สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้อย่างว่านพั่วจวิน หากมีสักวันหนึ่งสามารถเข้าสู่แดนมืดได้ นับเป็นโชคชะตาสูงสุดของชีวิตจริงๆ
ทว่า เขาก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเย่เฉิน จะได้รับโอกาสนี้หรือไม่ก็ยังต้องดูการกระทำของตนรวมทั้งทหารคนอื่นๆ ของสำนักว่านหลงด้วย
ดังนั้น เขาจึงคุกเข่าหนึ่งข้าง มือประสานกัน เอ่ยว่า: “คุณเย่ ทหารทั้งหมดของสำนักว่านหลงจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ ไม่มีวันให้คุณผิดหวังแน่นอน!”
คนอื่นๆ ก็คุกเข่าหนึ่งข้างตามเขา เปล่งเสียงแสดงเจตนารมณ์พร้อมกัน
เย่เฉินรับการคุกเข่าคำนับของทุกคนอย่างราบเรียบ พร้อมเอ่ยกับว่านพั่วจวิน: “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายจะต้องเข้มงวดกับตัวเองรวมทั้งลูกน้องของนายยิ่งกว่าแต่ก่อนอีก ห้ามให้ใครจองหองเย่อหยิ่งเหมือนลู่เห้าเทียนและเฉินจงเหล่ยอีก”
ว่านพั่วจวินเอ่ยอย่างไม่ลังเลด้วยความสุภาพ: “คุณเย่ได้โปรดวางใจ กระผมจะต้องเข้มงวดกับตัวเองรวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆ ครับ!”
เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เอ่ยว่า: “เอาละ เวลาไม่เคยรอใคร พวกนายออกเดินทางไปที่สนามบินตอนนี้เลยเถอะ รีบจัดการเรื่องคุ้มกันเรือติดอาวุธให้โดยเร็วที่สุด”
“ครับ!” ว่านพั่วจวินรีบตอบตกลง พร้อมพูดกับเย่เฉินอีกว่า: “คุณเย่ ที่คุณให้ผมทิ้งคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้เฝ้าจินหลิง ไม่งั้นก็ให้จงเหล่ยอยู่ที่นี่รอรับคำสั่งของคุณดีไหม!”
เย่เฉินโบกมือ: “ไม่ต้องหรอก เขาเป็นถึงทหารที่มีฝีมือไล่เลี่ยกับนายในสำนักว่านหลง ถ้าอยู่ที่จินหลิงก็เสียดายฝีมือแย่ นายทิ้งนายพลห้าดาวหนึ่งคนพร้อมนายพลสามดาวสองสามคนก็พอแล้ว”
“ได้ครับ” ว่านพั่วจวินเลือกทหารหนึ่งนายออกมาจากกลุ่มคน เอ่ยว่า: “หลี่หนาน ออกมา!”
“ครับ!” ชายหนุ่มผู้หนึ่งสาวเท้าเดินออกจากกลุ่มคน เอ่ยว่า: “เชิญรับสั่งมาได้เลยครับท่านประมุข!”
ว่านพั่วจวินเอ่ย: “นายเลือกมา 15 คน รวมกันเป็นทีมเล็กๆ ที่มีสมาชิก 16 คน โดยนายรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม ทั้งทีมให้ประจำการอยู่ที่จินหลิงระยะยาว และฟังคำสั่งจากคุณเย่ทุกประการ!”
“รับทราบ!” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหลี่หนานเอ่ยอย่างไม่ลังเล: “คุณเย่ กระผมหลี่หนาน คือนายพลห้าดาวของสำนักว่านหลง หากคุณมีธุระอะไรก็รับสั่งผมมาได้เต็มที่ กระผมจะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “หลังจากที่นายเลือกคนได้แล้ว ก็อยู่ที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง เฉินจื๋อข่ายจะเป็นคนจัดการเรื่องการกินการอยู่ในจินหลิงของพวกนายเอง”
หลี่หนานเอ่ยอย่างไม่ลังเล: “รับทราบครับ!”
