ตอนที่ 1 คืนเดือนมืด

Re : Seconds (SS 1)

“คุณผู้บรรยายสินะคะ”

เด็กสาวปริศนาเอ่ยขึ้นมาในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด

“หมดหน้าที่ของคุณแล้วค่ะคุณผู้บรรยาย “

“อ๊ะ…จะพูดอย่างงั้นหรอคะ เสียใจด้วยนะฉันแทรกแซงทุกอย่างไว้ตั้งนานแล้วหละ”

“ก่อนอื่นฉันอยากจะบอกอะไรคุณสักหน่อย”

“ทุกอย่างน่ะมีต้นกำเนิดและจุดจบแต่ทว่าผู้บรรยายนั้นต่างไปสิ้นเชิง ไม่มีทั้งต้นกำเนิดและจุดจบทั้งยังตัวตนที่เหนือกว่าเทพเจ้าของเรื่องราวนั้นๆ แม้กระทั่งเทพเจ้าทั้งหมด4,078,915,362ตนยังไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ของผู้บบรยายได้เลยน้า”

“แต่ว่าฉันต่างออกไป”

“ถ้าฉันจะบอกว่าฉันคือทุกอย่างล่ะ แม้กระทั่งผู้บรรยายแบบคุณยังไม่รู้จักฉันแม้แต่น้อย”

“ผู้บรรยายที่อธิบายตัวตนของฉันไม่ได้ จะเป็นผู้บรรยายได้ยังไงใช่ไหมล่ะ”

“ต่อจากนี้ ฉันจะทำหน้าที่บรรยายและดำเนินต่อจากคุณละกัน”

“เอาล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า”

…เธอ..ต้องกา…อะ…

“หืม อยากพูดขนาดนั้นเลยหรอ…ก็ได้จะขอฟังสักหน่อยละกัน”

..เธอต้..การอะไร

“ฉันน่ะหรอ?”

“ก็เพื่อ…บงการยังไงล่ะ”

เธอคือ%)&@฿@/สิ..นะ

“อ่า…นึกว่าจะไม่รู้ซะแล้ว แต่คุณคงหมดความพยายามแล้วสินะ งั้นก็หายไปตลอดกาลซะเถอะ”

หลังจากนั้นผู้บรรยายคนก่อนก็กลับสู่ความว่างเปล่าชั่วนิรันดร์และฉันก็คือผู้บรรยายต่อจากนี้

มหานครที่ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่มีภูมิประเทศกว้างขวาง ถ้าเปรียบเทียบกับดาวโลกนั้นมีขนาดเท่ากับทั้งทวีปเอเชียเลยก็เป็นได้

นอกเหนือจากนั้นยังมีทั้งการคมนาคม,เทคโนโลยี,เวทย์มนต์,กำลังรบและการศึดษา ที่ล้ำหน้าอย่างมาก

ส่วนทางด้านการคมนาคมมีการค้าขายทรัพยากรณ์ที่มีไม่จำกัดข้ามดาวเคราะห์และกาแล็กซี่ ด้วยการขนส่งผ่านรถไฟกาแล็กซี่

โดยมีกรมสรรพากรแห่งดวงดาวเป็นผู้ควบคุมทุกการขนส่งและด้านเงินตรา

ค่ำคืนทีมืดสนิทไม่มีแม้กระทั่งดวงจันทร์ขึ้นบนท้องฟ้า

ระหว่างทางที่ Stark กำลังเดินทางไปสักที่หนึ่งได้เกิดการจราจลเกิดขึ้นระหว่างทาง

“จอดรถซะถ้าพวกแกไม่อยากตาย”

ชายสวมหน้ากากปริศนาปรากฎที่ด้านหน้าของรถที่ Stark กำลังนั่งอยู่

คนขับรถจอดรถทันทีที่เห็นชายปริศนายืนอยู่หน้ารถ ทันทีที่รถหยุดลงนั้นคนขับรถก็ได้ลงจากรถเพื่อไปหาพวกกลุ่มโจร

“คิดดีแล้วหรอ”

“เพื่อนายท่านแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ยากครับ”

Stark พยักหน้าและปล่อยให้คนขับรถลงไปจัดการกลุ่มโจร

“เฮ้อ…คืนเดือนมืดเนี่ยมักจะมีกลุ่มโจรออกมาเพ่นพ่านอย่างกับหนอนแมลงบ่อยจังเลยนะครับ”

“หืม…ใครกันที่เป็นหนอนแมลงแกหรือฉัน?”

