เย่เฉินยังคงอ่านต่อไป
ในรายชื่อ มีอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่าเฟ่ยเจี้ยนจง ซึ่งดึงดูดความสนใจของเขา
เฟ่ยเจี้ยนจงคนนี้ จำนวนทรัพย์สินที่ลงทะเบียน ณ เวลาที่ลงทะเบียนคือหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ข้อมูลของบุคคลนี้ ไม่เคยปรากฏในรายชื่อ Forbes
มีอีกหลายคน ที่เป็นสถานการณ์เดียวกับเขา
คนเหล่านี้ไม่พบชื่อของพวกเขาในรายชื่อของ Forbes และข่าวบนอินเทอร์เน็ตก็มีเพียงเล็กน้อย แต่ทรัพย์สินที่ลงทะเบียนแต่ละราย มีมูลค่าต่างอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป
เย่เฉินแอบรู้สึกอย่างลับๆ ว่าทรัพย์สินที่แท้จริงของคนเหล่านี้ น่าจะเกินหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
เหตุผลที่ลงทะเบียนด้วยเงินจำนวนหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการที่จะเปิดเผยมากเกินไป และก็ต้องการอยากจะล็อคโควต้าอย่างแน่นหนา ดังนั้นจึงนำทรัพย์สินส่วนหนึ่งออกมาเพื่อตรวจสอบทุน
สิ่งที่ทำให้เย่เฉินประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ในรายชื่อฉบับนี้ ยังมีร่องรอยของราชวงศ์บริเตนปรากฏตัวด้วย!
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ผมยังคิดว่าราชวงศ์บริเตนจะไม่มาในคราวนี้แล้ว”
ซ่งหวั่นถิงหัวเราะและพูดว่า “พวกเขาส่งใบสมัครเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว และในครั้งนี้ที่บริเตนลงทะเบียนประมูล ไม่ใช่ราชินีเอง แต่เป็นหลานชายคนโตของราชินี เจ้าชายอาเธอร์”
ในขณะที่พูด ซ่งหวั่นถิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าชายอาเธอร์จะประสูติในยุคแปดศูนย์ มีอายุเพียงสี่สิบปีเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาเข้าร่วมการประมูลยาอายุวัฒนะ”
เจ้าชายอาร์เธอร์คนนี้ ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงสามัญชนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังเป็นทายาทที่สองของราชบัลลังก์บริเตน ดังนั้นจึงเป็นหัวข้อสนทนาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังมากเช่นกัน
เขาสมัครเข้าร่วมการประมูลกะทันหัน ซึ่งทำให้เย่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เย่เฉินก็ได้เข้าใจความตั้งใจของราชวงศ์บริเตนอย่างรวดเร็ว
เขาหัวเราะและพูดว่า “ผมว่าราชวงศ์บริเตนไม่ได้คิดที่จะแข่งขันแย่งยาอายุวัฒนะกลับไปในปีนี้อย่างแน่นอน เหตุผลที่ให้เจ้าชายอาเธอร์ลงทะเบียน น่าจะส่งเขามาดูด้วยตาของเขาเองว่า ยาอายุวัฒนะมีผลลัพธ์พิเศษอย่างไรบ้าง มาดูให้แน่ใจก่อน”
หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็กล่าวอีกครั้งว่า “อีกอย่างพูดตามจริงแล้ว ด้วยเงินทุนเล็กน้อยของราชวงศ์บริเตนนั้น จะได้รับคุณสมบัติการประมูลมันก็เพียงพออยู่ แต่ถ้าต้องการจะประมูลยาอายุวัฒนะกลับไปจริงๆ พวกเขาไม่มีกำลังเลย เต็มที่ก็แค่อยากจะมาร่วมสนุกด้วย”
เย่เฉินไม่ได้ปฏิเสธต่อคนที่มาร่วมสนุกประเภทนี้ เพราะเขารู้ดีว่า ในบรรดาผู้สมัครเจ็ดร้อยคน คนส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้ว่า ตัวเองไม่มีกำลังพอที่จะแข่งขันกับคนรวยชั้นนำเหล่านั้น
แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่สามารถห้ามความกระตือรือร้นในการอยากสมัครของพวกเขา
เย่เฉินคาดการณ์ว่า ความตั้งใจของคนเหล่านี้ น่าจะมาเพื่อเปิดหูเปิดตา และเพิ่มความรู้สักหน่อย
หลังจากที่เย่เฉินดูรายชื่อสามร้อยอันดับแรก เขาก็พูดกับซ่งหวั่นถิงว่า “หวั่นถิง คุณนำชื่อคุณปู่ของผม ออกจากรายชื่อ คุณไม่จำเป็นต้องจัดเรียงเขา”
ซ่งหวั่นถิงรีบถามว่า “อาจารย์เย่ ท่านจะไม่ให้คุณปู่ของท่านเข้าร่วมงั้นหรือ?”
เย่เฉินหัวเราะและพูดว่า “ไม่ขนาดนั้น ต้องให้เขาเข้าร่วมอยู่แล้วล่ะ ผมจองที่นั่งวีไอพีไว้สองสามที่ในสถานที่ และถึงเวลานั้นก็เหลือไว้ให้เขาที่หนึ่ง”
เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว เย่เฉินก็ถอนหายใจเบาๆ “ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มีคนเนื่องจากเหตุการณ์ของสำนักว่านหลง เริ่มดูถูกตระกูลเย่แล้ว และถึงเวลาที่จะทำให้พวกเขาแสดงความเคารพต่อตระกูลเย่บ้างแล้ว”
ซ่งหวั่นถิงพูดทันทีว่า “โอเคท่านอาจารย์ งั้นฉันก็จะรีบไปจัดการเลย”
เย่เฉินถามขึ้นอีกครั้งว่า “ใช่แล้วหวั่นถิง ผมไม่เห็นข้อมูลของราชวงศ์ยุโรปเหนือเลย ตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่?”
ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างอักอ่วนว่า “มาดามอลิเซีย อีเลียดของราชวงศ์ยุโรปเหนือ อยู่ในอันดับที่หกจากล่างสุดของรายชื่อเจ็ดร้อยคน”
ราชวงศ์ยุโรปเหนือ ก็คือชื่อของอดีตราชินี คุณยายเฮเลน่า
เย่เฉินดึงรายการไปช่วงท้ายทันที และเข้าใจถึงความอักอ่วนของราชวงศ์ยุโรปเหนือทันที
แม้ว่าพระราชินีเฒ่าส่งใบรับรองทรัพย์สินทั้งหมดของราชวงศ์ยุโรปเหนือออกมาหมดแล้วก็ตาม ถ้าเทียบกับเงินหยวนแล้วก็จะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งหมื่นล้านหยวน ซึ่งก็เพียงพอที่จะมีคุณสมบัติสำหรับเกณฑ์พื้นฐานการลงทะเบียนเท่านั้น
ดังนั้นในบรรดาเจ็ดร้อยคนเหล่านี้ เธอเกือบจะอยู่ในจุดต่ำสุดแล้ว
คัดเหลือกสองร้อยคนจากเจ็ดร้อยคน ตามลำดับนี้ เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้อย่างแน่นอน