ตอนที่ 2 ขวางทาง

ตอนที่ 2 ขวางทาง

เซี่ยเจ๋อหลี่มองหมั่นโถวในถ้วย จากนั้นหันกลับไปมองฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้น จึงส่งยิ้มกระอักกระอ่วนอย่างสุภาพให้เซี่ยเจ๋อหลี่

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้พูดอะไร กินหมั่นโถวชิ้นนั้นลงไปทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ สมาชิกครอบครัวเซี่ยที่เหลือต่างตกตะลึง ครั้นเห็นว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานที่ดูค่อนข้างปรองดองกันเช่นนี้แล้ว สายตาที่พวกเขามองฉินมู่หลานจึงเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ฉินมู่หลานกลับไม่ได้คิดว่ามีอะไรแปลก ตอนนี้หมั่นโถวนับเป็นของมีค่าดังทอง เธอยอมยกให้เซี่ยเจ๋อหลี่ขนาดนี้แล้วเขายังจะไม่ชอบอีกหรือ

เซี่ยเจ๋อน่าเหลือบมองฉินมู่หลานอย่างไม่ยินยอม ในสายตาแฝงความกังวลบางอย่าง

หรือว่าพี่รองของหล่อนจะยอมรับฉินมู่หลานแล้วจริง ๆ? แต่พี่รองดีขนาดนี้ จะยอมรับภรรยาแบบนี้ได้อย่างไรกัน? หากรู้เร็วกว่านี้ ไม่สู้ให้พี่รองแต่งงานกับเย่เสี่ยวเหอลูกสาวผู้ใหญ่บ้านยังดีกว่า

หลังจากทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานก็พูดคุยปรึกษากัน จากนั้นจึงไปช่วยทำงานกับครอบครัว ครั้งนี้เขาได้กลับมาบ้านในวันหยุด ระหว่างที่หยุดพักผ่อนช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาก็อยากช่วยที่บ้านทำงานให้มากหน่อย

ฉินมู่หลานกลับไปที่ห้องคนเดียว นั่งอย่างเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มจัดระเบียบความคิดในหัว ท้ายที่สุดจึงยอมรับความจริงเรื่องที่เธอมาที่นี่ เธอรู้ว่าตัวเองในโลกนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะตายไปแล้วด้วยสาเหตุทำงานอยู่โยงทั้งคืน ดังนั้นคงกลับไปไม่ได้แล้ว

แต่เมื่อคิดได้ว่าผอ.สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอสนิทสนมมากที่สุดได้จากไปหลายปีแล้ว เธอก็ไม่ได้เศร้าโศกกับอดีตมากขนาดนั้นอีก

“ในเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้ว อย่างนั้นก็เริ่มต้นใหม่ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีแล้วกัน”

หลังจากฉินมู่หลานคิดตกแล้ว รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะไปสำรวจตรวจตรารอบ ๆ หมู่บ้านชิงซานสักรอบ

แต่ในขณะที่เพิ่งเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ฉินมู่หลานก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางทางเอาไว้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้หญิง สีหน้าไม่เป็นมิตรนัก

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเป็นผู้หญิงถักเปียสองข้างคนหนึ่ง หล่อนเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยมาก เมื่อเห็นฉินมู่หลานแล้ว หล่อนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ฉินมู่หลาน เดิมทีเธอก็ไม่คู่ควรกับสหายเซี่ยแม้แต่น้อย ฉันจึงขอแนะนำให้เธอออกไปจากครอบครัวเซี่ยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้ก็อดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้

ดูเหมือนเหล่าหญิงสาวตรงหน้าเธอจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่น้อยเลย พวกหล่อนถึงได้มาดักระรานเธอแบบนี้

คิดดังนี้แล้ว ฉินมู่หลานก็เดาะลิ้นอย่างอดไม่ได้

ผู้ชายหน้าตาดีเกินไปก็สร้างปัญหาได้เหมือนกัน ดูสิ นี่ไม่ใช่ว่ามีคนมาหาเรื่องแล้วหรือไง

ทว่าต่อให้ตัวเธอเองจะไม่ได้ดีเด่อะไรนัก อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว ผู้หญิงพวกนี้ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับเธอ แต่ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังจะเปิดปากนั่นเอง สายตาอันเฉียบแหลมก็เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เดินดิ่งมาทางนี้ เธอจึงตัดสินใจร้องเรียกเขาทันที “เซี่ยเจ๋อหลี่ คุณมานี่”

