ตอนที่ 3 บ้าคลั่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 3 บ้าคลั่ง

“อวิ๋นเกออย่าเสียมารยาท!”

ถ้วยน้ำชาในมือของเยียนอวิ๋นเกอลอยออกไปพร้อมเสียงร้องด้วยความตกใจของเซียวฮูหยิน พุ่งไปยังใบหน้าของเยียนโส่วจ้าน

เยียนโส่วจ้านยิ้มเหยียด ยื่นมือออกไปรับถ้วยน้ำชาอย่างแม่นยำ

เขาวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง เอ่ยกับเยียนอวิ๋นเกอ “เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก จะมีเพียงกำลังที่มีมาตั้งแต่กำเนิดไม่ได้”

เยียนอวิ๋นเกอไม่ยอมแพ้ มือคว้าเข้าที่จานใบเล็กเตรียมจู่โจมอีกครั้ง แต่กลับถูกเยียนอวิ๋นเฟยรั้งเอาไว้

เยียนอวิ๋นเฟยส่ายหน้าต่อเยียนอวิ๋นเกอเบาๆ “น้องสี่อย่าวู่วาม”

เยียนอวิ๋นเกอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ข่มไฟโกรธภายในใจก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง

เซียวฮูหยินรินน้ำชา บังคับให้ตนเองใจเย็นลง

นางเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “คนที่หลิงฉางเฟิงต้องแต่งด้วยคือบุตรสาวคนโตแห่งจวนโหวกว่างหนิง ไม่ใช่เยียนอวิ๋นเพ่ยแห่งบ้านรอง ท่านโหวคิดว่าเยียนอวิ๋นเพ่ยสามารถแต่งเข้าตระกูลหลิงแทนอวิ๋นเฟยได้จริงหรือ ไม่กลัวว่าจะกลายเป็นศัตรูกันแทนที่จะปรองดองกันหรือ นอกจากนี้จากฐานะของตระกูลหลิง เยียนอวิ๋นเพ่ยแห่งบ้านรองเหมาะเป็นเพียงอนุภรรยาของหลิงฉางเฟิงเท่านั้น ให้ผู้ที่เป็นได้เพียงอนุภรรยาไปเป็นภรรยาเอก ท่านโหวกำลังเหยียดหยามผู้ใดกันแน่เจ้าคะ”

เยียนโส่วจ้านยิ้ม “ฮูหยินไม่ต้องกังวลเรื่องฐานะของเยียนอวิ๋นเพ่ย อย่างมากข้าก็แค่รับเยียนอวิ๋นเพ่ยมาเป็นบุตรสาวอีกคน ให้นางแต่งงานกับหลิงฉางเฟิงในฐานะบุตรสาวอีกคนของข้า”

เสียสติไปแล้ว!

เซียวฮูหยินแสดงสีหน้าเย็นชา “ท่านโหวไม่ใส่ใจอวิ๋นเฟยแม้แต่น้อย ท่านต้องใจร้ายถึงเพียงนี้หรือ”

เยียนโส่วจ้านเอ่ย “เพียงแค่อวิ๋นเฟยพยักหน้า งานแต่งยังคงดำเนินตามกำหนดเดิม นางก็ยังคงเป็นภรรยาเอกของหลิงฉางเฟิง เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งตามนางเข้าไปเป็นอนุภรรยาในตระกูลหลิง พี่น้องร่วมใจก็ถือเป็นการช่วยเกื้อหนุนกัน”

เหลวไหลสิ้นดี!

สีหน้าของเซียวฮูหยินดำทะมึน เห็นได้ชัดว่านางเก็บกักความโกรธเอาไว้

“ท่านโหวไม่เคยคิดจะจัดการเยียนอวิ๋นเพ่ย หรือหาอีกตระกูลหนึ่งให้นาง?”

“ไม่จำเป็นต้องคร่าชีวิตนาง นางเป็นคนของหลิงฉางเฟิงแล้ว ไม่แต่งกับหลิงฉางเฟิง นางยังจะแต่งกับผู้ใดได้อีก อย่างน้อยนางก็ยังมีประโยชน์”

เป็นดั่งที่คิด เยียนอวิ๋นเพ่ยมีความสัมพันธ์แนบชิดกับหลิงฉางเฟิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองทะลุกระดาษแผ่นสุดท้ายแล้ว

ส่วนเยียนโส่วจ้าน เขาเห็นเพียงผลประโยชน์ ไม่มีความรักระหว่างบิดาและบุตรแม้แต่น้อย

