เฮเลน่าตกตะลึงทันใด เมื่อได้ยินคำถามของคุณยาย
ก่อนที่ความเขินอายในใจจะทำให้เธอหน้าแดง เธอก็ต้องจมอยู่กับความโศกเศร้าในทันที
แต่เดิม เฮเลน่าอยากจะปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ในใจ เธอจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอย่างเงียบๆ ว่า “คิดถึงเขาแล้วจะทำอย่างไรได้ล่ะ? หลังจากที่ฉันขึ้นครองบัลลังก์ สถานะของฉันก็อ่อนไหวมาก จะไปที่ไหน จะเจอกับใคร จะพูดอะไร จะทำอะไร มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองจะตัดสินใจได้อีกต่อไป ฉันใฝ่ฝันที่อยากจะไปหาเขาที่หัวเซี่ย แต่ตอนนี้ ฉันไม่สามารถเลี่ยงช่องทางการทูตและไปที่หัวเซี่ย เขาก็จะไม่ได้มายุโรปเหนือในเวลาอันสั้น ต่อไปนี้กลัวว่าฉันจะไม่ได้เจอแม้แต่หน้าของเขาอีกแล้ว……..”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ขอบดวงตาของเฮเลน่าก็เต็มไปด้วยน้ำตา และแม้กระทั่งไหลล้นออกมาจากหางตาของเธอแล้ว
เธอรีบหันศีรษะ แล้วปาดน้ำตาอย่างเงียบๆ แล้วพูดอีกครั้งว่า “คุณยาย บอกความในใจ เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ฉันอยากเป็นราชินี ก็คืออยากจะช่วยแม่ของฉัน และประการที่สองคือการแก้แค้นโอลิเวีย ตอนนี้แม่ของฉันปลอดภัยแล้ว โอลิเวียก็ได้รับบทลงโทษที่ควรแล้ว และตอนนี้ตำแหน่งของราชินี สำหรับฉันมันไม่มีความหมายใดๆ อีกต่อไปแล้ว……”
ราชินีเฒ่าพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “คุณอย่าคิดมาก! ราชวงศ์ไม่มีทายาททางสายเลือดโดยตรงแล้ว! เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสละตำแหน่งไปได้!”
เฮเลน่ามองดูราชินีเฒ่า และถามด้วยจิตสำนึกว่า “คุณยาย คุณยังอยากจะเป็นราชินีอีกครั้งไหม?”
ราชินีเฒ่าโบกมือทันทีและกล่าวว่า “ไม่! ฉันไม่อยาก! อีกอย่างในโลกทั้งใบก็ไม่มีเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่สละตำแหน่งไปแล้วและทรงสถาปนาบัลลังก์ขึ้นใหม่ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระราชวงศ์ก็จะขายหน้าในที่สุด……”
เฮเลนาถอนหายใจอีกครั้ง และพูดอย่างเศร้ามากว่า “แล้วเมื่อไหร่จะมีทายาทที่เหมาะสมกับบัลลังก์?”
ราชินีเฒ่าพูดอย่างอักอ่วนว่า “มันก็ขึ้นอยู่กับคุณ…… แต่เดิมคนในราชวงศ์ยุโรปเหนือของเราไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากนัก ตอนนี้คุณไม่มีแม้แต่ทายาทคนแรกในราชบัลลังก์เลย ถ้าคุณสละราชสมบัติไป งั้นฉันก็ต้องไปขอยืมทายาทจากราชวงศ์ของอีกประเทศหนึ่งมาแล้ว…….”
เมื่อพูดอย่างนั้น ราชินีชราก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เฮเลน่า ถ้าคุณอยากจะกำจัดพันธนาการของบัลลังก์โดยเร็วที่สุด วิธีที่ดีที่สุดก็คือการมีลูกโดยเร็ว แล้วทำให้เขาเป็นมกุฎราชกุมาร และเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คุณก็จะสามารถลงจากตำแหน่งได้แล้ว”
“ฉัน…” สีหน้าของเฮเลน่าราวกับลูกสะใภ้ตัวน้อยที่โดนรังแก และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าเย่เฉินเต็มใจ ฉันยินดีที่จะให้กำเนิดลูกชายแก่เขา และถึงเวลานั้นก็จะเลี้ยงดูเขาอยู่ใน วัง และหลังจากที่โตเป็นผู้ใหญาแล้วเขาก็จะได้สืบทอดมรดกทั้งหมด!”
ราชินีเฒ่าตกตะลึง แล้วเธอก็ปิดหน้าผากตัวเอง และถอนหายใจว่า “คุณ…..คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม……..ถ้าคุณมีลูกก่อนแต่งงาน ราชวงศ์จะอธิบายต่อคนทั้งประเทศได้อย่างไร?”
เฮเลน่าพูดอย่างจริงจังว่า “นี่มันมีปัญหาอะไรเหรอ? ตราบใดที่เย่เฉินเต็มใจจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นฉันตั้งครรภ์แล้ว ฉันก็จะไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเองโดยส่วนตัว ฉันจะบอกทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า ฉันยินดีที่จะมีลูกกับผู้ชายที่ฉันรัก นี่คืออิสระของฉัน และไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่ง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “สิ่งเดียวที่ฉันกลัว คือเย่เฉินไม่เห็นด้วย ถ้าเขาตกลง แม้ว่าฉันจะถูกคนทั้งโลกเยาะเย้ย ฉันก็ไม่สนใจเลย”
“โอเค โอเค…..” ราชินีเฒ่าถอนหายใจ ในขณะกดขมับของตัวเอง “ฉันว่าคำนึงถึงความจริงจะดีกว่า ตั้งแต่ปีหน้า ฉันจะหาคู่สมรสในวัยเดียวกันให้กับคุณสักคนหนึ่ง จากในราชวงศ์ของแต่ละประเทศ”
“ไม่” เฮเลน่าปฏิเสธอย่างเด็ดขาดโดยไม่ใช่ความคิดใดๆ “ฉันจะไม่แต่งงาน เว้นแต่จะแต่งงานกับเย่เฉินเท่านั้น”