ครั้นได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน กลุ่มผู้หญิงตรงหน้าล้วนตกตะลึง หันหน้ากลับไปมองอย่างอดไม่ได้ เมื่อพวกหล่อนเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังเดินมาทางนี้จริง ๆ บ้างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจบ้างก็แสดงสีหน้าเขินอาย ในชั่วขณะนั้นทุกคนต่างจ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่ตาไม่กระพริบ

ฉินมู่หลานเห็นสีหน้าของผู้หญิงกลุ่มนี้จึงอดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องราวอย่างตรงไปมา แล้วกล่าวทิ้งท้ายว่า “เซี่ยเจ๋อหลี่ ทุกคนคิดว่าฉันไม่ดีพอสำหรับคุณ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ขมวดคิ้วมุ่นมองเย่เสี่ยวเหอและกลุ่มคนตรงหน้า ก่อนพูดห้วน ๆ ออกมา “ผมแต่งงานกับสหายฉินมู่หลานแล้ว อีกอย่างพวกเราก็จดทะเบียนสมรสแล้ว เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการคู่ควรหรือไม่คู่ควรอะไรทั้งสิ้น”

“อะไรนะ……พวกคุณจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”

สีหน้าของเย่เสี่ยวเหอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ

ผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ติดตามหล่อนมาก็เศร้าใจเช่นกัน พวกหล่อนคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เพียงแค่จัดงานแต่งงานกับฉินมู่หลาน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีคนในหมู่บ้านมากมายที่แค่จัดงานแต่งกัน ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะจดทะเบียนนสมรสกัน กลับนึกไม่ถึงว่าฉินมู่หลานจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถึงขั้นไปจดทะเบียนสมรสไว้ล่วงหน้าแล้ว

ได้ยินว่าเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว ก็จะถือว่าเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์

“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง สหายเซี่ยถึงกับจดทะเบียนสมรสจริง ๆ แล้ว”

“นั่นสิ เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน ทั้งยังจดกับฉินมู่หลาน จดกับใครไม่จดมาจดกับฉินมู่หลานเนี่ยนะ”

“นั่นสิ ฉินมู่หลานไม่เหมาะสมกับสหายเซี่ยสักนิด”

“ใช่ ฉินมู่หลานไม่คู่ควร”

ในตอนนี้เอง เย่เสี่ยวเหอก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว หล่อนจ้องมองฉินมู่หลานเขม็งแล้วพูดว่า “ฉินมู่หลาน นังผู้หญิงหยาบช้า ตั้งแต่แรกเธอก็เอาแต่พึ่งพาสหายเซี่ยแล้ว นังผู้หญิงไร้ยางอาย”

หล่อนรู้สึกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่หล่อเหลามาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว เมื่อเติบโตขึ้นมาจึงวางเขาไว้ในใจสูงสุด อย่างไรก็ตามเซี่ยเจ๋อหลี่มักจะเฉยชากับทุกคน กระทั่งกับหล่อนก็ไม่มีความรู้สึกพิเศษใด ๆ แต่ตอนนี้เขากลับจดทะเบียนสมรสกับฉินมู่หลานผู้หญิงที่เทียบชั้นหล่อนไม่ติดแม้แต่น้อย เรื่องนี้จึงทำให้หล่อนไม่อาจยอมรับได้

“เธอพูดผิดแล้ว ฉันไม่ได้ใช้อุบายอะไรทั้งสิ้น เป็นสหายเซี่ยที่เห็นความงามจากข้างในของฉัน ดังนั้นเขาจึงร้องห่มร้องไห้ขอจดทะเบียนสมรสกับฉันยังไงล่ะ”

พูดจบฉินมู่หลานก็มองหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่พลางเลิกคิ้วถาม “สหายเซี่ย คุณว่าใช่หรือไม่ใช่ล่ะ”

เธอฟื้นขึ้นมาอีกทีก็กลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงานไปแล้ว เธอยังไม่พูดอะไรสักคำ ผู้หญิงเหล่านี้กลับเป็นฝ่ายมาหาเรื่องเธอแล้ว ยังจะทนได้อีกหรือ

