บทที่ 1 ระบบการอ่าน
บทที่ 1 ระบบการอ่าน

ซูเสี่ยวเถียนเกิดใหม่…

ณ ช่วงเทศกาลตวนอู่*[1] เธอเกิดใหม่ตอนอายุเจ็ดขวบ

เพื่อบ๊ะจ่างเพียงหนึ่งลูก เทศกาลตวนอู่ในวันนั้น ซูเสี่ยวเถียนถูกผลักตกแม่น้ำโดยคังเหม่ยฮวาญาติผู้พี่ของเธอ

ชีวิตก่อนหน้านี้ เนื่องจากตกน้ำในครั้งนั้นทำให้เธอเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ส่งผลให้ร่างกายช่วงครึ่งชีวิตหลังอ่อนแอมาโดยตลอด นอนติดเตียงเป็นเวลาหลายปี ไม่มีแม้กระทั่งบุตรสักคน

เพราะว่าเธอไม่อาจให้กำเนิดบุตร จึงทำให้ไม่เป็นที่โปรดปรานของบ้านสามี ท้ายที่สุดก็ถูกหย่าร้างและใช้ชีวิตเพียงลำพังมาชั่วชีวิต

กลับมาเกิดใหม่ครานี้! เธอไม่ต้องการทำผิดซ้ำซาก และต้องเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตให้ได้

[ติ๊งต่อง โฮสต์เชื่อมต่อกับระบบการอ่าน และได้รับห้องสมุดส่วนตัว]

ทันใดนั้น เสียงหวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ซูเสี่ยวเถียนตกใจสะดุ้งตัวโหยง

ระบบบ้าบออะไรเนี่ย? ห้องสมุดส่วนตัวคืออะไร? แล้วมันอยู่ที่ไหนกัน?

[ฉันชื่อแอนนา ผู้ช่วยระบบของโฮสต์ ยินดีที่ได้พบกัน!]

ซูเสี่ยวเถียนผุดลุกขึ้นจากเตียงเตา*[2] เหลียวซ้ายแลขวาสำรวจรอบ ๆ ห้อง

[โฮสต์ไม่ต้องมองซ้ายมองขวา อย่างไรเสียโฮสต์ก็มองไม่เห็นแอนนาหรอก]

มองไม่เห็นงั้นหรือ? ซูเสี่ยวเถียนทิ้งตัวนอนลงอีกครั้ง

เดี๋ยวนะ! ระบบกำลังพูดอยู่ในห้อง มันจะทำคนอื่นให้ตกใจหรือเปล่านะ?

[ไม่มีใครได้ยินเสียงของแอนนานอกจากโฮสต์!]

เมื่อได้ยินระบบที่เรียกตัวเองว่าแอนนาพูด ซูเสี่ยวเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

[ตราบใดที่โฮสต์เรียกแอนนาในความคิด แอนนาก็สามารถให้บริการโฮสต์ได้ตลอดเวลา!] น้ำเสียงของแอนนานั้นยังคงหวานเลี่ยนเช่นเคย

“ห้องสมุดส่วนตัวมีประโยชน์อย่างไร?” ซูเสี่ยวเถียนฉงนสงสัย “แล้วจะหาห้องสมุดส่วนตัวเจอได้ที่ใด”

น้ำเสียงหวานเลี่ยนของระบบอธิบายให้ซูเสี่ยวเถียนฟัง

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ซูเสี่ยวเถียนก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

เธอได้รับระบบเสมือน ระบบที่มาพร้อมกับห้องสมุดขนาดเล็ก

สามารถรับรางวัลได้จากการอ่านหนังสือและทำภารกิจของระบบสำเร็จ ทุก ๆ วัน หากอ่านหนังสือถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับรางวัลได้

ยิ่งใช้เวลาในการอ่านมากเท่าไร คุณก็จะได้รับรางวัลจากการลงชื่อเข้าใช้มากขึ้น!

หลังจากทำความเข้าใจแล้ว ซูเสี่ยวเถียนลืมตากลมโตและคิดอย่างโง่เขลา ระบบนี้อธิบายว่าความรู้คือหลักการของเงินทองงั้นหรือ?

