เซียวฉางควรก็รู้ว่าความสามารถของตัวเองไม่เท่าไร ดังนั้นเมื่อมาถึงงาน จึงไม่ได้ออกความเห็นอะไร

แต่หานเหม่ยฉิงกับเฮ่อหยวนเจียง ซึ่งมาร่วมงานเสวนาแลกเปลี่ยนครั้งนี้เหมือนกัน กลับโดดเด่นเป็นอย่างมาก

เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาตนเอง ในเชิงบวกของผู้สูงอายุในเมืองจินหลิง ที่มหาวิทยาลัยผู้สูงอายุ ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนพูดคุยเกาหลีใต้ครั้งนี้ ทั้งสองคนตั้งใจทำคอร์สบรรยายออกมาหนึ่งคอร์ส ทำคอร์สเรียนได้ยอดเยี่ยมมาก บวกกับประวัติที่ไม่ธรรมดาของทั้งสองคน ทำให้คนในงานถึงกับตกตะลึง

มหาวิทยาลัยผู้สูงอายุจำนวนมากในประเทศ แท้จริงแล้วเป็นศูนย์นันทนาการของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุที่เกษียณแล้ว เข้าไปเรียนพู่กันจีน วาดภาพ เต้นรำ รวมไปถึงไทเก็ก หรือไม่ทุกคนก็ร่วมกันจัดกิจกรรมนันทนาการ หลักๆ จะเป็นเนื้อหาทั้งหมดของมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุ

แต่หานเหม่ยฉิงกับเฮ่อหยวนเจียงคิดว่า ในเมื่อเป็นมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุ ก็ต้องจัดการหลักสูตรการสอนที่ลึกขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มแรงกายแรงใจกับมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก รวบรวมผู้สูงอายุที่ระดับความรู้และวัฒนธรรมค่อนข้างสูง ทำวิชาเรียนให้มีสีสัน มีชีวิตชีวา

เซียวฉางควนที่เอาแต่พยักหน้าขึ้นๆ ลงๆ ตลอดการประชุม ในใจรู้สึกริษยาขึ้นมา

ด้านหนึ่ง เขาเปรียบเทียบระดับของตัวเองกับหานเหม่ยฉิง เฮ่อหยวนเจียง รู้สึกห่างชั้นกันมาก ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง

อีกด้านหนึ่ง รู้สึกว่าหานเหม่ยฉิงกับเฮ่อหยวนเจียง ทำงานร่วมกันใกล้ชิดจนเกินไป ให้ความร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขารู้สึกหึง

งานประชุมใกล้สิ้นสุดลง มีคนเสนอให้ทุกคนร่วมรับประทานอาหารเย็น เซียวฉางควนคิดจะใช้โอกาสตอนทานข้าว ใกล้ชิดกับหานเหม่ยฉิงมากขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าหานเหม่ยฉิงจะพูดว่า “ฉันกับด็อกเตอร์เฮ่อ ไม่สามารถร่วมรับประทานอาหารได้ เดี๋ยวเราต้องกลับมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุ เย็นนี้มีการคุยแบ่งปันประสบการณ์การเรียนรู้ภายใน”

ประธานเพ๋ยอดเอ่ยชื่นชมไม่ได้ “ศาสตราจารย์หานมีความรับผิดชอบจริงๆ! ตอนเย็นยังมีการคุยแบ่งปันความรู้ด้วย เทียบกับมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุของพวกคุณ สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดอย่างเรา ดูไม่มีความทะเยอทะยานเลย!”

หานเหม่ยฉิงพูดอย่างถ่อมตัว “ประธานเพ๋ยอย่างพูดอย่างนั้นเลยค่ะ มหาวิทยาลัยผู้สูงอายุกับสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด มีความแตกต่างกัน สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด เป็นกลุ่มเฉพาะที่ก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ เหมือนกองทหารประจำการ พวกเราเป็นคนว่างหลังจากเกษียณ ไม่รู้จะทำอะไร จึงทำได้เพียงเรียนรู้อะไรเพิ่มเติ่ม รอให้พวกเราเป็นผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ จะได้เป็นเหมือนพวกคุณค่ะ!”

เซียวฉางควนก็ไม่พอใจเล็กน้อย หานเหม่ยฉิง ไม่ร่วมรับประทานอาหาร งั้นเขาก็ไม่อยากไปทานอาหารกับคนแก่เฒ่าพวกนี้แล้ว จึงพูดออกมาว่า “เหม่ยฉิง ให้ผมไปส่งคุณที่มหาวิทยาลัยผู้สูงอายุไหม จากที่นี่ไปเป็นทางเดียวกับบ้านผมพอดี”

หานเหม่ยฉิงยิ้มบางๆ พูดอย่างเกรงใจว่า “ไม่ต้องหรอกฉางควน วันนี้ฉันมากับด็อกเตอร์เฮ่อ เขาขับรถมาน่ะ เรากลับด้วยกันได้”

“อ้อ……” เซียวฉางควนยิ่งผิดหวังเข้าไปอีก จู่ๆ ก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

ทันใดนั้น เสียงมือถือของประธานเพ๋ยดังขึ้น เขาออกไปรับโทรศัพท์ ไม่นานก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น พูดด้วยความตื่นเต้นกับเซียวฉางควน “ฉางควน กลับสมาคมกัน! มีเรื่องดีอันยิ่งใหญ่!”

เห็นประธานเพ๋ยตื่นเต้นขนาดนี้ ถึงเซียวฉางควนสงสัยมาก แต่ก็ถามอย่างหงอยๆ ว่า “ประธานเพ๋ย มีเรื่องอะไรเหรอครับ คุณถึงดีใจขนาดนี้”

ประธานเพ๋ยพูดอย่างดีใจว่า “เลขาสมาคมโทรมาบอกว่ามีชาวจีนโพ้นทะเล ได้รับการไหว้วานจากผู้อาวุโสในตระกูล จะบริจาคผลงานของเจิ้งหยู่ นักเขียนพู่กันจีน ให้สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดแปดภาพ!”