สมิธรีบนั่งลง รับถ้วยน้ำชาจากหงห้ามาถือไว้ โดยไม่คิดที่จะลองชิม แต่กลับรีบเอ่ยพูดอย่างอดรนทนรอไม่ไหวว่า “คุณหง ผมอยากให้คุณช่วยนัดหมายประธานเว่ยจากบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนให้หน่อย ไม่ทราบว่าคุณพอจะสะดวกไหมครับ?”
หงห้าหัวเราะๆออกมาแล้วพูดว่า “สะดวกสิครับ! สะดวกแน่นอน! ตราบใดที่ตกลงค่าติดต่อได้ ผมก็จะนัดหมายให้คุณทันที เอาเป็นห้องวีไอพีระดับโกลด์ของที่นี่ไปเลยเป็นไง รับรองสมเกียรติสมศักดิ์ศรีแน่นอน”
สมิธเริ่มใจชื้น แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าหงห้าต้องเก็บค่าใช้จ่าย จึงลองหยั่งเชิงถามไปว่า “คุณหง ไม่ทราบว่าค่าติดต่อนี่คิดเท่าไหร่ครับ?”
หงห้าหัวเราะฮิๆออกมา แววตาที่มองสมิธ เหมือนนายพรานกำลังล่าแกะตัวหนึ่ง ยิ้มตาหยีแล้วพูดออกมาว่า “นัดประธานเว่ยออกมาทานข้าว ผมคิดราคาอยู่ที่ห้าล้านดอลล่าต่อครั้ง!”
“เท่าไหร่นะ?!”
สมิธตกใจจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
ห้าล้านดอลล่า?! ราคานี้มันเว่อร์วังเกินไปหรือเปล่า?!
บริษัทนายหน้าที่เขาใช้บริการก่อนหน้านี้ ก็ยังเสนอราคาให้เว่ยเลี่ยงแค่ห้าหมื่นดอลล่าเอง
ทำไมพอมาที่นี่ เว่ยเลี่ยงถึงได้เรียกราคาสูงเป็นร้อยเท่าแบบนี้ล่ะ?!
ก่อนหน้านี้เขาใช้เงินเก็บจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกไปหมดแล้ว จะเอาเงินห้าดอลล่านี้มาจากไหนกัน?!
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ตีหน้าเศร้าแล้วพูดว่า “คุณหง ผมพูดแบบไม่ปิดบังเลยนะ สภาพการเงินของผมไม่ได้มีมากมายมหาศาลอย่างที่คุณคิดหรอก อย่าว่าแต่ห้าล้านดอลล่าเลย แม้แต่ห้าหมื่นดอลล่า ตอนนี้ผมก็อาจจะไม่มี…..”
หงห้าไหวไหล่ เอ่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “งั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับคุณสมิธ ห้าล้านเป็นราคาที่ทางเราเสนอ ไม่มีส่วนลดพิเศษใดๆทั้งนั้น อีกอย่างผมเองก็ขอพูดแบบไม่ปิดบังเลยนะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ราคาจะเพิ่มขึ้นวันละล้าน นั่นหมายความว่า คืนนี้ก่อนเที่ยงคืนถ้าคุณยังไม่จ่ายเงิน พอเลยเที่ยงคืนไป ราคาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหกร้อยล้านดอลล่า”
สมิธรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาในทันที
โอดครวญในใจว่า “เว่ยเลี่ยงเอาคืนแรงเกินไปหรือเปล่า? ถึงตอนนั้นฉันจะทำไม่ถูกจริงๆ แต่จำเป็นต้องเสนอราคาค่านายหน้าสูงขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อหงห้าเห็นเขาเงียบ ก็หยิบนามบัตรออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าเขา เอ่ยพูดอย่างเนิบนาบว่า “คุณสมิธกลับไปคิดดีๆก่อนก็ได้นะครับ ตัดสินใจได้ตอนไหน แล้วค่อยโทรมาหาผม”
สมิธรู้ว่าหงห้ากำลังเอ่ยส่งแขก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงเอ่ยพูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “คุณหง ผมจะกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัว ได้ผลยังไงผมจะติดต่อคุณทันที”
เมื่อออกมาจากเทียนเซียงฝู่ ในใจของสมิธก็เต็มไปด้วยสารพัดความรู้สึก
ยิ่งมาจนมุมอยู่ที่หัวเซี่ยเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจที่ตัวเองแสดงท่าทีไม่ดีกับเว่ยเลี่ยงในตอนแรกมากเท่านั้น
แต่ว่า ถึงจะเสียใจยังไง เขาก็รู้ตัวดี ว่าตัวเองไม่ควรล้มเลิกไปทั้งอย่างนี้เด็ดขาด
ดังนั้น วิธีเดียวที่ทำได้ ก็คือต้องทำเรื่องนัดเจอเว่ยเลี่ยงผ่านหงห้าเท่านั้น
แต่ราคาในการนัดเจอครั้งนี้มันสูงจนน่าตกใจ ตั้งห้าล้านดอลล่า มันไม่ใช่ราคาที่เขาจะรับได้ไหวแน่ๆ
ในตอนที่เขากำลังมืดแปดด้าน ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดที่หัวหน้ากระทรวงคุยกับเขา ดังนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาอีกฝ่ายทันที
เมื่อกดรับสาย อีกฝ่ายก็เอ่ยถามอย่างไม่รีรอว่า “สมิธ คุณได้เจอผู้ดูแลบริษัทยานั่นแล้วหรือยัง?”
สมิธถอนหายใจออกมา “ยัง ทางนั้นบอกว่า ถ้าจะเจอต้องทำเรื่องผ่านนายหน้า ซึ่งนายหน้าคนนี้ เรียกราคาค่านายหน้ามาห้าล้านดอลล่า….”
“ห้าล้านดอลล่า?!” อีกฝ่ายเบิกตาอ้าปากค้าง หลุดพูดออกไปว่า “พวกเขาบ้าไปแล้วเหรอ? คิดว่าเงินมันหล่นมาจากท้องฟ้าได้หรือไง?”
สมิธเอ่ยพูดอย่างจนใจ “ตอนนี้พวกเขาแสดงท่าทีออกมาอย่างนี้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เงินเยอะขนาดนี้ผมหามาไม่ได้หรอก ถ้าพวกคุณช่วยจัดการค่าใช้จ่ายนี้ได้ ผมก็จะได้เจอผู้ดูแลบริษัทของพวกเขา แต่ถ้าพวกคุณจัดการไม่ได้ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ จนสมิธได้ยินเสียงกัดฟันกรอดที่เล็ดลอดมาตามสาย ต่อมา ก็ได้ยินอีกฝ่ายสบถอย่างกรุ่นโกรธว่า “แม่งเอ้ย! ห้าล้านก็ห้าล้าน! เงินนี้ทางกระทรวงจะเป็นคนออกเอง!”