ยาเกิดใหม่เก้าเสวียนที่สมิธนำกลับมา ทั้งหมดมีแค่ยี่สิบกล่อง และรวมเป็นร้อยสี่สิบเม็ด
เหลือไว้ให้จิมมี่สี่กล่องลูกชายของสมิธ และกล่องที่เหลือนอกจากจะใช้สำหรับการวิจัยแบบย้อนกลับแล้ว ยังจะต้องแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยสี่รายที่ทำเนียบขาวยัดเข้ามาให้ก่อนหน้านี้
แต่เติมก็รับมือไม่ทันอยู่แล้ว
ตอนนี้ ทูตพิเศษยังจะเอาไปใช้เป็นวัสดุเชิงกลยุทธ์อีกสิบกล่อง หากเป็นเช่นนั้น ตัวเองก็แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่ในมืออีกเลย
ร็อดเจอร์สอดไม่ได้ที่จะบ่นกับทูตพิเศษว่า “คุณทูตพิเศษ แต่เติมบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนก็ควบคุมยาตัวนี้อย่างเข้มงวดมากอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยให้รั่วไหลออกสู่ภายนอกแม้แต่น้อย แม้กระทั่งการทดลองยาด้วยคนหลายร้อยคนในหัวเซี่ย ของพวกเขา ก็ดำเนินการอย่างปิดไม่เปิดเผยเลยแม่แต่น้อย ก็เหมือนกับที่เราให้ยาแก่ผู้ป่วยในฐานเรา ต้องเฝ้าดูผู้ป่วยกินยาแต่ละเม็ดลงไปด้วยตาของเราเอง หากเป็นเช่นนั้น เมื่อยาเกิดใหม่เก้าเสวียนยี่สิบกล่องนี้หมด ถ้าเราอยากจะได้มาอีก เกรงว่ามันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว!”
ทูตพิเศษกล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้บริหารระดับสูงขอให้ผมเหลือสิบกล่องไว้เป็นกองหนุนเชิงกลยุทธ์ ก็เกิดจากผ่านการพิจารณานี้ด้วย ถ้าหากมีวันหนึ่งผู้บริหารระดับสูงของเราจำเป็นจะต้องใช้ยาตัวนี้ล่ะทำยังไง?”
ร็อดเจอร์สพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “งั้นก็ไม่ควรเอาไปจำนวนมากขนาดนี้ในคราวเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราก็จะยื้อไปได้อีกสักสองสามวันมากสุด และยาก็จะหมดแล้ว……..”
ทูตพิเศษกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยว่า “คุณร็อดเจอร์ส ความยากลำบากทางด้านของพวกคุณ พวกคุณต้องหาวิธีจัดการกับมันด้วยพวกคุณเอง ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็สามารถยุติการทดลองทางคลินิกของพวกคุณไปก่อน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถประหยัดยาเกิดใหม่เก้าเสวียนส่วนใหญ่ยาให้พวกคุณได้…….”
แม้ว่าในทำเนียบขาวมีคนที่ยอดเยี่ยมอยู่มากมาย แต่ทูตพิเศษก็ทำหน้าที่รับใช้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงสุดของทำเนียบขาวเท่านั้น
สำหรับเหล่าผู้ป่วยที่กำลังเข้าร่วมการทดสอบยานั้น ไม่ได้เป็นญาติของผู้บริหารระดับสูงสุดเลย ดังนั้นแนวคิดของผู้บริหารระดับสูงก็ง่ายมากเช่นกัน ถือโอกาสที่ยังมียาตัวนี้อยู่ เหลือไว้ให้กับตัวเองในยามฉุกเฉิน สำหรับญาติคนอื่นๆ แล้ว ภายใต้สถานการณ์ความจำเป็น ถึงต้องปล่อยไปมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยู่เช่นกัน
ร็อดเจอร์สรู้สึกหัวโตขึ้นมาทันทีในเวลานั้น
ทูตพิเศษก็ไม่อยากจะสนใจความลำบากใจของเขา และพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณร็อดเจอร์ส เพราะว่าในตอนนี้ยาตัวนี้ได้กลายเป็นวัสดุเชิงกลยุทธ์ระดับสูงสุดไปแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณไม่มอบยาให้ผมทันที ผมก็สามารถมอบอำนาจให้กับเอฟบีไอ และจับกุมตัวคุณด้วยข้อหาคุกคามความปลอดภัยของประเทศชาติได้!”
ร็อดเจอร์สรู้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นเลย
เมื่อสิ่งของนี้ถูกกำหนดให้เป็นระดับสูงสุด งั้นมันก็มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศชาติ และหากตัวเองไม่เชื่อฟังคำสั่ง งั้นการงานอาชีพของตัวเองก็จะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนคำสั่งที่ทูตพิเศษนำมา จึงทำได้เพียงต้องหยิบกล่องยาเกิดใหม่เก้าเสวียนที่เหลือออกมาสิบกล่อง และมอบให้แก่ทูตพิเศษ
หลังจากที่ทูตพิเศษได้รับยาแล้ว ก็รีบออกจากฐานทัพด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธทันที ร็อดเจอร์สก็ทำได้เพียงต้องรีบเรียกรวมตัวแพทย์ที่กำลังทำการทดลอง และขอให้พวกเขาหยุดใช้ยาให้แก่ผู้ป่วยอีกสี่คน นับจากวันนี้เป็นต้นไป สำหรับจิมมี่ลูกชายของสมิธ ก็เก็บยาไว้ให้เขาหนึ่งกล่อง หลังจากที่กินยากล่องนี้หมดแล้ว ถ้าไม่ได้รับยาเกิดใหม่เก้าเสวียนเพิ่มเติมได้ งั้นก็หยุดยาของเขาด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ไปถึงหูของสมิธอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รีบเข้าไปในห้องทำงานของร็อดเจอร์สทันที เอ่ยปากพูดออกมาและตะโกนใส่เขาว่า “ร็อดเจอร์ส! คุณบอกว่าจะจองยาไว้ให้กับลูกชายของผมสี่กล่องไม่ใช่เหรอ! ทำไมเมื่อกี้คุณหมอถึงบอกว่า รอให้เขากินยากล่องสุดท้ายหมดแล้ว ก็เตรียมจะให้ยาเคมีบำบัดตามปกติกับเขาแล้วงั้นเหรอ!”
ร็อดเจอร์สพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “สมิธ ผมก็ไม่อยากจะผิดคำพูดเหมือนกัน แต่ทูตพิเศษที่มาจากทำเนียบขาวเพิ่งเอายาเกิดใหม่เก้าเสวียนจากผมไปสิบกล่อง และตอนนี้ยาสิบกล่องนั้น ก็ได้เป็นวัสดุเชิงกลยุทธ์ระดับสูงสุดไปแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง ผมคงไม่ต้องอธิบายให้คุณฟังอีกแล้วใช่ไหม?”
เมื่อสมิธได้ยินคำพูดนี้ ก็เป็นเหมือนลูกบอลที่หมดลมไปในทันที
เขาเข้าใจถึงความหมายของร็อดเจอร์สอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์ในการพูดใดๆ เลย และทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น
ร็อดเจอร์สถอนหายใจในเวลานี้ และเอ่ยปากกล่าวว่า “ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงต้องฝากความหวังไว้ที่ชุนเป นากามูระ แล้ว ถ้าเขาสามารถประสบความสำเร็จในการวิจัยยาเกิดใหม่เก้าเสวียนแบบย้อนกลับในเมืองจินหลิงได้ ปัญหาทั้งหมดก็จะหายไปทันทีเลย!”