หลังจากตอนนั้นที่เซียวฉางควน โดนเกาจวิ้นเว่ยสั่งลูกน้องชนจนบาดเจ็บ เขาถูกรถพยาบาล นำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลชุมชนจินหลิงทันที
ส่วนซือเทียนฉีได้รับเชิญจากเย่เฉิน มาที่โรงพยาบาลชุมชนจินหลิงด้วยตัวเอง ให้เซียวฉางควนกินยาช่วยหัวใจไปครึ่งเม็ด
ดังนั้นประวัติการรักษาตั้งแต่เซียวฉางควนบาดเจ็บสาหัสจนอาการดีขึ้น ล้วนเก็บอยู่ในระบบเวชระเบียนของโรงพยาบาลชุมชนจินหลิง
สองสามปีมานี้ เนื่องด้วยการพัฒนาของระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต โรงพยาบาลแทบทั้งหมด เริ่มใช้เวชระเบียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ เวชระเบียนแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะเก็บข้อมูลทั้งหมดของคนไข้ ผลการตรวจแต่ละครั้ง ประวัติการรักษาที่แพทย์บันทึก รวมไปถึงหนังสือรับรองแพทย์ สิ่งสำคัญกว่านั้น ยังสามารถเก็บรูปถ่าย ภาพเคลื่อนไหวทางการแพทย์ทั้งหมดของคนไข้ แพทย์สามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ
แต่ในความสะดวกของระบบเวชระเบียนชนิดนี้ มีภัยอันตรายขนาดใหญ่อยู่ด้วย นั่นก็คือไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลได้แน่นอน
สำหรับตระกูลใหญ่ที่มีความสามารถแข็งแกร่ง อย่างตระกูลเฟ่ย ในมือของพวกเขา ล้วนบ่มเพาะทีมพิเศษต่างๆ นานา รวมไปถึงทีมแฮกเกอร์ด้วย
ดังนั้น เฉินอิ่งซานให้คนโจมตีระบบเวชระเบียนของโรงพยาบาลชุมชนจินหลิงทั้งคืน และภายใต้คำสั่งของเฟ่ยเข่อซิน ใช้วิธีคัดแยกออก เพื่อหาเบาะแสที่ใช้ได้
อันดับแรก เฟ่ยเข่อซินให้แฮกเกอร์ เอาข้อมูลคนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัมพาตท่อนบนออกมาทั้งหมด
จากนั้น เฟ่ยเข่อซินให้แฮกเกอร์คัดกรองเคสผู้ป่วยอัมพาตท่อนบนพวกนี้ ดูว่ามีประวัติการรักษาจนดีขึ้น แล้วออกจากโรงพยาบาลหรือเปล่า
ไม่นาน ผลลัพธ์ฉบับหนึ่ง ถูกส่งมาในมือเฟ่ยเข่อซิน
ไม่กี่ปีมานี้ คนไข้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นอัมพาตท่อนบนทั้งเมืองจินหลิง มีทั้งหมด 1300 คน ในนี้มีสิบกว่าคน ที่อาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาล แต่อาการดีขึ้นที่ว่า ส่วนใหญ่เป็นเพราะกระดูกสันหลังของผู้ป่วยไม่เสียหายทั้งหมด ดังนั้นผู้ป่วยประเภทนี้ ได้รับการรักษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่อยๆ ยืนและเดินช้าๆ ได้ ไม่นับว่าหายขาด
และคนที่หาย จนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ มีเพียงหนึ่งคน คนๆ นี้เป็นพ่อตาของเย่เฉิน ชื่อเซียวฉางควน
เฟ่ยเข่อซินอ่านประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลของเซียวฉางควน พูดอย่างตกใจว่า “เมื่อปีที่แล้ว เซียวฉางควน เข้าโรงพยาบาลมาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผลการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เมื่อเข้ารับการรักษา แสดงให้เห็นว่าไขสันหลังของเขาเสียหายทั้งหมด วินิจฉัยว่าเป็นอัมพาตท่อนบน ไม่สามารถรักษาได้ แต่ผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในบ่ายวันเดียวกัน ไขสันหลังที่เสียหายของเขาฟื้นฟูทั้งหมด นี่เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก!”
เฉินอิ่งซานเดินเข้ามาดู พูดด้วยความตกใจว่า “คุณหนู ระยะเวลาที่เซียวฉางควนอยู่โรงพยาบาล ใกล้กับเวลาที่ซือเทียนฉีเปิดจี้ซื่อถังที่เมืองจินหลิงมาก น่าจะห่างกันประมาณครึ่งเดือน! ซือเทียนฉีต้องรักษาคนนี้จนหายแน่ๆ!”
เฟ่ยเข่อซินพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “เวลาวันเดียว รักษาไขสันหลังที่เสียหายจนหายดี นี่ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยฝีมือทางการแพทย์ ดูเหมือนว่า ซือเทียนฉีเก่งกาจตามคาด! การคาดเดาก่อนหน้านี้ ฉันน่าจะเดาผิดจริงๆ……”
พูดจบ เธอรีบพูดกับเฉินอิ่งซานว่า “ซานซาน ไม่ว่ายังไง พรุ่งนี้ฉันต้องได้คิวของซือเทียนฉี ฉันจะไปพบเขาที่จี้ซื่อถัง!”
…..
เช้าวันต่อมา
เฉินอิ่งซานใช้ค่าใช้จ่ายห้าหมื่น ซื้อคิวของจี้ซื่อถัง มาจากคนไข้คนหนึ่ง
ซือเทียนฉีอายุมากแล้ว ตอนนี้ตรวจคนไข้ได้แค่ไม่กี่คนต่อวัน ดังนั้นคิวของเขา จึงมีการแก่งแย่งกันเยอะมาก
จากนั้น เฟ่ยเข่อซินมีเฉินอิ่งซานมาเป็นเพื่อน มาถึงพื้นที่รอการรักษาในจี้ซื่อถัง
เช้าวันนี้ซือเทียนฉีเป็นคนรักษา เฉินเสี่ยวจาว หลานสาวของเขาเป็นผู้ช่วย ยุ่งเป็นอย่างมาก และถือโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์การสอบถามอาการด้วย
เมื่อเห็นเฟ่ยเข่อซิน เฉินเสี่ยวจาวตกใจกับความงามของเธอ ถึงเธอจะมั่นใจกับความงามของตัวเองมาตลอด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟ่ยเข่อซิน อดรู้สึกอับอายกับความอัปลักษณ์ของตนเองไม่ได้
หลังเธอตรวจสอบหลักฐานคิวในมือเฟ่ยเข่อซิน จึงให้เธอรอตรงพื้นที่รอตรวจ และพูดว่า “คุณผู้หญิงรอสักครู่ เดี๋ยวถึงคิวคุณแล้ว ฉันจะมาแจ้งนะคะ”