เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เฮ้ ดูเหมือนว่าราชวงศ์ยุโรปเหนือจะน่าอักอ่วนเล็กน้อยจริงๆ ทรัพย์สินไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบของราชวงศ์อังบริเตนด้วยซ้ำ”

“ใช่…” ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ฉันคิดมาโดยตลอดว่าราชวงศ์ในยุโรปจะร่ำรวยมาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าราชวงศ์ยุโรปเหนือจะอนาถใจขนาดนี้…”

อันที่จริง ราชินีเฒ่าซึ่งอยู่ห่างไกลจากยุโรปเหนือก็รู้ดีอยู่ในใจว่า ราชวงศ์ยุโรปเหนือไม่ได้คว้าโอกาสในการพัฒนาใดๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเป็นความจริงที่ทรัพย์สินบางส่วนที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษนั้น มันก็น้อยเกินที่จะนำออกสื่อได้

ถ้าจะพูดถึงสมบัติของบรรพบุรุษ ถ้าเธอเก็บตัวอยู่ในวังอย่างเชื่อฟัง และรวบรวมการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพเขียนโบราณทั้งหมด คาดว่ายังจะมีมูลค่าเพิ่มอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งของเหล่านั้นได้รับการสืบทอดมาอย่างเป็นระเบียบ และไม่มีค่าทางตลาด จึงไม่สามารถนำออกมาประเมินราคาได้ มิฉะนั้นเมื่อนำออกมาแล้ว ทั้งโลกก็จะรู้ว่าราชวงศ์ยุโรปเหนือเริ่มขายสมบัติของบรรพบุรุษแล้ว

อีกอย่าง แม้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะถูกรวบรวมเข้ามา มันก็ไม่ได้ช่วยให้อันดับของพวกเขาสูงขึ้น การคัดเลือกสองร้อยคนจากเจ็ดร้อยคน ไม่ว่าจะเป็นลำดับที่หกจากด้านล่างสุด หรือเป็นที่สิบหกจากด้านล่างสุด หรือแม้แต่ที่หกสิบจากด้านล่างสุด มันก็มีผลลัพธ์ที่เท่าเทียมกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้ตกรอบการคัดเลือก เธอไปพบเฮเลน่าโดยเฉพาะ และขอร้องว่า “เฮเลน่า เมื่อคุณสะดวก คุณช่วยคุณยายโทรหาเย่เฉินหน่อยได้ไหมและถามเขาว่าจะสามารถให้โอกาสปล่อยให้ฉันเข้าร่วมการประมูลหน่อยได้ไหม?”

เฮเลน่าพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อยว่า “คุณย่า คุณเย่ช่วยเรามากขนาดนี้ และบุญคุณนี้ฉันยังไม่มีโอกาสตอบแทนเขาเลย เรื่องแบบนี้ ฉันจะมีหน้าไปขอให้คุณเย่ช่วยอีกได้ยังไง…….”

ความคิดของเฮเลน่า ราชินีเฒ่าเข้าใจดีอยู่แล้ว

เย่เฉินมีบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตเฮเลน่าไว้ และเปลี่ยนเธอจากตัวหมากรุกที่ราชวงศ์ใช้ในการสมรสระหว่างกัน ให้กลายเป็นราชินีคนใหม่ของยุโรปเหนือ ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเธอเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตแม่ของเธอไว้ด้วย

อีกอย่าง เย่เฉินก็ถือว่าดีต่อตัวเองมากแล้ว หากไม่มียาอายุวัฒนะของเขา ตัวเองก็คงถูกโอลิเวียฆ่าไปนานแล้ว

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ย่าหลานคู่นี้ก็เป็นหนี้บุญคุณต่อเย่เฉินมากเกินไปแล้ว และในเวลานี้ถ้าจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเย่เฉินอีก มันก็จะค่อนข้างหน้าด้านแล้วจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ราชินีเฒ่าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “การประมูลในครั้งนี้ ต้องมีชนชั้นสูงมากมายมารวมตัวกันที่หัวเซี่ย ตอนนี้ฉันก็เพิ่งสละตำแหน่งไปพอดี ตัวตนของฉันก็ไม่ได้มีจุดอ่อนไหวอะไร ถ้ามีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง และช่วยขยายเครือข่ายทรัพยากรบุคคลให้กับราชวงศ์ยุโรปเหนือของเราได้ ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน…….”

เฮเลน่ามองไปที่คุณยายที่กำลังเศร้าโศก สีหน้าของเธอดูลังเลและอยากจะพูดอะไร

เธอรู้ดีกับความคิดของหญิงชราคนนี้เป็นอย่างดีอยู่ในใจลึกๆ เธอก็แค่อยากจะใช้โอกาสในครั้งนี้ไปหาเย่เฉินเพื่อสร้างเครติด หรือไปเอาหน้าเอาตาต่อหน้าเย่เฉินดูว่าเธอจะได้รับ ผลกำไรที่ไม่คาดคิดบ้างหรือไม่

แม้ว่าเฮเลน่าจะขอบคุณเย่เฉินมากกว่าใครๆ แต่เธอก็มีศักดิ์ศรีของเธอที่ออกจากไขกระดูกเหมือนกัน และไม่อยากจะให้คุณยายของเธอ ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน เหมือนกับขอทานแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เกรงว่ามันจะทำให้เย่เฉินดูถูกตัวเองมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น เธอจึงเกลี้ยกล่อมเบาๆ ว่า “คุณย่า เกณฑ์สำหรับการประมูลในครั้งนี้ของคุณเย่มันสูงเกินไปจริงๆ ราชวงศ์ยุโรปเหนืออย่างเราไม่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้น และหากเราพยายามจะดันตัวเองเข้าไป มันก็จะดูเหมือนว่าเราไม่ลองช่างน้ำหนักตัวเอง หากเป็นเช่นนั้น การอยู่เงียบๆ มันจะดีกว่า”

ในขณะที่พูด เฮเลน่าก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ตอนนี้น้องสะใภ้ของคุณเย่ที่เป็นตัวแทนของตระกูลเย่ กำลังหาทางร่วมมือกับราชวงศ์อย่างแข็งขัน นี่ก็ถือเป็นโอกาสอันดี สำหรับราชวงศ์อีกทางด้วย จุดมุ่งหมายในตอนนี้ของเรา ควรจะให้ความร่วมมือกับตระกูลเย่เป็นอย่างดี สำหรับการประมูลยาอายุวัฒนะนั้น ฉันคิดว่าตอนนี้ยังไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร”

ราชินีเฒ่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว นางก็กลั้นไว้

ไม่ว่าเฮเลน่าจะพูดอย่างไร ความปรารถนาที่มีต่อยาอายุวัฒนะที่อยู่ในใจลึกๆ ของเธอก็ไม่สามารถลบล้างได้

เพียงแต่ว่า คำพูดของเฮเลน่านั้นเป็นความจริงทุกประการ จึงทำให้เธอไม่สามารถโต้กลับได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมรับมันอย่างเงียบๆ

ในเวลานี้ เธอเห็นว่าในดวงตาที่สวยงามของเฮเลน่า เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามเธอว่า “เฮเลน่า คุณคิดถึงเย่เฉินแล้วใช่ไหม?”