ตอนที่ 4 บุตรสาวผู้มาทวงหนี้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 4 บุตรสาวผู้มาทวงหนี้

“ขอให้ท่านแม่อนุญาต!”

เยียนอวิ๋นเฟยคุกเข่าต่อหน้าเซียวฮูหยิน จ้องมองนางด้วยสายตาแน่วแน่

เซียวฮูหยินปวดศีรษะ “เจ้ามั่นใจว่าแขกของท่านพ่อเจ้าคือท่านโหวผิงอู่หรือ”

“มั่นใจอย่างแน่แท้! ลูกไม่มีทางจำผิดคน”

“เหตุใดเจ้าจึงต้องการแต่งกับสืออุน เขา เขาอายุมากเพียงนั้น มากว่าเจ้าสิบกว่ายี่สิบปี มีทั้งบุตรชายบุตรสาว เจ้ามีจุดประสงค์ใดที่จะแต่งกับเขา เหลวไหลสิ้นดี!”

เซียวฮูหยินปวดใจยิ่งนัก

บุตรสาวอันเป็นที่รักของตนเอง บุตรสาวคนโตแห่งจวนโหวจะแต่งกับชายชราได้อย่างไร

เหลวไหล!

เยียนอวิ๋นเฟยกลับพูด “สถานการณ์ของลูกในเวลานี้ ท่านแม่รู้ดียิ่งนัก หากไม่แต่งกับท่านโหวผิงอู่ ย่อมต้องแต่งกับหลิงฉางเฟิง หรืออาจถูกท่านพ่อมอบให้ผู้อื่นเพื่อเป็นเครื่องมือในการสานสัมพันธ์ ไม่ว่าแต่งกับผู้ใดก็เป็นการสานสัมพันธ์ สู้ข้าเลือกสามีด้วยตนเองเสียดีกว่า หากให้ข้าแต่งกับชายผู้ไม่มีความรับผิดชอบอย่างหลิงฉางเฟิง ข้ายอมแต่งงานกับชายผู้มีอำนาจในมือมากกว่า เยียนอวิ๋นเพ่ยทำลายงานแต่งของข้า ทำให้ข้าอับอาย ความแค้นนี้ข้าจำฝังใจ หากไม่แก้แค้น ข้าคงไม่สบายใจ ข้ามอบมองหลิงฉางเฟิงให้แก่นาง ส่วนข้าจะแต่งกับสืออุน นางย่อมต้องเรียกข้าว่าท่านป้า ข้าอยากเหยียบนางเมื่อใดก็ได้ แต่นางก็ทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้”

คุณหนูแห่งตระกูลเยียนล้วนเป็นผู้มีอารมณ์

หญิงชั่วช้าอย่างเยียนอวิ๋นเพ่ย หากไม่มีท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านคอยปกป้อง นางคงจัดการอีกฝ่ายไปนานแล้ว

เมื่อเห็นเยียนอวิ๋นเพ่ยกำลังจะแต่งงานกับหลิงฉางเฟิงสมดังปรารถนา นางก็ไม่อาจกลืนความโกรธนี้ลงไปได้

แต่…

“เพื่อแก้แค้นเยียนอวิ๋นเพ่ย เจ้าจะใช้ชีวิตแต่งงานของตนเองเป็นเดิมพันด้วยการแต่งงานกับสืออุน คุ้มค่าหรือ”

เซียวฮูหยินทำหน้าสงสาร

ดูสิ คนชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านบีบบังคับบุตรสาวของตนเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

“ถึงแม้ลูกไม่แต่งกับสืออุน แต่แต่งกับผู้อื่นก็ไม่คุ้มค่า แต่งกับสืออุน แม้เขาจะอายุมาก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นชายผู้มีความรับผิดชอบ”

“แต่เจ้าอย่าลืม สืออุนมีทั้งบุตรชายบุตรสาว เรือนหลังของเขาซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดนับสิบเท่าร้อยเท่า เจ้าแต่งกับเขาเท่ากับเดินเข้าสู่รังหมาป่า ระวังถูกแทะกิน”