เย่เฉินมองดูเวลา พร้อมทั้งเอ่ยกำชับกับเฉินจื๋อข่ายว่า: “เหล่าเฉิน จัดเตรียมรถให้ไปส่งโพ้จวินและพวกที่สนามบิน”
“รับทราบคุณชาย”
เย่เฉินกำชับว่านพั่วจวินอีกครั้ง: “ถ้านายมีไอเดียอะไรเกี่ยวกับการดัดแปลงเรือลำนั้น ก็รีบเรียบเรียงแล้วบอกฉันโดยเร็ว ฉันจะให้เฮ่อจือชิวจ้างโรงงานผลิตเรือดัดแปลงให้”
ว่านพั่วจวินรีบเอ่ย: “คุณเย่ ผมคิดแล้ว การดัดแปลงโดยรวมก็มีแค่ไม่กี่แนวทาง ดัดแปลงดาดฟ้าและดัดแปลงจากคลังเก็บสินค้าให้เป็นห้องทำกิจกรรม รวมทั้งบรรจุทหารติดอาวุธจำนวนมาก สำหรับเรื่องสปีดโบ๊ทก็เป็นเรื่องง่ายสามารถซื้อได้ตลอดเวลา”
สิ้นเสียง เขาก็เอ่ยขึ้นอีก: “แต่ว่าตอนนี้เวลาเร่งรัด ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องดัดแปลงอะไรมากมาย แค่ทำการซ่อมแซมส่วนดาดฟ้าให้เรียบ เพื่อให้จอดเฮลิคอปเตอร์สามลำได้เป็นอย่างต่ำก่อน ส่วนข้างในเรือก็สร้างเป็นห้องนอนที่สามารถให้ทหารอย่างน้อยสิบกว่าคนนอนได้ เหล่าทหารของสำนักว่านหลงสามารถทนอยู่ไปก่อนได้ รีบให้ใช้งานได้โดยเร็วก่อน จากนั้นก็ใช้ไปแล้วดัดแปลงไปช้าๆ ดีกว่า”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “อีกเดี๋ยวฉันจะไปบอกเฮ่อจือชิว ให้เขารีบจัดการโดยเร็ว เมื่อเรือส่งสินค้าดัดแปลงซ่อมแซมดาดฟ้าเสร็จ จะขับไปอ่าวเอเดนส่งต่อให้พวกนายทันที”
“รับทราบ!” ว่านพั่วจวินเอ่ยอย่างแน่วแน่: “คุณเย่ไม่ต้องห่วงนะครับ ภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมจะจัดการเรื่องฐานชายแดนทุกอย่างจนเสร็จแน่นอน!”
……
เวลาต่อมา ว่านพั่วจวินก็พาทหารสำนักว่านหลงจำนวนมาก ออกไปจากโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่สนามบิน
เครื่องบินเจ็ทลำนั้นของเย่เฉินได้เตรียมพร้อมในการบินเรียบร้อย สำหรับบินสู่เมืองหลวงของเยเมนซานา
ส่วนทางหลี่หนาน รวมทั้งทหารสำนักว่านหลงสิบกว่าคน จะได้รับการจัดแจงที่พักโดยเฉินจื๋อข่ายในการเข้าพักที่ตึกสำนักงานโรงแรมป๋ายจินฮ่านกง
เย่เฉินโทรศัพท์หาเฮ่อจือชิวอีกครั้ง พร้อมบอกข้อต้องการเกี่ยวกับการดัดแปลงเรือส่งสินค้าที่ว่านพั่วจวินกล่าวให้เธอฟัง แม้ว่าเฮ่อจือชิวจะไม่ทราบว่าเย่เฉินต้องการทำอะไรกันแน่ ทว่าก็ยังคงรับปากว่าจะจัดเตรียมเรือลำนั้นไปดัดแปลงซ่อมแซมเดี๋ยวนี้ และจะทำการดัดแปลงให้เสร็จภายในเวลาอันสั้นที่สุด