ตอนที่ 2.1 คืบคลานสู่กิลด์นักผจญภัย 1

ดุเดือดเลือดสไลม์ ( นิยาย)

บทที่ 2: การเต้นของหัวใจของกิลด์

 

     สำนักงานกิลด์ สถานที่รวบรวมเทคโนโลยีจากดันเจี้ยนที่มากที่สุด

           

      โครงสร้างสูงตระหง่านที่ดูเหมือนจะเชื่อมช่องว่างระหว่างความโบราณและความล้ำสมัย  ภายนอกเป็นแบบซิมโฟนีของแผงโลหะและกระจก

 

        สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นฉากแสดงสีสันอันตระการตา  อักษรรูนที่สลับซับซ้อนฝังอยู่ภายในส่วนหน้าของอาคาร ซึ่งเปล่งประกายด้วยแสงอันนุ่มนวลซึ่งบ่งบอกถึงมนต์เสน่ห์อันทรงพลังที่ถักทอเข้ากับรากฐานของอาคาร

 

         เมื่อนักผจญภัยเข้ามาในสำนักงานกิลด์ พวกเขาจะได้รับเสียงแรก ที่ได้ยินผ่านห้องโถงต่างๆ ซึ่งกำลังแข่งขันกับการทำงาน

          ความคิดของผู้คนที่สะท้อนไปในทางเดียวกัน บรรยากาศสุดแสนจะโหยหาถึง ความจริงจังที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกแห่งนี้  

         เสียงการสนทนาที่ผสมผสาน

 

        คลิก..

    ของระบบอัตโนมัติและเสียง          

 

          กริ๊ก

      ของชุดเกราะเป็นครั้งคราว

 

        สร้างบรรยากาศราว กับสถานที่แห่งนี้ เป็นอีกมิติหนึ่งที่หลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโลกแฟนตาซี        

       

       สถานที่สุดยิ่งใหญ่ เรียงรายด้วยห้องทำงานต่างๆ พร้อมระบบสุดทันสมัย…

 

       เมื่อดูจากภาพรวมแล้ว สถาปัตยกรรมที่น่าอัศจรรย์นี้ มา พร้อมด้วยเส้นสายที่เพรียวบางของเทคโนโลยีล้ำหน้าที่ผสานรวมเข้ากับนวัตกรรมทุกด้านได้อย่างราบรื่น  

      การจัดแสดงโฮโลแกรมประดับผนัง ให้ข้อมูลทุกอย่างที่นักผจญภัยสามารถเข้าถึงได้ง่าย

      ที่ภาพฉาย ปรากฏ เป้าหมาย, ภารกิจ, บริการ, และข้อมูลอันมีค่าสำหรับนักผจญภัย ทั้งหลายจะสรรหา  

       สิ่งเหล่านี้ต้องแน่ใจว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนไปด้วยกัน กับ ทุกอย่างที่จะสร้างเงินตรา

        เพราะณเวลานี้ โลกกำลังถูกขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีที่มาจากดันเจี้ยน

       ฉะนั้นการให้ความสำคัญกับทุกอย่างที่จะสร้างมูลค่าให้กับบริษัท มันก็เป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำกันในโลกปัจจุบัน

 

ื           ถึงอย่างนั้นแล้ว มันก็ไม่ได้หยุดแค่เหตุผลทางธุรกิจ

        เหตุผลที่มันยังมีค่ามากพอจะพัฒนาระบบนี้ต่อไป  

       

       มันก็มาจากการที่ผู้คนเอง ที่ยังต้องการมันอยู่

      เพราะมีผู้คนที่สนใจ ก็มีผู้คนที่ยอมจะเสี่ยงชีวิต  เข้าไปในสถานที่มืดทึบ เพื่อหาเป้าหมายใดๆสักอย่างที่ก็เป็นเรื่องของพวกเขาจะเลือกเดินไป

       

       

        ถ้าจะเตรียมเหตุผลเป็นข้อๆก็คง

 