“การตัดสินใจของท่านโหวล้วนคำนึงถึงเยียนอวิ๋นเพ่ย แต่ท่านเคยคำนึงถึงอวิ๋นเฟยบ้างหรือไม่ ท่านโหวอย่าลืม อวิ๋นเฟยเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของท่าน”

เซียวฮูหยินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แสดงออกถึงความโกรธของนาง

เยียนโส่วจ้านเหลือบมองเยียนอวิ๋นเฟย “ข้าบอกแล้ว เพียงแค่อวิ๋นเฟยพยักหน้า นางยังคงเป็นภรรยาเอกของหลิงฉางเฟิง หากนางไม่อยากแต่ง ข้าก็ไม่บังคับนาง ข้าเคารพในการตัดสินใจของอวิ๋นเฟย ข้าคำนึงแทนอวิ๋นเฟยด้วยหัวใจ ฮูหยินกลับตำหนิว่าข้าลำเอียง วาจาของฮูหยินไม่เหมาะสมยิ่งนัก”

ไร้ยางอาย!

เซียวฮูหยินโกรธจนหัวเราะออกมา “ท่านโหวรู้สถานการณ์ในเวลานี้ดี อวิ๋นเฟยไม่มีทางแต่งกับหลิงฉางเฟิง”

“ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง ต่อไปข้าจะหาคนใหม่ให้นางเอง”

เซียวฮูหยินพูดด้วยความโกรธ “ต่อไปคือเมื่อใด งานแต่งที่เตรียมการเพื่ออวิ๋นเฟยจะยกให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแห่งบ้านรองอย่างง่ายดายจริงหรือ ท่านโหวช่างทำร้ายจิตใจพวกเรายิ่งนัก”

เยียนโส่วจ้านเดินเข้าใกล้เซียวฮูหยิน “เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของตระกูล จิตใจของผู้อื่นมีค่าอันใด ฮูหยินคงจะเข้าใจเหตุผลนี้มากกว่าข้า ตอนนั้นฮูหยินก็เข้ามาด้วยเหตุผลนี้ไม่ใช่หรือ”

เซียวฮูหยินหน้าซีดเผือด

เยียนโส่วจ้านหัวเราะขึ้นมา ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ

ราวกับว่าเขาพอใจในท่าทางจนมุมของเซียวฮูหยินอย่างมาก

เขายิ้ม “มีแขกมาเยือน ข้าต้องไปต้อนรับแขกท่านนั้นแล้ว อวิ๋นเฟยจะแต่งหรือไม่ ให้คำตอบข้าภายในสามวัน สามวันหลังจากนี้ หากนางยังไม่ตัดสินใจ ข้าจะตัดสินใจแทนพวกเจ้าเอง”

เมื่อพูดจบ เขาสะบัดแขนเสื้อจากไป เหลือไว้เพียงเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่บนโต๊ะ

ภายในห้องบรรยากาศตึงเครียด

คุณหนูรองเยียนอวิ๋นฉีกระแอมไอเสียงเบาเพื่อทำลายความเงียบ “พี่ใหญ่ทำได้เพียงแต่งงานกับหลิงฉางเฟิงจริงหรือ”

เซียวฮูหยินถอนหายใจออกมา “อวิ๋นเฟย เจ้าคิดอย่างไร ตรงนี้ไม่มีคนนอก เจ้าพูดได้ตามตรง”

เยียนอวิ๋นเฟยขมวดคิ้วมุ่น “ลูกย่อมไม่อยากแต่งกับหลิงฉางเฟิง โดยเฉพาะต้องแต่งไปพร้อมกับเยียนอวิ๋นเพ่ย น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก แต่ว่าท่าทีของท่านพ่อ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการบังคับให้ลูกแต่งกับหลิงฉางเฟิง หากไม่แต่งกับหลิงฉางเฟิง จุดจบของลูกคงมีแต่กลายเป็นหญิงแก่ในตระกูล หรืออาจถูกท่านพ่อมอบให้ผู้อื่นอย่างง่ายดาย”

เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกปวดใจอย่างมากที่ได้ยินเช่นนี้

พี่ใหญ่จะต้องยอมจำนนจริงหรือ

นางต้องยอมปรนนิบัติสามีเดียวกับหญิงชั่วช้าผู้นั้น?

‘แต่งไม่ได้!’

