไม่ใช่เหรอ!”

เซียวชูหรันเอ่ยอย่างจริงจัง: “ไปรับคุณมีอะไรลำบากกันคะ ว่าแต่คุณเถอะ นั่งเครื่องบินตลอดทาง ยังต้องเข้าคิวเรียกรถแท็กซี่อีก เหนื่อยจะตายไป!”

“ไม่เหนื่อยหรอก” เย่เฉินเอ่ยต่อ: “ร่างกายของผมดีออกขนาดนี้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรหรอก”

เซียวชูหรันเอ่ย อย่างเอือมระอา: “คุณบอกให้เร็วกว่านี้สิ ฉันจะได้ทำกับข้าวรอคุณกลับมาก็ยังดีนี่นา สองสามวันนี้ที่คุณไม่อยู่ แม่ของฉันไม่ตั้งใจทำกับข้าวแล้ว ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำก็ทำแบบปัดๆ ไป เมื่อกี้ยังโทรศัพท์มาบอกว่าตอนเย็นไม่อยากทำกับข้าว ให้ฉันสั่งอาหารมากินตอนกลับมาอยู่เลย”

เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “สั่งอาหารมากินก็ดีออก สั่งให้ผมด้วยชุดหนึ่งนะ”

เซียวชูหรันพยักหน้า เอ่ยว่า: “คุณเข้ามาพักผ่อนข้างในบ้านก่อนเถอะค่ะ!”

ทั้งคู่คล้องแขนกันเดินมายังหน้าคฤหาสน์ เซียวชูหรันสแกนนิ้วมือปลดล็อกประตู เพิ่งเข้ามาก็ได้ยินน้ำของหม่าหลันที่ทั้งเกียจคร้านปนตำหนิดังขึ้นมา: “ชูหรันทำไมแกเพิ่งกลับมาเนี่ย! พ่อตัวดีของแกไปมั่วสุมอยู่กับคนของสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดแล้ว ฉันหิวตั้งนานแล้วนะ รอแกกลับบ้านมาสั่งกับข้าวอยู่…”

หม่าหลันในเวลานี้กำลังนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ไม่แม้แต่จะหันมามอง รู้เพียงว่าจะต้องเป็นเซียวชูหรันกลับมาแล้วแน่นอน

เซียวชูหรันเอ่ยด้วยความเอือมระอา: “แม่คะ สองสามวันนี้แม่ขี้เกียจเกินไปแล้วนะ ไม่ให้แม่ทำงานบ้าน แต่อย่างน้อยแม่หิวแล้วก็สั่งกินเองก็ได้นี่…”

หม่าหลันเอ่ยด้วยความหงุดหงิด: “ฉันเบื่อการสั่งอาหารที่สุดเลย ไม่ก็มองอันนี้ก็ไม่อยากกิน อันนั้นก็ไม่อยากกิน ไม่ก็มองอันนี้ก็อยากกิน อันนั้นก็อยากกิน ให้แกสั่งนั่นแหละดีแล้ว ฉันรอกินก็พอแล้ว…”

เซียวชูหรันถอนหายใจ เอ่ยว่า: “แม่คะ เย่เฉินกลับมาแล้วค่ะ ให้เขาดูเองละกันว่าจะกินอะไรดี”

เซียวชูหรันพูดจบ ก็ได้ยินหม่าหลันพูดขึ้นมาจากในห้องรับแขก: “อุ๊ยตายจริง ลูกเขยสุดที่รักของฉันกลับมาแล้วเหรอ?”

สิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงคนใช้ไม้ค้ำ เดินกะเผลกมา

จากนั้น หม่าหลันก็เดินกะเผลก ค้ำไม้ค้ำมือหนึ่งเข้ามา เมื่อเห็นเย่เฉิน ก็ประจบประแจงทันที: “ตายจริง ลูกเขยสุดที่รักกลับมาแล้ว ทำไมลูกไม่บอกแม่สักคำเลยล่ะ แม่จะได้ทำของอร่อยเอาไว้ให้!”

สิ้นเสียง เธอจึงเอ่ยขึ้นทันที: “ลูกเขยสุดที่รักไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะเข้าครัวไปดูว่าทำอะไรได้บ้าง!”