  1. **ความมั่งคั่ง:** สมบัติล้ำค่าเปลี่ยนเป็นเงินตรา สิ่งนี้คงเป็นหลักๆของทุกคนที่มาเป็นนักผจญภัย เพราะเมื่อได้มันมา ก็จะซื้อสารพัดสิ่งตามความอยากที่พวกเขาต้องการได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

  2. **การผจญภัย:** คนบางคนก็รักในการออกสำรวจสถานที่ ซึ่งไม่รู้จัก มันคงเป็นความท้าทายและตื่นเต้น ที่พวกเขาอยากจะไขว่คว้ามาเป็นความทรงจำส่วนหนึ่งของชีวิต

  3. **ชื่อเสียง:** นี่ก็เป็นเหตุผลหลักๆเหมือนกัน เพราะใครๆก็ต้องการมีชื่อเสียง และได้กลายเป็นที่ถูกยอมรับ เป็นส่วนหนึ่งของการสลักลงในความจำของผู้คน

  4. **พลัง:**  มันเป็นเหตุผลที่ทำให้สถานที่แห่งนี้พิเศษ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนอกดันเจี้ยนนั้น  ทุกคนมีขีดจำกัดของมนุษย์อยู่

      แต่เมื่อมีดันเจี้ยนเข้ามา  ขีดจำกัดนั้นก็จะถูกทำลายไปทันที

     พวกเขาสามารถพัฒนาพลังของตัวเองไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามแต่ละคนไป

       จะมากหรือน้อยแต่ การได้รู้ว่าตัวเองสามารถไปไกลได้กว่าโลกเดิมมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตัวเองสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

     และนั่นเป็นส่วนสำคัญของการได้มีชื่อเสียงเงินตราและข้ออื่นๆ ที่จะตามมาเป็นผลตอบแทนภายหลัง

  1. **การวิจัย:** ความรู้ที่ได้จากดันเจี้ยนและความลับโบราณนั้นมีค่าที่่จะถูกค้นพบ เพื่อรับรู้ความเป็นมาของ สถานที่เเห่งนี้ เช่นข้อมูลการเกิดขึ้นของเหตุการณ์, สัตว์ประหลาด, วัตถุดิบหายาก ,

       ซึ่งจะจำเป็นมากๆที่ต้องรู้ให้มากพอ  ต่อการค้นคว้าวิจัย เพื่อนำไปเฝ้าระวังและต่อยอด  ให้กับมนุษย์ยุคใหม่ให้ก้าวไปสู่ สิ่งที่ดีกว่า

 

     

      ต้องยอมรับเลยว่า

      ตอนนี้ดันเจี้ยนมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

       เป็นอาชีพหนึ่ง ที่จะเลือกทำหรือไม่ก็ได้

       เพราะยังไงเสียก็จะมีผู้คนที่ยอมตายหลายพันคนต่อวันรอรับหน้าศพอยู่ต่อไป

       

       ถ้าจะบอกว่ามีเหตุผลอะไร

         ที่ทำให้มีคนกลายเป็นนักผจญภัยมากพอที่จะมีคนตายสักพันคนต่อวัน แล้วไม่มีใครร้องเลย

         

        มันก็คงมาจาก การไขว่คว้าอยากจะเป็นบางสิ่ง

         เป็นความฝันวันวาน ราวเมื่อก่อน ซึ่งเคยมองว่ามันไม่มีจริงอยู่ถึงยันค่ำ

         

        เป็นฮีโร่วีรบุรุษถือดาบฟาดฟันกองศัตรูฝ่าฟันอิ่มเอมไปกับการผจญภัยที่เคยคิดว่ามีแต่ในจินตนาการ

         สิ่งใดๆที่พวกเขาอยากสัมผัส…ก็ต้องได้สัมผัส

       พวกเขาจะได้รู้ซึ้งก็ต่อเมื่อพวกเขาได้เจอกับมันด้วยตัวเอง

       

       มันหยุดไม่ได้แล้ว…

     

 

       

        นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของวิถีแห่งโลกใบใหม่