ตอนที่ 1 ล้ำเส้น

กบฏไร้เดียงสา

บ้านหลังเล็กที่มีพ่อ แม่เลี้ยง ลูกชาย และลูกสาวอยู่ด้วยกัน 4 คน ภายในบ้านที่ดูเหมือนจะอบอุ่น

          แต่ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นลูกสาวคนเล็กนั้นกลับอึดอัดเพราะมักจะทะเลาะกับผู้เป็นพ่อตลอดเวลา เขามักจะไม่พอใจที่เธอแสดงพฤติกรรมหัวรั้นเอาแต่ใจและมีปากเสียงกับเขาผู้เป็นบิดาเสมอ ยิ่งช่วงที่เธอเผลอทำผลการเรียนไม่เป็นที่น่าพึ่งพอใจเขาก็ยิ่งหงุดหงิด

          แล้วล่าสุดที่ทำให้เขาฉุนขาดคือการที่เธอไปแอบมีแฟนโดยไม่ปรึกษาคนในบ้านสักนิด

          ส่วนทางฝั่งของเด็กสาววัย 22 ย่าง 23 ปี กลับมองว่าเธอโตพอที่จะตัดสินใจชีวิตตัวเองได้แล้วโดยไม่ต้องมีพ่อแม่คอยควบคุมดูแลเหมือนเด็ก 3 ขวบ ยิ่งเรื่องการที่เธอจะมีแฟนนั้นมันก็เป็นสิทธิที่เธอจะเลือกไหมว่าอยากมีหรือไม่อยากมี พ่อควรยินดีกับเธอไม่ใช่เหรอ ควรมาทำความรู้จักกันก่อน ถ้าไม่ชอบก็ค่อยว่ากันต่อไป

          “ฉันบอกว่าไง ว่าให้แกเลิกกับมันสะ”

          ร่างผอมบางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ผมบ๊อบสั้นทำสีบลอนด์สว่าง ใบหน้ารูปไข่แต่มีเค้าโครงคมชัดรับกับคิ้วโค้งที่ได้รับการตัดแต่งสม่ำเสมอ ดวงตาสีน้ำตาล ปากอวบอิ่ม จ้องตาผู้เป็นพ่อด้วยอารมณ์คุกกรุ่น

          “ป๊านี่ยังไง ไม่ทันรู้จักแฟนหนูหรือเห็นหน้าเขาก่อนเลย จะมีคติอะไรอีกเนี่ยหนูสงสัย?”

          เด็กสาวยืนเท้าเอวหน้าบึ้งตึงใส่บิดาที่ยืนมองหน้าเธออย่างฉุนเฉียว ถัดไปไม่ไกลมารดาของเจ้าตัวนั่งขมวดคิ้วกังวลมองมายังผู้เป็นสามี กลัวเหลือเกินว่าจะพูดอะไรไม่ดีใส่ลูกสาว

 

          …ทุกวันนี้บ้านแทบจะแตกอยู่แล้วขอเถอะที่รัก…

 

          “แกไม่ต้องมาสงสัยอะไรฉันหรอก เลิกเหลวไหลได้แล้ว ฉันบอกให้แกเลิกแกก็ต้องเลิก”

          “เอ๊ะป๊า! มันจะอะไรกันกับแค่มีแฟน ทำไมหนูจะมีไม่ได้ หนูโตพอแล้วนะป๊า มีงานมีการทำแล้วด้วย หนูไม่ได้เหลวไหลอะไรเลยสักนิด”

          เธอพยายามใจเย็นเข้าสู้เพราะถ้าเกิดเธอใจร้อนพูดอะไรตามใจเกินไปเรื่องมันคงยิ่งแย่ไปกว่านี้ กลัวเหลือเกินว่าป๊าจะไม่ชอบขี้หน้าแฟนเธอตั้งแต่ยังไม่ทันได้เจอหน้า

          “แต่แกเพิ่งเรียนจบ เพิ่งจะมีบริษัทรับเข้าทำงาน ถ้าเกิดแฟนแกพาแกเสียคน เสียงานเสียการ แกจะทำยังไงหะไหนตอบฉันมาสิ”

          เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

          “ป๊าหนูแยกแยะได้ว่าอันไหนเรื่องส่วนตัว อันไหนเรื่องงาน หนูก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอดป๊าน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ” เธอใช้เหตุผลเพื่อที่พ่อเธอจะเข้าใจมากกว่าเดิม

          “แกไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน แกไม่เคยมีแฟนสักหน่อย จะไปรู้เรื่องอะไร”

          ภรรยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เลิกคิ้วมองมาที่สามีตนเองพร้อมทั้งถอยหายใจเบา ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

 

          …ตาแก่เอย ลูกมันแอบมีแฟนไปตั้งหลายคนแล้ว ไม่รู้เรื่องไรเลย…

 

          “เอาเป็นว่าหนูทำได้แล้วกัน ป๊าไม่ต้องห่วงหนู” เธอยืนยันเสียงหนักแน่น

          “ไม่ก็คือไม่ แกต้องไปบอกเลิกกับแฟนแกเดี๋ยวนี้สะ”

          ขีดความอดทนมีจำกัดและป๊าควรรู้ได้แล้วว่าเธอจะไม่เชื่อฟังเขาในเรื่องนี้

          “ไม่ป๊า หนูจะไม่เลิกกับแฟนหนูเด็ดขาด”

          สิ้นคำพูดของลูกสาวตรงหน้า เขาควันแทบออกจากหูไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะดื้อรั้นได้ขนาดนี้ นิสัยแบบนี้ได้มาจากภรรยาของเขาแน่ ๆ

 

          …ไอลูกคนนี้…

 

          “งั้นแกก็เลือกเอานะไอเกรเทลว่าจะอยู่บ้านหลังนี้หรือไสหัวไปอยู่ข้างนอกเอง”

          “นี่คุณ!! ฉันว่าคุณพอเถอะเดินมานี้เลยที่รัก”

          เมื่อเรื่องชักจะบานปลายไปกันใหญ่ คนที่ใหญ่สุดในบ้านจึงพูดแทรกบทสนทนาขึ้นอย่างรำคาญ มีอย่างที่ไหนไปยืนทะเลาะกับเด็กซึ่งเป็นลูกตัวเองเพราะแค่เธอมีแฟน

          เขาก็แค่จับได้ว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านชอบแอบหนีเที่ยวกลางคืน เท่านั้นไม่พอยังเห็นควงหนุ่มที่ไหนไม่รู้มาส่งถึงบ้านเป็นประจำ

          จนเขาทนไม่ไหวลากเด็กสาวมาเคนความจริงจนได้เรื่อง คิดว่าเขาโง่หรือไง

          “คุณนี่จริง ๆ เลยนะ มันก็โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงอยู่แล้วจะไปอะไรกับลูกหนักหนา มันไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย ไม่ดีหรือไงลูกมันจะได้เอาตัวรอดได้”

          “แต่ว่าคุณ…”

          “ที่รักหยุด!” จอห์นหุบปากทันทีที่ได้ยินประกาศิต เดินคอตกมาหาภรรยาอย่างว่าง่าย

          “เบลคุณไม่รู้อะไร ลูกมันไม่รู้ว่าพวกผู้ชายมันสันดานแย่แค่ไหน”

          “ป๊ากับผมก็ผู้ชายนะ”

          เสียงทุ้มดังลอยมาจากหน้าประตูบ้านเป็นของฮันเซล เขาเพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงานแล้วดันได้ยินสงครามเดือดเข้าพอดี

 

          …ทะเลาะกันได้ทุกวันให้ตายสิ…

 

          ร่างสูงโปร่งที่สวมชุดทหารสีเขียวลายพรางถอดหมวกออกโชว์ให้เห็นผมสีดำตัดสั้นเรียบร้อย หน้าคมดุเหมือนเหยี่ยว ปากบางกระจับได้รูปถอดแบบบิดามาเกือบหมด เดินมายืนอยู่ข้างน้องสาวพร้อมทำสีหน้าเอือมระอา