เซียวฮูหยินพูดเกลี้ยกล่อม หวังว่าเยียนอวิ๋นเฟยจะเปลี่ยนใจ

เยียนอวิ๋นเฟยก้มหน้า พูดเสียงเบา “แม้ลูกจะแต่งกับหลิงฉางเฟิง แต่ชีวิตก็คงไม่สุขสบาย อย่างไรก็ตามชีวิตการแต่งงานล้วนเหมือนกัน สู้แต่งกับชายที่มีอำนาจเสียดีกว่า ข้าจะได้ยืมบารมีของเขามาอวดอ้างได้ สามารถหนุนหลังน้องสาวทั้งสองได้”

“อวิ๋นฉีและอวิ๋นเกอไม่ต้องการให้เจ้าหนุนหลัง เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!” เซียวฮูหยินพูดอย่างขุ่นเคือง

เยียนอวิ๋นเฟยยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านแม่ ปีหน้าลูกก็สิบแปดแล้ว ใกล้จะกลายเป็นหญิงอายุมากแล้ว ท่านยอมที่จะเห็นลูกถูกมอบให้ชายอื่นอย่างง่ายดายได้หรือ หากข้าแต่งงานกับสืออุน อย่างน้อยข้าสามารถรับรองได้ว่าท่านพ่อไม่กล้าล่าช้าต่องานแต่งของข้า ข้าสามารถใช้โอกาสนี้ในการเรียกร้อนสินสอดติดตัวไป อีกทั้งข้ายังสามารถบงการงานแต่งของเยียนอวิ๋นเพ่ยได้ ทำให้นางไม่ได้ตายดี ถึงแม้หลิงฉางเฟิงจะสำคัญเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสืออุน เขาก็เป็นเพียงเด็ก ไม่คู่ควรที่จะพูดถึง!”

“เจ้า…”

เซียวฮูหยินปวดศีรษะ

นางนวดระหว่างคิ้ว ก่อนจะตั้งสติ พบว่าเยียนอวิ๋นเกอเงียบตลอดเวลาตั้งแต่เข้าประตูมา

“อวิ๋นเกอ พี่ใหญ่ของเจ้าอยากแต่งงานกับสืออุน เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

นางจะคิดเห็นอย่างไรได้

ไพ่ในมือกลายเป็นพี่เขย นางก็เหนื่อยใจอย่างมาก เอาเถอะ

หากครุ่นคิดอย่างละเอียด งานแต่งนี้เป็นไปได้!

อย่างไรก็เป็นเครื่องมือในการผูกพันธมิตร การแต่งงานที่ไร้ความรัก ย่อมต้องเลือกชายที่แข็งแกร่งที่สุด

ถึงแม้สืออุนอายุมากไปหน่อย มีทั้งบุตรชายบุตรสาว แต่นางเชื่อว่าพี่ใหญ่สามารถอยู่รอดในเรือนหลังของสืออุน กลายเป็นฮูหยินแห่งท่านโหวผิงอู่ได้อย่างชาญฉลาดแน่นอน

เซียวฮูหยินทำสีหน้าประหลาดใจ

“อวิ๋นเกอ เจ้าสนับสนุนพี่ใหญ่ของเจ้าแต่งกับสืออุนจริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างแรง

นางเห็นด้วยกับงานแต่งในคราวนี้

เซียวฮูหยินผงะ ก่อนจะยิ้มกระจ่างขึ้นมา

“ข้าควรรู้อยู่แล้ว ท่ามกลางเหล่าเด็กๆ อันที่จริงนิสัยของอวิ๋นเกอคล้ายกับท่านโหวที่สุด หากละทิ้งปัจจัยทางด้านความรู้สึก ปัญหาที่พวกเจ้าคำนึงถึงล้วนมีต้นกำเนิดมาจากผลประโยชน์”

เยียนอวิ๋นเกอไม่เห็นด้วย นางเงยหน้า สีหน้าหยิ่งผยอง

นางไม่มีส่วนคล้ายกับเยียนโส่วจ้านแม้แต่น้อย!

