เช้าวันถัดมาเกรเทลลุกขึ้นจากเตียงนอนขึ้นมานั่งพับเพียบ ขอบตาดำคล้ำ เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืนนอนกลิ้งไปมาหลายตบหาทางออก ทำไมอยู่ ๆ พี่ชายเธอก็ไม่เห็นด้วยกับการมีแฟน เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
…ไม่มีเหตุผล ฟังไม่ขึ้น…
ฮันเซลไม่ใช่คนไร้เหตุผลแถมเป็นคนยุติธรรมสุดในบ้าน ทุกอย่างย่อมมีสาเหตุเธอต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรีบไปคุยกับพี่ชายก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน ภายในเวลาแค่ 10 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย
ร่างบางกระชากประตูห้องนอนตนเองแล้วรีบก้าวลงบันไดไปหาพี่ชาย ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่ขณะนี้เขากำลังออกไปทางประตูบ้าน
“พี่ฮันเซล! พี่หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ร่างสูงได้ยินเสียงตะโกน ไม่จำเป็นต้องหันหลังกลับไปมองก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปที่รถยนต์เพื่อขับไปทำงานเหมือนทุกเช้า
“หนูบอกว่าให้หยุดไงพี่! หูพี่ตึงเหรอ”
จะว่าเขาเอาแต่ใจก็ใช่ แค่ไม่พร้อมจะคุยกับเธอในตอนนี้เท่านั้นเอง เขาถอนหายใจเมื่อไอตัวแสบวิ่งมาประชิดถึงตัวแล้วดักทางข้างหน้าเขามิด
อืม…ก็แค่เกือบมิดน่ะนะ
มือเล็กคว้าประตูรถไว้มั่น กลัวว่าคนสูงกว่าเปิดแล้วขึ้นรถออกไปโดยที่เธอยังไม่ได้เคลียร์ปัญหาในใจ
“พี่สนใจหนูด้วยสิ นี่น้องสาวพี่นะฮันเซล มาคุยกันให้รู้เรื่องเลยว่าทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้นออกมา?”
ชายหนุ่มยืนมองหน้าน้องสาวนิ่ง มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงนับเม็ดลูกประคำอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเกรเทลไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“จะไม่พูดไรหน่อยเหรอ หนูรู้ว่าพี่มีเหตุผลมากพอที่จะพูดแบบนั้น”
“พี่ไม่มีเหตุผลไรทั้งนั้น หลบด้วยพี่กำลังจะไปทำงานสายแล้วเกรเทล”
มือหนาหยุดนับลูกประคำในกระเป๋ากางเกง แล้วชักมือออกมาเพื่อดันตัวเธอออกไปให้พ้นจากประตูรถ ย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งที่เบาะคนขับ
“อะไรเนี่ยพี่ฮันอย่ามาไร้สาระนะ”
ปัง!
เขาไม่สนใจเธอ แถมยังมาปิดประตูอัดใส่หน้าเธอเป็นรอบที่สองถัดจากเมื่อคืนนี้ เหตุการณ์ครั้งแรกยังพอทน แต่เหตุการณ์ครั้งที่สองมันเสียหน้า
ชายหนุ่มเหลือบมองน้องที่ยืนด่าเขาเสียงดังลั่น ยังดีกระจกรถเขาหนาเลยได้ยินเสียงแบบอู้อี้แต่มั่นใจว่าแม่คุณคงยกโขยงคำด่ามาทุกแบบ โชคดีที่เขาตัดสินใจล็อคประตูรถทันทีที่ขึ้นมานั่ง ไม่งั้นมีหวังเธอกระชากประตูลากหัวเขาลงไปเป็นแน่
ร่างสูงส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของเกรเทล เมื่อร่างบางทำไรไม่ได้นอกจากด่าเขาและตีกระจกอยู่ข้างคนขับ
“ไอ้พี่ฮัน!”