          ผู้เป็นบิดาถึงกับมองตาขวางใส่ไอลูกชายตัวดีที่มันชอบให้ท้ายน้องสาวตัวเอง สปอยน้องชนิดที่ว่าเขายังกุมขมับ มีอย่างที่ไหนสนับสนุนกันทุกเรื่อง เข้าข้างกันไปหมด ไม่เห็นหัวพ่อมันแล้วมั้ง

          “แต่ฉันเป็นพ่อพวกแกสองตัวนะฮันเซลเกรเทล ส่วนแกชอบสอนน้องอะไรไม่เข้าเรื่องตลอดมันถึงเสียคน”

          ลูกชายคนโตถึงกับถอนหายใจหนักมองมายังพ่อตนเองอย่างปลง ๆ เขาชินแล้วกับอาการหวงลูกสาวชนิดลืมหูลืมตา

          “เอาล่ะ ๆ ป๊า เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมคุยกับน้องเอง แม่ครับ…”

          เบลล่าเมื่อได้ยินลูกชายเรียกตนเองจึงพยักหน้าเข้าใจทันที ลุกขึ้นยืนลากสามีขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อพูดคุยและเตรียมอาบน้ำเข้านอน

          หลังจากทั้งคู่เดินขึ้นห้องเรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวของเขา

          “คราวนี้ทำยังไงให้โดนจับได้”

          สายตาเย็น ๆ ถูกส่งมาให้ทำเอาเด็กสาวถึงกับกลืนน้ำลาย ก็ใครจะไปนึกว่าการกลับบ้านดึกแค่สองสามครั้งจะทำให้พ่อเธอผิดสังเกตจับได้ แค่แฟนใหม่เป็นห่วงที่เธอกลับบ้านเองจะอันตรายจึงมาส่ง ดีแค่ไหนไม่เจอป๊าตรงหน้าประตูบ้านมีหวังคอขาดแพ็คคู่

          “เขาก็แค่อาสามาส่งที่บ้านไม่กี่ครั้งเอง ไม่คิดว่าป๊าจะเห็น”

          ฮันเซลเอียงคอเล็กน้อยมองนิ่ง ๆ มายังน้องสาวตัวแสบ ชอบหาเรื่องมาให้เขาได้ตลอดจริง ๆ

          “เลิกกับแฟนคนนี้สะ ส่งข้อความไปบอกหรือโทรไปหาก็ได้ไม่ต้องไปเจอหรือนัดพบ พี่ขอสั่งห้ามเด็ดขาด ชัดนะเกรเทลให้ส่งข้อความหรือโทรหาแทน”

          ร่างบางถึงกับชะงักค้าง มึนงงกับท่าทีที่ผิดไปของพี่ชายตนเองกระทันหัน

          “เดี๋ยวนะ พี่หมายความว่ายังไงหนูไม่เข้าใจ?”

          “ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจ เลิกกับแฟนเธอคนนี้สะ”

          พูดเสร็จเขาก็รีบเดินหลบขึ้นห้องนอนตนเองทันที เลี่ยงต่อบทสนทนาที่คาดว่าจะมีประมาณร้อยคำถามจนน่าปวดหัว

          “ห้ามหนีหนูนะพี่ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนพี่ฮัน! พี่ฮันเซล! บอกว่าให้มาคุยกันก่อนไงเล่า!”

 

          ปัง!

 

          เสียงปิดประตูดังกลบเสียงตะโกนเรียกของน้องสาว เธอไม่เข้าใจพี่ชายในตอนนี้ซึ่งปกติเขามักไม่แสดงท่าทีต่อต้าน อย่างมากก็ดุตักเตือนเธอที่ชอบทำอะไรแปลก ๆ โดยไม่ปรึกษาเขาล่วงหน้า

          “โอ๊ย!!”

          เด็กสาวถอนหายใจปลงตก ในหัวคิดหาทางออกว่าจะจัดการปัญหาเรื่องแฟนหนุ่มอย่างไรต่อไป ในเมื่อทั้งพ่อและพี่ชายต่างไม่อนุมัติกันทั้งคู่