เว่ยเลี่ยงเอ่ยพูดว่า “ยาเกิดใหม่เก้าเสวียนของเราไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่ถ้าอาการของเขาค่อนข้างหนัก คุณสามารถให้เขากินหลายๆเม็ดได้ ทุกครึ่งชั่วโมงให้เขากินหนึ่งเม็ด จนกว่าจะกินครบเจ็ดเม็ด แบบนี้อย่างน้อยก็สามารถรับประกันได้ว่า เขาจะไม่เป็นอันตรายใดๆในอีกสองสามเดือน ไม่อย่างนั้นถ้าหากเซลล์มะเร็งแผ่ขยายและสะสมเพิ่มเรื่่อยๆ เขาอาจจะตกอยู่ในสภาวะวิกฤตในเวลาไม่ช้า”
สมิธรีบเอ่ยถามขึ้น “ถ้าวันนี้กินหมด แล้วพรุ่งนี้จะทำยังไง?”
เว่ยเลี่ยงเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ผมบอกแล้วไง ถ้ากินหมดวันนี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะยื้อชีวิตไปได้อีกสองสามเดือน ถ้าหากควบคุมเซลล์มะเร็งได้ ไม่แน่อาจมีชีวิตอยู่ถึงปีก็ได้ ส่วนยาที่เหลือ เอาไว้วันหลังค่อยคุยแล้วกัน”
เว่ยเลี่ยงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “คุณสมิธ ตอนนี้ผมอยากพักผ่อน ขออนุญาตวางสายนะครับ”
ต่อจากนั้น เว่ยเลี่ยงก็ไม่รอให้สมิธได้ตอบกลับ ชิงวางสายไปก่อน
เมื่อวางสายเสร็จ เว่ยเลี่ยงก็โทรหาพนักงานสนามบิน ให้พวกเขายื่นเรื่องเที่ยวบินและเตรียมเครื่องบินให้ ส่วนตัวเองจะรีบตามไปที่สนามบินให้เร็วที่สุด
หลังจากโทรหาพนักงานสนามบินเสร็จ เว่ยเลี่ยงก็ปิดเครื่อง เก็บข้าวของทุกอย่าง ไม่แม้แต่จะทำเรื่องคืนห้อง ออกมาเรียกรถออกจากโรงแรมตรงไปที่สนามบินทันที
……
ด้านสมิธที่ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลยังคงไม่ลดละที่จะขอยาเกิดใหม่เก้าเสวียนอีกกระปุกกับเว่ยเลี่ยง
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ปั้นหน้าโทรไปหาเว่ยเลี่ยงอีกครั้ง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า เสียงปลายสายจะดังขึ้นมาว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว
ในใจของสมิธรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก ให้ตายยังไงเขาก็คงไม่เล่นตัวกับเว่ยเลี่ยง ยังไงก็ต้องเอายาเกิดใหม่เก้าเสวียนสองกระปุกนั้นมาให้ได้
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเสียใจเรื่องยาย้อนหลังอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงทำได้แค่พุ่งความสนใจมาที่จิมมี่ลูกชายของเขาอีกครั้ง
เมื่อสมิธนึกย้อนไปถึงคำพูดของเว่ยเลี่ยงที่ว่าสามารถให้ลูกชายของเขาทานยาเกิดใหม่เก้าเสวียนเจ็ดเม็ดได้ ในใจของสมิธก็ไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป
ดังนั้น เขาจึงหันมาพูดกับภรรยาว่า “เจนนี่ คุณให้จิมมี่กินยาอีกหนึ่งเม็ด จากนั้นก็จดเวลาไว้ ทุกๆครึ่งชั่วโมงต้องให้เขากินทีละหนึ่งเม็ด ผมเพิ่งถามทางนั้นมา เขาบอกว่าผู้ป่วยหนักสามารถกินยารักษารวดเดียวได้ แบบนี้อาการจะดีขึ้นเร็วกว่า”
เจนนี่อยากให้ลูกชายได้กินยาเม็ดที่สองในวันพรุ่งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็รีบหยิบเม็ดยาออกมาอย่างอดรนทนรอไม่ได้
ในตอนที่กำลังจะป้อนเข้าปากของลูกชาย เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยถามว่า “ถ้ากินยาหมดกระปุก หลังจากนี้ถ้าไม่มียาแล้วจะทำยังไงล่ะ?”
สมิธรีบพูดขึ้นมาว่า “หลังจากนี้เดี๋ยวผมคิดหาทางเอง เขาบอกแล้ว ว่าขอแค่วันนี้สร้างพื้นฐานร่างกายของลูกให้ดี จิมมี่จะไม่เป็นอันตรายไปได้อีกสองสามเดือน โชคดีเข้าหน่อย ก็มีโอกาสอยู่ได้ถึงปี”
เจนนี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เอ่ยพูดกับจิมมี่ว่า “จิมมี่ รีบกินยาเข้าไปสิลูก”
ในตอนนี้เอง ประสาทสัมผัสอันว่องไวของสมิธ ก็ทำงานในทันที
เขาหันไปพูดกับภรรยาว่า “เจนนี่ รอก่อน!อีกสองสามนาทีค่อยให้จิมมี่กินยา!”
ในตอนที่เจนนี่กำลังแปลกใจ เขาก็รีบหันไปพูดกับหมอเจ้าของไข้ว่า “เรียกคนของคุณมาที่นี่ให้หมด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปให้เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจิมมี่อย่างใกล้ชิด และต้องจดบันทึกเอาไว้ไม่ให้ขาดแม้แต่รายละเอียดเดียว อีกอย่าง เตรียมกล้องมาบันทึกภาพตลอดทั้งกระบวนการด้วย ผมล่ะอยากจะเห็นจริงๆ ว่ายาชนิดนี้มันจะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว!”
“ครับ!”
หมอเจ้าของไข้เองก็แทบจะทนรอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
เมื่อสักครู่เขาพลาดกระบวนการทานยาของจิมมี่ทั้งหมด ตอนที่ตามมาก็เห็นแค่ผลลัพธ์ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงอยากเห็นกับตาว่ายาชนิดนี้ จะวิเศษเท่าไหร่กันเชียว!