บทที่ 3498 ต้องใจดำกว่าพวกเขา

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

เว่ยเลี่ยงนำโคลนยาที่เย่เฉินได้ผสมยาช่วยหัวใจแล้วกลั่นออกมา เอากลับบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน ในตอนบ่าย เขาใช้โคลนยานี้ ผลิตยาเกิดใหม่เก้าเสวียนจำนวน 700 กล่องออกมา

จากนั้นเขาก็เอายี่สิบกล่องออกมา และล็อคส่วนที่เหลือไว้ในตู้นิรภัย

หลังจากนั้น เขาสั่งให้คนสนิทของเขา เริ่มเผยแพร่ข่าวในประเทศเพื่อขออาสาสมัครทดลองยาต้านมะเร็งชนิดใหม่ และขอให้อาสาสมัครเหล่านี้ให้คำอธิบายสถานการณ์ครอบครัว และเคสที่แท้จริงของพวกเขา เพื่อตรวจสอบ

ตามแผนของเว่ยเลี่ยง เขาตั้งใจที่จะรวบรวมผู้สมัครภายในหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นเลือกผู้สมัคร 100 คนที่เหมาะสมที่สุดจากผู้สมัครเหล่านี้ และเชิญพวกเขาทั้งหมดไปจินหลิง รวมตัวทำการทดลองยา

บอกว่าลองยา แต่เขารู้ดีว่านี่คือ โอกาสที่เย่เฉินมอบให้คนร้อยคน หรือร้อยครอบครัวได้เกิดใหม่

หลังจากจัดการสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาก็รีบไปที่สนามบินพร้อมกับยาเกิดใหม่เก้าเสวียน20 กล่องและรีบไปสหรัฐอเมริกา

ทันทีที่เครื่องบินออก ในใจเว่ยเลี่ยงยังคงประหม่าอยู่บ้าง

เขายังไม่รู้ประสิทธิภาพของยาเกิดใหม่เก้าเสวียนเหล่านี้เลย ดังนั้นไม่รู้ว่าสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ จะสามารถทำงานที่เย่เฉินมอบหมายให้ได้ไหม

แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่า ยาเกิดใหม่เก้าเสวียน20กล่องนี้ จะสร้างกระแสในสหรัฐอเมริกาแค่ไหน

……

ในคืนที่เว่ยเลี่ยง ออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เครื่องบินคองคอร์ดของตระกูลเย่ ก็แอบบินไปที่จินหลิง เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับการเดินทางของเย่เฉิน ไปยังตะวันออกกลาง

เพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดของนักโทษสำนักว่านหลง และฐานทัพในคราวเดียว เย่เฉินไม่เพียงแต่ต้องนัดกับว่านพั่วจวิน ไปพบกันที่สนามบินเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนในเช้าวันพรุ่งนี้ และยังติดต่อกับคามมิตล่วงหน้าอีกด้วย

เขาให้คามมิตมิดเพื่อจัดเตรียมสถานที่สำหรับการเจรจา จากนั้นก็โทรหาซัยยิต ผู้นำกองทัพของรัฐบาลที่ตอนนี้เลื่อนตำแหน่งแล้ว

ตอนนี้ซัยยิตเป็นวีรบุรุษและคุณงามความดีของชาติ

เขาจับทหาร 15,000 คนของสำนักว่านหลงได้โดยไม่ต้องสู้เลยสักนิด ซึ่งทำให้เขาโด่งดังในการรบ

นอกจากนี้เขายังได้รับการเลื่อนตำแหน่งในกองทัพของรัฐบาล และตอนนี้สามารถพูดได้ว่าอนาคตสดใส

แต่ว่า ตอนนี้เขาก็กังวลเกี่ยวกับทหาร 15,000 นายของสำนักว่านหลง

นักโทษจำนวนมากมีปริมาณงานเกินความสามารถของระบบเรือนจำแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างเรือนจำชั่วคราว ด้วยเต็นท์ทหารและลวดหนามในพื้นที่ภูเขาในเขตชานเมือง และกักขังทหารของสำนักว่านหลงที่นี่

แต่ว่า การเลี้ยงทหาร 15,000 นายนี้ เป็นภาระใหญ่สำหรับพวกเขา ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเลี้ยงดูพวกเขาทุกวัน

นอกจากนี้ การดูแลรักษาเรือนจำชั่วคราวนี้ยังต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์และวัสดุจำนวนมาก ซึ่งมันแย่ยิ่งกว่าเดิม สำหรับกองทัพของรัฐบาลที่อยู่ในสถานการณ์ยากจน

ตอนแรกพวกเขายังอยากคุยกับว่านพั่วจวิน ให้สำนักว่านหลงจ่ายค่าชดเชยจำนวนหนึ่ง แล้วรีบพานักโทษ 15,000 คนนี้ออกไป แต่ในช่วงนี้ ว่านพั่วจวินยุ่งกับการไปหาตระกูลเย่เพื่อแก้แค้น คุกเข่าบนภูเขาเย่หลิงซานเพื่อสำนึกผิด ไม่ก็ยุ่งกับงานศพของพ่อแม่รวมถึงภารกิจที่เย่เฉินให้ล้างบาป จึงไม่สามารถติดต่อกับว่านพั่วจวินได้เลย

ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเชลย 15,000 คนนี้ เย่เฉินก็โทรมา

ซัยยิตรู้แค่ว่าเย่เฉินนามสกุลเย่ แต่เขาไม่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนของตระกูลเย่ ดังนั้นเขารับสายแบบไม่คิดมาก และถามเขาอย่างสุภาพมากว่า:”คุณเย่โทรหาผมมีอะไรเหรอครับ?”

เย่เฉินยิ้มพูดว่า:”คุณซัยยิต ผมโทรหาคุณ เพื่อที่จะคุยเรื่องสำนักว่านหลง”

“สำนักว่านหลง?”ซัยยิตจู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น และรีบถามว่า:”คุณเย่ คุณมีข้อเสนอแนะดีๆ ในเรื่องสำนักว่านหลงเหรอ? บอกความจริงว่า นักโทษหนึ่งหมื่นห้าพันคนนี้ ทำให้ผมปวดหัวไปหมดแล้ว……”