จนกระทั่งสตาร์ทรถขับออกไป ต่อให้เธอวิ่งตามไปเขาก็ไม่มีทางหยุดรถลงมาคุย
…ทำไมต้องวิ่งให้เหนื่อยเสียแรง ไม่ได้โง่ขนาดนั้น…
ร่างบางยืนตีนเปล่าเท้าเอวมองรถจี๊ปของพี่ชายขับออกไปไกลจากรั้วบ้าน รู้สึกหงุดหงิดพอสมควรกับท่าทางอีกฝ่ายที่ไม่แยแสจะคุย แม้ว่าอารมณ์จะคุกกรุ่นไปบ้างไม่นานเธอก็ปรับอารมณ์ให้กลับเป็นปกติ เธอโตพอที่จะเลิกสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ เขาไม่อยากบอกในตอนนี้ก็ช่างมันสู้กลับไปนั่งคิดหาทางออกเถอะ ว่าแล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาเพื่อนสนิททันที
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านมาถึงร้านกาแฟ เกรเทลยืนชะเง้อมองหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างเฮลก้า ไม่นานเธอก็มองเห็นเพื่อนสนิทที่นั่งหลบมุมอยู่คนเดียวข้างบ่อน้ำพุ
เฮลก้ามีรูปร่างที่สูง ผมสีบลอนด์ทองธรรมชาติที่แม้แต่เกรเทลยังอิจฉา หน้าตาโฉบเฉียว ดุดัน พ่อเป็นคนเยอรมันส่วนแม่เป็นคนอเมริกา
สมัยเรียนเฮลก้าชอบการคิดคำนวณมากฝันอยากไปทำงานพวกวิศวะ แต่ไม่รู้อะไรดลใจแม่คุณถึงเปลี่ยนใจไปสมัครเข้าเป็นทหารเฉย ปัจจุบันได้ประจำการทำงานที่กรมทหารเรือ ไต่เต้าจนอยู่ระดับสูงได้ด้วยความสามารถ เนื่องจากความที่หัวไวและสร้างผลงานดีเด่นเลยได้เลื่อนขั้นเป็นถึงผู้การทั้งที่อายุยังไม่ถึง 25 ปี
ร่างบางดูจากเครื่องแต่งกายของเพื่อนแล้วคงเพิ่งออกมาจากกรมแน่นอน ถึงยังสวมเครื่องแบบเต็มยศสะขนาดนี้
“นี่ทำไมไม่เปลี่ยนชุดก่อนออกมาเฮลก้า ไม่ร้อนเหรอ”
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงยหน้าขึ้นมาจากมือถือที่ตนกำลังกดคุยงาน
“ขี้เกียจเปลี่ยนน่ะ อีกอย่างเรื่องเธอสำคัญกว่าเรื่องชุดฉันนะ ไหนเล่ามาเลยไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ของร้านกาแฟทั้งในหัวก็เรียบเรียงคำพูดเล็กน้อย ระหว่างนั้นเพื่อนเธอก็จิบชาร้อนฟังไปด้วยอย่างใจเย็น
เวลาผ่านไปได้ประมาณเกือบสิบนาทีเกรเทลก็เข้าเรื่องราวทั้งหมด เจ้าหล่อนเล่าละเอียดยิบชนิดไม่ต้องยกมือถาม
“แล้วแกคิดจะทำไงต่อไป ได้คิดไว้บ้างไหมยัยเกรย์?”
“คิดนะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกกับการมีแฟน เพราะพวกเรารู้จักกันแค่สามวัน เขาก็ขอฉันคบเป็นแฟนทันที เพิ่งคบกันได้แค่อาทิตย์เดียวเองตอนนี้”
“อืม” เฮลก้าขานรับ
“ถ้าจะให้เลิกก็ทำได้ แต่แค่รู้สึกไม่แฟร์น่ะ มีอย่างที่ไหนมาบอกให้เลิกคบทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้จัก ถ้านิสัยแย่เจ้าชู้หรือเลวก็ว่าไปอย่าง”
เด็กสาวนั่งขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์ จนเพื่อนสนิทต้องเอื้อมมือข้ามมาเพื่อคลึงระหว่างคิ้วให้ เพื่อนเธอมันยังไม่ทันได้ไปฉีดโบท็อกซ์สักเข็มกลัวเหลือเกินว่ามันจะย่นเป็นรอยตีนกาไปเสียก่อน
“แกก็ว่าไป อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นเว้ย บางทีอาจจะดีก็ได้ แกโสดบ้างเถอะ หัดทำตัวให้ชิล ทำตัวให้ว่างบ้างค่ะสาว”
ขนาดเฮลก้าก็ขึ้นชื่อเรื่องเปลี่ยนแฟนทุกเดือนยังปวดหัวกับเพื่อนตัวเองเลย หัดเลือกบ้างไม่ใช่เห็นใครก็ควงหมด
“ไม่ใช่สรรหาแฟนใหม่ได้ทุกอาทิตย์ ขนาดฉันที่ว่ามีหนุ่มมาแจกขนมจีบทุกวันในกรมยังเลือกเลย แกก็หัดเลือกให้มันดี ๆ สักคนเถอะนะ”
เฮลก้าพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อนตนเอง กลัวว่าสักวันจะแจ๊กพอตแตกเจอกับพวกนักต้มตุ๋นเข้า แม้เพื่อนเธอจะเอาตัวรอดได้แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ตลอดรอดฝั่งเสียหน่อย
“เฮ้อ…เอาจริง ๆ นะฮีล ฉันก็ไม่ได้อยากมีหรอกแฟน”
“อ้าว แล้วที่มีอยู่เนี่ยคือไม่ได้อยากมี? อะไรของแกกันแน่วะ”
ร่างบางยกมือนวดขมับไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เพื่อนสนิทเข้าใจตน
“หรือว่าแกประชดพ่อเหรอเกรเทล?”
“เออตามนั้นแหละ”