นางให้ความสำคัญกับความรู้สึกอย่างมาก!

นางไม่เหมือนกับเยียนโส่วจ้านที่เห็นแก่ประโยชน์ ไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตร

ความสัมพันธ์ใดล้วนได้มาไม่ง่าย

หากได้ครอบครองย่อมต้องรักษาไว้ให้มั่น

หัวใจที่เย็นชามีเพียงความรักที่สามารถหลอมละลายได้

เหมือนดั่งนาง เมื่อมีความรักอันล้ำค่า จากคนในครอบครัว นางถึงได้กลายเป็นคนที่มีชีวิตชีวา

เซียวฮูหยินพูดพึมพำด้วนตนเอง “แต่งกับสืออุน ย่อมได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพียงแต่การแต่งงานในครานี้ ไม่ใช่เจ้าอยากแต่ง สืออุนย่อมแต่ง ฮูหยินของสืออุนจากไปเป็นเวลาเจ็ดแปดปีแล้ว หลายปีนี้มีคนแนะนำสตรีให้เขาจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ เห็นได้ชัดว่าภายในใจของสืออุนมีความกังวลในการแต่งงาน อวิ๋นเฟย การแต่งงานนี้จะสำเร็จหรือไม่ มีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง เจ้าอย่าได้ทุ่มเทลงไปทั้งหมด ความหวังยิ่งมากเท่าใด ความผิดหวังยิ่งมากเท่านั้น”

เยียนอวิ๋นโล่งใจอย่างมาก

“ขอบคุณท่านแม่ที่อนุญาต! ทางด้านสืออุน ข้าย่อมมีวิธี!”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงร้อนใจ รีบถาม “เจ้าอย่าไเหลวไหล อย่าเลียนแบบเยียนอวิ๋นเพ่ยกระทำการเช่นนั้น”

“ท่านแม่พูดเรื่องใดกัน ลูกจะเลียนแบบเยียนอวิ๋นเพ่ยที่ไร้ยางอายได้อย่างไร วิธีแบบนี้อาจใช้ได้กับชายหนุ่มอย่างหลิงฉางเฟิง แต่คงไม่อาจใช้ได้กับสืออุน”

เมื่อได้ยินบุตรสาวพูดเช่นนี้ เซียวฮูหยินโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด

อวิ๋นเฟยไม่ได้เสียสติ นางยังคงมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล ดีมาก ดีมากๆ

สาวรับใช้รีบเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

“ฮูหยิน ท่านโหวมาเจ้าค่ะ ดูจากสีหน้าโกรธเคืองแล้วเหมือนจะมาคาดโทษเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอสบตากับเยียนอวิ๋นเฟยทันที

นางคาดว่า เรื่องที่แอบดูจะถูกพบเข้าแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอดึงเยียนอวิ๋นเฟยขึ้นมาจากพื้น บอกให้นางอย่ารีบร้อน

เยียนโส่วจ้านพุ่งตัวเข้ามาในห้อง โบกมือไล่บ่าวรับใช้ทุกคนออกไป

เขาชี้ไปทางเยียนอวิ๋นเกอ

“เยียนอวิ๋นเกอ เจ้าบังอาจ! เพียงแค่ไม่ได้สั่งสอนเจ้าระยะหนึ่ง เจ้าบังอาจแอบวิ่งไปดูที่เรือนนอก เจ้าหาที่ตาย!”