แต่งกับชายชั่วอย่างหลิงฉางเฟิงไม่ได้เด็ดขาด

เยียนอวิ๋นเกอเขียนสามคำลงบนกระดาษ

เยียนอวิ๋นเฟยหัวเราะอย่างขมขื่น มีเรื่องราวมากมายที่นางไม่อาจตัดสินใจเองได้

เยียนอวิ๋นเกอวิ่งไปหาเซียวฮูหยิน ยกมือขึ้นทำท่าทาง

‘ท่านแม่ ท่านจะยอมให้พี่ใหญ่แต่งงานกับหลิงฉางเฟิงจริงหรือเจ้าคะ’

เซียวฮูหยินจับมือของเยียนอวิ๋นเกอไว้ “ขอเวลาข้าคิดหน่อย!”

คิดเรื่องใด!

หากจะจัดการเรื่องนี้ มีเพียงสองวิธี

หนึ่งคือฆ่าหลิงฉางเฟิงเสียให้มันจบเรื่อง

แต่วิธีนี้เป็นตัวเลือกสุดท้าย

หากไม่ถึงคราวจำเป็น ไม่อาจทำได้

วิธีที่สองคือหาผู้อื่นแต่งด้วยภายในระยะเวลาอันสั้น

เยียนอวิ๋นเกอรีบตัดสินใจ จึบมือของเยียนอวิ๋นเฟย ‘พี่ใหญ่ตามข้ามา’

“น้องสี่ เจ้าจะพาข้าไปที่ใด”

ไปเดี๋ยวก็รู้เอง

ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านอยู่ที่ห้องโถงรับแขกด้านนอก

เยียนอวิ๋นเกอไม่ลังเลแม้แต่น้อย จูงมือของเยียนอวิ๋นเฟยมุ่งหน้าไปยังห้องโถงรับแขกด้านนอก

หน้าประตูห้องโถงมีคนเฝ้าอยู่ อีกทั้งมีการอารักขาอย่างแน่นหนา

ดูท่าทางแขกที่มาเยือนในวันนี้มีฐานะสูงส่งอย่างมาก อีกทั้งลึกลับมาก

เยียนอวิ๋นเกอเม้มปาก หันไปมองเยียนอวิ๋นเฟย

‘พี่ใหญ่ ท่านเตรียมตัวดีแล้วหรือไม่’

เยียนอวิ๋นเฟยฉงนเล็กน้อย ถามเสียงเบา “น้องสี่ เจ้าจะทำอันใด”

เยียนอวิ๋นเกอไม่เปล่งเสียง

หากจะบังคับให้บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านยอมจำนน ในมือต้องมีไพ่ที่เหนือกว่า

บางทีแขกลึกลับในห้องโถงรับแขกอาจเป็นไพ่ใบนั้น

นางพาเยียนอวิ๋นเฟยปีนข้ามกำแพงไป หลบหลีกองครักษ์มาถึงหน้าต่างด้านหลัง ก่อนจะมาถึงห้องด้านข้าง

นางหยิบภาพทิวทัศน์ที่แขวนอยู่ลง แกะผนังห้องเบาๆ เผยให้เห็นรูขนาดเล็ก

เยียนอวิ๋นเฟยถลึงตาโต ทำหน้าเหลือเชื่อ

มือของน้องสี่ยื่นมาถึงห้องโถงรับแขกด้านนอกแล้ว อีกทั้งยังแอบทิ้งรูสำหรับจับตาดูการเคลื่อนไหวเอาไว้ด้วย

หากท่านพ่อรู้ คงต้องตีน้องสี่จนขาหักอย่างแน่นอน

เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม แต่ก่อนนางแอบเจาะรูในห้องพักนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ใช้ประโยชน์

‘ท่านพี่ต้องรักษาความลับนะ!’

เยียนอวิ๋นเฟยพยักหน้าระรัว เอ่ยเสียงเบา “น้องสี่วางใจ เรื่องนี้รู้แค่ข้า ไม่มีคนที่สามรู้อย่างแน่นอน แต่ว่าน้องสี่ ต่อจากนี้อย่าทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก หากท่านพ่อรู้ ระวังเจ้าจะถูกลงโทษ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น

หากนางทำเรื่องเช่นนี้อีกในครั้งหน้า รับรองว่าจะไม่ให้ผู้ใดรู้

ดวงตาของนางจ้องผ่านรูขนาดเล็ก ทำให้เห็นสถานการณ์ในห้องโถงรับแขกอย่างชัดเจน

แขกผู้นั้นเป็นชายวัยกลางคน สวมชุดทหาร

ด้านหลังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยผู้หนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นั้นผิวขาว สุภาพ ท่าทางสง่างาม