“ถ้าเป็นคุณแล้วจะทำไมล่ะครับ”

คนขับรถพูดท้าทายกลุ่มโจรข้างหน้าโดยที่ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

“หึ..ไอ้ท่าทีโอหังแบบนี้มันจะทำให้แกตายไวนะจะบอกให้”

โจรคนนั้นพูดขึ้นขึ้นพรางหยิบมีดออกมาจากที่คาดเอว

ทันทีที่โจรหยิบมีดออกมาได้ ก็พุ่งเข้าหาคนขับรถทันที

“ฮี๊!!!!ถ้าแกตายไป!!!ไอ้คนที่อยู่บนรถนั้นก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า”

“ถ้าแกพูดน้อยกว่านี้ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกสักหน่อยก็ยังดีนะ!!!!”

ทันทีที่การโจมตีนั้นโดนคนขับรถเขาได้ทำการหลบการโจมตีอย่างง่าย แต่ทว่าก็ยังมีบาดแผลที่แขนของเขาอยู่ดี

“หึหึหึ..แกเนี่ยฝีมือเก่งใช้ได้นะ”

“แต่แกคิดหรอว่าจะรับมือกับพวกของฉันอีก6คนได้น่ะ”

หลังจากคำพูดนั้นก็ได้มีการโจมตีโหมกระหน่ำมาที่คนขับรถ เขาพยายามหลบหลีกการโจมตีแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนการโจมตีทีโหมกระหน่ำจากคน 7 คนนั้นก็รวดเร็วและรุนแรงเกินไป ทั้งการโจมตีด้วยพิษ มีด หรือแม้กระทั่งเวทย์มนต์ระดับสูงที่ทำลายพื้นที่เปผ้นวงกว้าง

แต่ทว่าเขากลับฟื้นฟูตัวเองเรื่อยๆและปรับตัวให้ทนกับการโจมตีได้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 5 นาที เขาเริ่มทำการสวนกลับการโจมตีจากกลุ่มโจร

“อะไรกัน…แกเป็นใครกันแน่ การโจมตีขนาดนี้แกยังทนมันได้แบบไม่มีบาดแผลเนี่ยนะ”

โจรคนหนึ่งตกใจกับสิ่งที่เห็น ทั้งที่กระหน่ำโจมตีอย่างหนักแต่ไม่สามารถโค่นชายคนนั้นได้

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“ฟื้นฟูร่างกายและปรับตัวกับการโจมตีสินะ”

ในเวลาเดียวกันนั้น โจรคนนึงได้หัวเราะและพูดออกมา

“ถ้าฉันจำไม่ผิด…คงจะเป็นพวกHybridสินะ”

“หึ…Hybridหรอพูดอะไรบ้าๆ”

หลังจากที่โจรคนหนึ่งพูดออกมา คนขับรถก็ได้ตอบกลับทันที

“ฉันน่ะไม่ใช่Hybridหรอก”

“แกนี่โอหังจังนะ”

“เดี๋ยวฉันจะพาแกไปสู่ความตายเอง!!!”

“เสริมแกร่ง!!!”

ทันทีที่พูดจบพละกำลังและพลังเวทย์ของโจรคนนั้นได้เพิ่มขึ้นมหาศาล ในเวลาเดียวกันอีกทั้ง 6 คนก็ได้ใช้การเสริมแกร่งเช่นกัน

“หึ…คนเดียวฉันคงยังพอไหว แต่พวกแกมาขนาดนี้มีหวังตายแหงๆ”

“ปล่อยไว้แบบนี้คงต้องใช้บ้างแล้วหละ!”

“เสริมแกร่…”

ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นพูดจบ โจรทั้ง7คนก็กระเด็นไปกันคนละทิศคนละทางทันที

“เอ๊ะ…อะไรกัน!!!หรือว่า?”