แน่นอนว่าทนไม่ได้

เซี่ยเจ๋อหลี่มองลึกเข้าไปในดวงตาของฉินมู่หลาน ตอบออกมาอย่างฉะฉาน “ใช่”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ขานรับแบบนี้แล้ว อารมณ์ของฉินมู่หลานจึงดีขึ้นเล็กน้อย

ทันทีที่แม่สาวเหล่านั้นได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ พวกหล่อนก็รู้สึกเหมือนถูกหักอก “จะเป็นไปได้ยังไง? สหายเซี่ยจะตกหลุมรักฉินมู่หลานได้ยังไง”

เย่เสี่ยวเหอเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน หล่อนชี้หน้าฉินมู่หลานด้วยสีหน้าสับสน

“สหายเซี่ย ฉินมู่หลานคนนี้ทั้งอ้วนทั้งอัปลักษณ์ อารมณ์ร้าย และยังขี้เกียจตัวเป็นขน หล่อนมีดีกว่าฉันตรงไหน”

ก่อนที่เซี่ยเจ๋อหลี่จะอ้าปากตอบ ฉินมู่หลานก็ก้าวออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็นแล้ว

“เธอรู้หรือเปล่า ว่าฉันเกลียดที่สุดเวลามีคนมาชี้หน้าฉัน”

ขณะที่พูด ฉินมู่หลานก็ปัดมือหล่อนทิ้ง สายตาเต็มไปด้วยรังสีเยียบเย็น

“อ๊ะ……”

มือของเย่เสี่ยวเหอแดงเถือกไปทั้งมือหลังจากโดนปัดทิ้ง รู้สึกได้เพียงความเจ็บแสบ ขณะหล่อนคิดจะตบกลับคืนก็สบเข้ากับสายตาเยียบเย็นของฉินมู่หลานเสียก่อน จึงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ทำไมวันนี้หล่อนรู้สึกว่าฉินมู่หลานน่ากลัวกว่าเดิมอีกนะ

คนที่อยู่รอบๆ ก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเห็นภาพนี้ ด้วยนึกไม่ถึงว่าฉินมู่หลานจะกล้าตบตีคน เฝิงจื้อหมิงหนึ่งในผู้ชายที่หมายปองเย่เสี่ยวเหอเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขามองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าถมึงถึงแล้วพูดขึ้นมา “ฉินมู่หลาน เธอกล้าดียังไงมาทำอะไรเสี่ยวเหอ”

“ฉันกล้าแล้วยังไง คุณจะทำอะไรฉันได้”

เจ้าของร่างเดิมแต่เดิมทีก็เป็นแค่ผู้หญิงเกียจคร้านโมโหร้ายคนหนึ่งแล้ว ดังนั้นฉินมู่หลานจึงไม่คิดจะทำให้ตัวเองเสียเปรียบ

“เธอ…..”

เฝิงจื้อหมิงเห็นความร้ายกาจของฉินมู่หลานแล้วก็พูดอะไรไม่ออกขึ้นมาในบัดดล จึงหันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ย “เซี่ยเจ๋อหลี่ นี่นายจะทำแค่มองฉินมู่หลานรังแกคนอื่นแบบนี้หรือ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่สนใจเฝิงจื้อหมิงและคนอื่น ๆ ถึงอย่างไรฉินมู่หลานก็เป็นภรรยาของเขา คนอื่นเป็นแค่คนนอก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ช่วยคนนอก

เย่เสี่ยวเหอเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นอย่างนี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังสลาย

ฉินมู่หลานยังอยากดูรอบ ๆ หมู่บ้านชิงซาน เธอคร้านจะโต้เถียงกับคนตรงหน้าเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะก้าวต่อไป แต่ก่อนที่จะได้จากไป เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูน่าเวทนาก็ดังขึ้นมาจากข้างหน้า

“เสี่ยวอวี่…..เสี่ยวอวี่……ลูกฟื้นสิ ลูกฟื้นขึ้นมา…….”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ร้ายมาร้ายกลับไม่โกง ตบมาระวังโดนสวนกลับนะคะ ต่อให้มากันสามสี่คนก็เถอะ

เจอบททดสอบฝีมือแล้ว จะงัดทักษะการแพทย์อะไรมาใช้นะ

ไหหม่า(海馬)