แต่ไม่คิดว่า สัมผัสทั้งห้าของชายหนุ่มผู้นั้นจะว่องไวอย่างมาก เขากวาดตามายังทิศทางที่พวกนางแอบมองในทันที สายตานั้นคมกริบดุจคมดาบ

เยียนอวิ๋นเกอเบนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว

คนไม่อาจดูเพียงภายนอกได้เสียจริง

ชายหนุ่มที่สุภาพสง่างามเช่นนั้นกลับมีดวงตาดุจดั่งหมาป่า

“เห็นผู้ใด” เยียนอวิ๋นเฟยถามเสียงเบา

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า ไม่รู้จัก

“ข้าดูเอง!”

เยียนอวิ๋นเฟยชะโงกหน้าเข้าใกล้รูเล็ก มองไปยังภายในห้องโถงรับแขก

สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางรู้จักแขกผู้นั้น

หลังจากนั้น นางเบนสายตากลับมา ดึงเยียนอวิ๋นเกอออกจากห้องพักทันที

หลังจากที่พวกนางจากไปไม่นาน ชายหนุ่มสุภาพที่เดิมทียืนอยู่ด้านหลังแขกนั้นผลักประตูใหญ่ห้องพักออก

เซียวอี้ดมกลิ่นเครื่องแป้งที่หลงเหลืออยู่ภายในห้อง แววตาของเขาเย็นชาลง

จนกระทั่งกลับไปยังเรือนด้านหลัง เยียนอวิ๋นเฟยถึงได้ปล่อยมือของเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างมาก

แขกในห้องโถงนั้นเป็นผู้ใด

เหตุใดท่านพี่จึงกังวลเช่นนี้

เยียนอวิ๋นเฟยหอบหายใจเล็กน้อย ผ่านไปเป็นเวลานานกว่าจะสงบอารมณ์ลงได้

นางเอ่ยอย่างลังเล “ตอนเด็กพวกเราเคยเจอแขกผู้นั้นครั้งหนึ่ง น้องสี่ยังจำได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า นางจะรู้ได้อย่างไร!

นางไม่อาจพูดได้ วันปกติก็ออกจากบ้านน้อยครั้งยิ่งนัก

เพราะต้องหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้นจากความคันไม้คันมือในการทำร้ายคุณหนูตระกูลอื่น

นางจำคุณหนูในตระกูลท้องถิ่นยังไม่หมดด้วยซ้ำ จะรู้จักแขกที่มาไกลได้อย่างไร

เยียนอวิ๋นเฟยพูดเสียงเบา “แขกผู้นั้น หากข้าจำไม่ผิด เขาคือท่านแม่ทัพชือฉี อีกทั้งยังเป็นซื่อจื่อแห่งแคว้นอวี้โจว ท่านโหวผิงอู่ สืออุน”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินดังนี้ตกใจไม่น้อย

เหตุใดใต้เท้าผู้เป็นซื่อจื่อที่ทำหน้าที่ตรวจการมณฑล อีกทั้งยังเป็นท่านแม่ทัพระดับสองแอบเดินทางจากแคว้นอวี้โจวมาเยือนท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านถึงแคว้นซ่างกู่โดยไม่มีพระราชโองการ

เห็นได้ชัดว่าเขามีสิ่งที่ต้องการ

เยียนอวิ๋นเฟยพูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านโหวผิงอู่ สืออุน ยังเป็นท่านลุงของหลิงฉางเฟิง”

อะไรนะ

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ท่านโหวผิงอู่ สืออุนแอบเดินทางมาถึงตระกูลเยียน คงไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมงานแต่ง

ถึงแม้เขาจะเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมงานแต่ง แต่เขาก็ควรจะเดินทางไปยังงานเลี้ยงของทางตระกูลหลิงมากว่า

เยียนอวิ๋นเฟยพึมพำ “ตามที่ข้ารู้ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนเป็นชายชราที่ไร้ภรรยา”

เอ๊ะ?

ความสนใจของท่านพี่ประหลาดเสียจริง

เยียนอวิ๋นเกอกังวลเล็กน้อย คงไม่ได้เหมือนที่นางคิดใช่หรือไม่

แต่แล้วสิ่งที่นางกลัวก็เกิดขึ้นจริง

เยียนอวิ๋นเฟยจับมือของเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้ อย่างหนักแน่น “ข้าไม่แต่งกับหลิงฉางเฟิงแล้ว ข้าจะแต่งกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน”

เสียสติไปแล้ว!