“ฉันคงไม่ปล่อยให้ลูกน้องฉันมาเสี่ยงตายคนเดียวหรอกนะ”

เสียงของ Stark ดังมาจากบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ได้ลงมาดูสถานการณ์ข้างล่างทันที

คนขับรถรีบเข้ามาหาเขาก่อนที่จะเริ่มขอโทษ

“ขออภัยครับที่ทำอะไรวู่วามเกินไป”

เขาพูดขึ้นระหว่าง Stark กำลังเช็คสภาพกลุ่มโจรก่อนจะพูดขึ้นมา

“นี่ Joseph นายไม่สังเกตุรอยสักนี้เลยสินะ”

ทันทีที่เขาพูดจบ Joseph หรือคนขับรถได้มองมาที่รอยสัก

และเห็นว่าเป็นรอยสักที่มีรูปร่างเป็นหัวกระโหลกที่มีงูพันระหว่างช่องว่างในกระโหลก

“เอ๊ะ…นี่มัน”

เขาตกใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าคนที่สู้ด้วยนั้น…

“อืม…สัญลักษณ์ของกิลด์ disaster”

“คงรู้สินะว่าพวกนี้มันชั่วขนาดไหน”

“ไม่ทราบเลยครับ ขออภัยด้วย”

“งั้นฉันจะอธิบายสั้นๆ พวกนี้น่ะมันเป็นนักฆ่าที่รับมือยากสุดๆ แต่ว่าช่วงเดือนมืดนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Core of darkness ปรากฎขึ้นมาน่ะ”

“เป็นCoreที่จะปรากฎเฉพาะคืนเดือนมืดเท่านั้น จึงมีคนตามหากันทั่วแต่จุดหมายหลักของกิลนี้ไม่ใช่การปล้น Core of darkness แต่เพื่อก่อความวุ่นวาย”

“แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันผิดปกติ”

“ผิดปกติ??ยังไงหรอครับ”

Joseph สงสัยกับสิ่งที่ Stark กำลังเล่า

“พวกที่สู้ด้วยมันแค่ระดับปลายแถวมายังไงล่ะ ตามปกติแล้วพวกปลายแถวก็ไม่ต่างจากโจรหรอก แต่ว่าคืนเดือนมืดพวกนี้จะไม่ส่งระดับปลายแถวมาแน่นอน”

“เอาหละรีบไปกันเถอะ พวกที่เหลืออาจจะโผล่มาก็ได้ ฉันไม่อยากเสียเวลา”

“ครับ!!”

ทันทีที่พูดคุยกันเสร็จพวกเขาก็ได้เดินทางกันต่อทันที

หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่

ระหว่างทางที่ Stark กำลังเดินทางต่อนั้นได้มีชายหนุ่มคนนึงปรากฎเป็นโฮโลแกรมข้างๆเขา

“ไงไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

“ไง Adam ฉันกำลังไปหานายที่แล็ปเลยนะ”

“แล็ปหรอ…ได้สิไม่มีปัญหา ว่าแต่นายมาเพื่อจะบอกอะไรกับฉันล่ะ”

“เอาเป็นว่า ถึงที่นั่นก่อนฉันค่อยบอกละกัน”

“อ่า..เข้าใจแล้ว”

Adam ขัดใจการกระทำของ Stark ที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่จะคุยก่อนถึงห้องแล็ปและโฮโลแกรมของ Adam ก็หายไปทันที

หลังจากนั้นไม่นาน Stark ก็ได้มาถึงที่ห้องแล็ปของ Adam

เขาและคนขับไดัลงมาจากรถเพื่อรอ Adam แต่ทว่าเวลาผ่านไป 5 นาทีก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะออกมาจากแล็ป จนกระทั่ง Stark หมดความอดทนจึงตะโกนเรียกเขาออกมา

“เฮ้ย!! ออกมาสักทีสิ ฉันก็บอกไปแล้วนะว่าจะมาน่ะ”

Stark ตะโกนเรียกอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องแล็ปด้วยเสียงที่ดังจนก้อนหินเล็กๆแถวนั้นแตก

Adam ที่ได้ยินเสียงก็รีบเทเลพอร์ตออกมาหาทันที

“ฮ่าๆๆโทษที มัวแต่วิจัยเศษซาก Void monster น่ะ”

“นายนี่มันพวกบ้าวิจัยชัดๆ”

Stark ถอนหายใจและเริ่มพูดเรื่องที่มาหา

“เอาล่ะเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ตอนนี้มนุษย์ดัดแปลง Nu-13 ของนายหนีออกมาใช่ไหมล่ะ”

“อ่า…นายพบเธอแล้วสินะ หวังว่าจะไม่เป็นอะไร”