ครั้นตัดสินใจใช้ระบบการอ่าน พลันได้ยินเสียงแหลมแสบหูดังมาจากลานบ้าน

“สะใภ้สาม เธอพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เหม่ยฮวาเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง เธอยังเป็นป้าสะใภ้ของเหม่ยฮวาอยู่หรือไม่? พูดแบบนี้ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือไร? ต้องการให้เธอกลายเป็นอย่างไรในอนาคต”

ซูเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วมุ่น นั่นคือเสียงของซูหม่านเซียงผู้เป็นอาของเธอ

แม้ว่าจะผ่านมาเนิ่นนาน ทว่าซูเสี่ยวเถียนยังคงจำเสียงนี้ได้ชัดเจน

ในชีวิตก่อนหน้านี้ หลังจากถูกญาติผู้พี่ผลักตกน้ำ อาของเธอผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ตระหนักถึงความผิดของญาติผู้พี่แล้ว แต่ยังจัดฉากและพาคังเหม่ยฮวาหลบออกไปอย่างเย่อหยิ่ง

ไม่มีคำขอโทษแม้แต่ประโยคเดียว…

อาผู้เอาแต่ใจของเธอคนนี้ มักจะรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดเทียบหล่อนได้

“ฉันโหดร้ายงั้นหรือ? ซูหม่านเซียง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหล่อนมันบกพร่อง เหม่ยฮวาผลักน้องเสี่ยวเถียนของพวกเราตกน้ำ นี่มันไม่โหดร้ายหรือไร? ฉันพูดสองสามคำก็บอกว่าฉันเป็นคนโหดร้ายเสียแล้ว?” นี่คือเสียงของคุณแม่เหลียงซิ่วผู้เป็นแม่ของเธอสมัยยังสาว

คุณแม่เหลียงซิ่วเป็นสตรีผู้อ่อนโยน แต่ขณะนี้น้ำเสียงของเธออัดแน่นด้วยความเกรี้ยวกราด เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธเคือง

“สะใภ้สาม ถ้าเธอพูดอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถเป็นญาติกันได้อีกต่อไป” เสียงของซูหม่านเซียงดังขึ้นหนึ่งระดับ “เธอต้องขอโทษเหม่ยฮวา!”  

“ถ้าเป็นญาติกันไม่ได้ก็ไสหัวกลับไปหาครอบครัวคังเสีย” น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยของผู้เป็นย่าดังขึ้น

ดวงตาของซูเสี่ยวเถียนเต็มไปด้วยความขมขื่น คุณย่ากำลังปกป้องเธอ และไม่เข้าข้างหล่อนผู้เป็นลูกสาวคนสุดท้องของเธอ

“คุณแม่คะ ฉันเป็นลูกสาวของคุณแม่นะคะ คุณแม่จะพูดอย่างนั้นได้อย่างไร?”  

“น้องเสี่ยวเถียนยังคงเป็นหลานสาวของฉัน ถ้าแกทำตัวไม่มีเหตุผล ฉันพูดถึงแกไม่ได้หรืออย่างไร”

“เหตุใดตัวฉันถึงได้น่าสงสารเยี่ยงนี้ แม้แต่แม่ก็ไม่สงสารฉันสักนิด” ซูหม่านเซียงสะอื้นไห้แสร้งบีบน้ำตา

“แกถูกฉันตามใจจนเสียนิสัย โตมาจึงกลายเป็นเช่นนี้!” คุณย่าซูสาปแช่งอย่างโกรธเคือง

“คุณย่าครับ คุณย่า ชาวบ้านบอกว่าน้องเสี่ยวเถียนตกน้ำหรือครับ?” น้ำเสียงกระวนกระวายนี้คือซูอู่ร่าง พี่ชายคนโตทางสายเลือดของเธอ

“น้องเสี่ยวเถียนนอนอยู่ในห้อง ยังไม่ฟื้นเลย แกเข้าไปข้างในดูสิ น่าสงสารจังเลย คงจะหวาดกลัวน่าดู”

ประตูถูกผลักเปิดเสียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด เด็กหนุ่มผิวคล้ำร่างกายผอมบางก้าวเข้าประตูมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล ด้านหลังมีเด็กวัยรุ่นหลายคนไล่ตามมา

เมื่อมองไปที่พี่ชายคนโตที่ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน หยาดน้ำอุ่นใสในดวงตาของซูเสี่ยวเถียนพลันก็หลั่งรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“น้องเสี่ยวเถียน น้องเสี่ยวเถียนฟื้นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง?” ซูอู่ร่างมองดูน้องสาวของเขาที่กำลังร้องไห้ จึงเอ่ยปลอบหล่อนอย่างร้อนรนพลางเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยแขนเสื้ออันสกปรกมอมแมมของเขา

“พี่อู่ร่าง พี่อู่ร่าง ดีเหลือเกินที่ได้พบพี่อีกครั้ง!” ซูเสี่ยวเถียนกอดพี่ชายพลางร้องไห้

นี่คือพี่ชายของเธอ พี่ชายที่รักและเอ็นดูเธอมาตลอดทั่งชั่วชีวิตที่แล้ว

ซูเสี่ยวเถียนหลั่งน้ำตา ซูอู่ร่างไม่อาจทราบสาเหตุของการร้องไห้ของน้องสาวได้ เขาเพียงคิดว่าเธอกำลังตกใจกลัวเพราะอุบัติเหตุตกน้ำ

การเคลื่อนไหวในบ้านทำให้ผู้คนในลานบ้านตื่นตระหนก

ชั่วพริบตา บ้านหลังเล็กก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนอย่างคับคั่ง เจ็ดปากกับแปดลิ้นแย่งกันปลอบให้ซูเสี่ยวเถียนหยุดร้องไห้

คุณแม่เหลียงซิ่วนั่งอยู่บนขอบเตียงกอดลูกสาวไว้ในอ้อมอก หยาดน้ำตายังคงหลั่งรินไม่หยุด ลูกสาวที่น่าสงสารของหล่อนคงจะหวาดผวาแย่แล้ว

เมื่อซูเสี่ยวเถียนได้ร้องไห้ออกมา ความรู้สึกของนางจึงดีขึ้นมาก จากนั้นก็มีเวลากวาดสายตามองครอบครัวที่ห่วงใยของตนเอง  

ได้พบทุกคนอีกครั้ง ช่างดีเหลือเกิน!

ยามที่บรรดาพี่ชายหลายคนจ้องมองมา พวกเขาไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปยังดวงตาคู่หนึ่งจากด้านข้างด้วยสายตาเคียดแค้น

ครั้นมองตามสายตาพี่ชาย เธอก็สบตาเข้ากับดวงตาอันเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองคู่หนึ่ง

คังเหม่ยฮวา ญาติผู้พี่ที่ผลักหล่อนตกลงไปในน้ำเพียงเพราะคำพูดยั่วยุไม่กี่คำ

เธอเกือบฆ่าคน แต่กลับไม่รู้สึกผิดหรือหวาดกลัวแม้แต่เสี้ยวเดียว หล่อนเป็นคนอย่างไรกันนะ?

ซูเสี่ยวเถียนหันไปหาครอบครัวของเธอ!  

“คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ พ่อรอง แม่รอง*[3] ฮือ…” ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเอ่ยถาม ซูเสี่ยวเถียนก็ร้องไห้ฟูมฟายอีกครั้งอย่างอดไม่ได้  

“โอ๊ย คนก็หายดีแล้วจะร้องไห้งอแงเพื่ออะไร น่ารำคาญเสียจริง เป็นเพราะถูกคุณแม่ตามใจจนเคยชิน หล่อนถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้!”

วาจาไม่น่าฟังเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เสียงของซูหม่านเซียงแล้วจะเป็นใครได้อีกเล่า?

ก่อนที่ซูเสี่ยวเถียนจะพูดอะไร คุณย่าซูก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หุบปาก!”

“ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ? คุณแม่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหม่ยฮวาสิ เธอหวาดกลัวจนกลายเป็นแบบนี้ เหตุใดคุณแม่ถึงเอาแต่สนใจนังตัวล้างผลาญคนนี้?”  

ซูหม่านเซียงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวดูโหดร้าย ตะโกนด้วยความไม่พอใจราวกับว่าซูเสี่ยวเถียนทำร้ายคังเหม่ยฮวา

ซูเสี่ยวเถียนหลุบตาลงเย้ยหยัน ไม่รู้ว่าใครผลักใครตกแม่น้ำกันแน่!

อาหม่านเซียงแต่งงานออกเรือนกับคนในเมือง อาเขยของเธอเป็นลูกจ้างในสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภค ล้วนคิดว่าตนเองสูงส่ง แม้แต่ลูกสาวของตนก็มีค่ากว่าหลานชายและหลานสาว

หากลองคิดดูแล้ว ชีวิตหลังแต่งงานหล่อนดีหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับครอบครัวของเธอ? เธอเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ผู้ใดเล่าจะเทียบหล่อนได้

“คุณย่าคะ หนูทำให้พี่เหม่ยฮวากลัวหรือเปล่า ฮือ ฮึก หนูไม่ได้ตั้งใจ ฮือ หนูไม่อยากถูกผลักลงไปในแม่น้ำ หนูไม่อยากสำลักน้ำ…” ซูเสี่ยวเถียนขดตัวอย่างหวาดกลัวและคร่ำครวญด้วยความข้องใจ

ชีวิตชาติที่แล้วก็เป็นเยี่ยงนี้

เธอตกลงไปในน้ำ แต่อาหม่านเซียงกลับตำหนิเธอที่ทำให้คังเหม่ยฮวาหวาดกลัว

เหยื่อกลายเป็นคนผิด สองมาตรฐานขนาดนี้ ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าอีกแล้ว!

คุณปู่ซูที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้น “เถียนเถียนไม่ต้องกลัว เธอผลักหนูตกน้ำก็สมควรได้รับมัน! เป็นเด็กยังกล้าลงมือขนาดนี้ โตขึ้นมาจะเป็นคนดีได้อย่างไร?”

แม้ว่าชายชราจะไม่ค่อยพูดมากนัก แต่ดวงตาของเขาเป็นประกาย จะมองไม่เห็นได้อย่างไรว่าหลานสาวของเขาก็ไม่สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย

เด็กคนนี้ถูกสอนโดยลูกสาวที่ไร้ความสามารถของเขา!

ซูเสี่ยวเถียนมองไปที่คุณปู่ที่มักนิ่งเงียบอยู่เสมอเป็นห่วงเป็นใยเธอด้วยความประหลาดใจ

*[1] เทศกาลตวนอู่ หรือ เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เกิดขึ้นในวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติ ว่ากันว่าเป็นการรำลึกถึงชวีหยวน ซึ่งเป็นเสนาบดีและนักกวีแห่งแคว้นฉู่

*[2] เตียงเตา หรือ คั่ง เตียงนอนหรือแท่นที่ก่อด้วยอิฐ ด้านล่างมีเตาเพื่อจุดไฟให้ความอบอุ่น ด้านบนจะปูที่นอนหรือเบาะรองนั่ง พบได้มากในบ้านทางเหนือของประเทศจีนเพราะมีอากาศหนาวเย็น

*[3] คำเรียกของคุณลุง มีเพียงลุงคนโตเท่านั้นที่สามารถเรียกว่าพ่อใหญ่ได้ ลุงคนที่สองเรียกว่าพ่อรอง ลุงคนที่สามเรียกว่าพ่อสาม อาคนสุดท้องเรียกว่าพ่อเล็ก ภรรยาของพ่อโดยปกติแล้วจะเรียกว่าแม่ ดังนั้นภรรยาของพ่อใหญ่เรียกว่าแม่ใหญ่ ภรรยาของพ่อรองเรียกว่าแม่รอง ภรรยาของพ่อสามเรียกว่าแม่สาม ตามลำดับ