Adam เริ่มทำสีหน้าที่ตึงเครียดหลังจากที Stark พูดจบ

“ตอนนี้เธอปลอดภัยดีฉันฝาก Yoshino ดูแลแล้วหละไม่ต้องห่วง แต่ว่าของถามอะไรนายสักอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น”

“ถามมาได้เลย”

Stark จริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นและได้ถามกับ Adam อย่างตรงไปตรงมา

“พลังในตัวเธอคืออะไรกันแน่ แม้กระทั่งหยุดเวลาเธอยังรู้สึกตัวได้”

เล่าย้อนเมื่อช่วงเย็น Stark ได้โผล่มาจากมุมมืดของตึกผ่านการเทเลพอร์ตมาหา Yoshino แต่ทันทีที่เขาพบกับ Nu

เขาจึงรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่เขาคาดไม่ถึง จึงได้รีบทำการใช้พลังหยุดเวลาเป็นการชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า

ทันทีที่เขาประเมินสถานการณ์เสร็จนั้น จึงเข้าใจว่า Nu คือมนุษย์ดัดแปลงที่มาจากห้องแล็ปของ Adam นั่นเอง

“เรื่องนั้นเองหรอ…ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องพลังของเธอหรอกแต่ว่าอาจจะเป็นชิ้นส่วนรอยแยกมิติชิ้นที่ 13 ที่ฉันผสมลงไปในตัวเธอก็ได้”

“ไม่แน่เศษรอยแยกชิ้นนั้นน่าจะมีความเข้มข้นสูงกว่า 12 เศษก่อนหน้านั้นน่ะ”

“ตอนนี้ฉันกำลังวิจัยเศษซากของ Void monster ด้วยอาจจะเจอเบาะแสเกี่ยวกับพลังของเธอ”

“อย่างงั้นหรอ…เห้อ นายนี่มันสนใจแต่เรื่องอะไรที่มันอันตรายๆนะ”

“ฮ่าๆๆงั้นหรออย่างน้อย Void monster ตัวที่ฉันกำจัดมาเพื่อวิจัยก็จัดอยู่ระดับ สูง เลยนะ”

“เออ ถ้างั้นก็ขอให้วิจัยมาได้ละกันแต่ว่านายจะเอายังไงกับ Nu ล่ะ”

“อืมม…งั้นนายดูแลเธอได้ใช่ไหม”

“ห๊ะ!!!”

Stark ทำสีหน้าตกใจอย่างมากเมื่อ Adam พูดออกมาอย่างนั้น

“เดี๋ยวสิเห้ย!!..จะให้ฉันดูแลน่ะนะ”

“อืมม…แน่นอน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนฉันจะช่วยจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้น่ะนะ”

“อะแอ่ม…เรื่องเงินฉันไม่ชัดสนอะไรทั้งนั้นแหละ ว่าแต่แล้วฉันจะต้องดูแลนานแค่ไหน?”

“อย่างมากก็จนกว่าจะเจอผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพลังของเธอ หรือไม่ก็ตลอดไป”

“เห้อ…นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

Stark ถอนหายใจทันทีที่พูดจบก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่รถก่อนจะโบกมือลาเพื่อนเก่า

“อ่า…งั้นก็ได้ไว้เจอกันทีหลังฉันจะคิดบัญชีกับนายแน่”

“ฮ่าๆๆ..ขอโทษละกันแต่มันจำเป็นจริงๆน่ะนะ ทางนี้ก็มีอีก 12 คนคอยช่วยเรื่องวิจัยกับงานของทั้งทางรัฐบาลและสถาบันวิจัยอีกเยอะ”

“ฉันอยากให้ Nu พัฒนามากกว่านี้น่ะ เพราะเธออยู่นี่ก็ไม่ต่างจากหนูทดลองหรอกนะ”

Stark เดินขึ้นรถก่อนที่จะหันมาหา Adam อีกครั้ง

“นายนี่บ้าสมคำร่ำลือจริงๆนะ ลาล่ะ”

“อืม”

เมื่อทั้งสองบอกลากันเสร็จ Stark ก็ออกจากที่นั่นทันที ส่วนทางด้าน Adam นั้นก็เทเลพอร์ตเข้าไปในห้องแล็ปเพื่อทำการวิจัยต่อ