เยียนโส่วจ้านพูดพลางจะลงมือ

เยียนอวิ๋นเกอย่อมไม่ยืนอยู่เฉยๆ ให้เขาตี

นางวิ่งออกไปไกล โยนกระดาษไปทางเยียนโส่วจ้าน

“ท่านอยากสานสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ ท่านอยากเลี้ยงกองกำลังเพื่อเกียรติยศของตนเองไม่ใช่หรือ การเลี้ยงกองกำลังต้องใช้เงินและเสบียง ไม่มีเงินและเสบียงย่อมไม่อาจเลี้ยงคนได้ เลี้ยงคนไม่ได้ย่อมไม่อาจยึดครองพื้นที่ได้ ย่อมไม่มีสิทธิ ไม่มีรากฐานในการสานสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ ถึงแม้จะสานสัมพันธ์ได้ แต่ย่อมต้องคอยป้องกันผู้อื่นกลืนกิน ท่านตีข้า ระวังข้าได้รับบาดเจ็บ แม้แต่กลายเป็นผี ข้าก็ไม่ให้หนทางแห่งความร่ำรวยแก่ท่าน”

บนกระดาษเขียนเต็มไปด้วยตัวหนังสือ

เยียนโส่วจ้านถือกระดาษอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า สายตาลังเลสับสน

ตีก็ตีไม่ได้!

แต่ว่าหากไม่ตีเยียนอวิ๋นเกอสักที เขาก็อึดอัดใจ

บุตรสาวของเขาคนนี้มาเพื่อทวงหนี้ชัดๆ

บุตรสาวบุตรชายของเขามีมากมาย มีเพียงเยียนอวิ๋นเกอที่กล้าชี้หน้าด่าเขา อีกทั้งมีเพียงเยียนอวิ๋นเกอกล้าโยนแก้วชาใส่เขา

หากบุตรคนอื่นกล้ากระทำเช่นนี้ คงถูกเขาตีจนจำมารดาผู้ให้กำเนิดไม่ได้แล้ว

ชาติก่อนเขาต้องติดหนี้เยียนอวิ๋นเกออย่างแน่นอน ถึงได้ถูกเด็กคนนี้ควบคุม

เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย

“เจ้าลองพูดมา เจ้ามีหนทางในการหาเงินอย่างไร!”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ เวลานี้ยังคิดไม่ได้

ดี!

บังอาจหลอกเขา!

ความโทสะของเยียนโส่วจ้านกำลังจะปะทุ

เซียวฮูหยินเปล่งเสียงช่วยเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้ได้ทันเวลา

นางพูด “ได้ยินว่าสืออุนมาเป็นแขกในจวน? ตอนที่อยู่ในเในเมืองหลวง ข้าเคยพบกับเขาครั้งหนึ่ง”

เยียนโส่วจ้านมีสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาหรี่ลง ฉายแววอันตราย

ราวกับาหากมีสิ่งใดไม่พอใจ เขาพร้อมที่จะสังหารคนทันที

เซียวฮูหยินทำเหมือนมองไม่เห็น นางชี้ไปที่เยียนอวิ๋นเฟย

“อวิ๋นเฟยดื้อรั้นยิ่งนัก พูดอย่างไรก็ไม่ยอมแต่งกับหลิงฉางเฟิง ข้าได้ยินว่าสืออุนยังไม่ได้แต่งงานใหม่ ข้างกายยังว่าง ท่านโหวคิดว่าอวิ๋นเฟยเป็นอย่างไร”

เยียนโส่วจ้านรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ถามอย่างไม่มั่นใจ

“ฮูหยินหมายความจะว่าให้อวิ๋นเฟยแต่งกับสืออุน?”

“ท่านโหวรู้สึกไม่เหมาะสม?”

เยียนโส่วจ้านลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา

“ความคิดของฮูหยิน ดี ดีเสียจริง! เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงเรื่องการสานสัมพันธ์กับสืออุน ฮ่าๆให้อวิ๋นเฟยแต่งกับสืออุน ความคิดนี้ดียิ่งนัก เยียนอวิ๋นเกอ เห็นแก่พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังจะแต่งงาน วันนี้ข้าไม่ลงโทษเจ้า หากมีครั้งหน้า ข้าไม่ยอมปล่อยไปอย่างแน่นอน ข้าจะตีขาของเจ้าจนหักให้ได้!”

เยียนอวิ๋นเกอแอบกลอกตา

เยียนโส่วจ้านพูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องที่สืออุนเดินทางมาถึงแคว้นซ่างกู่ อย่าได้เปิดเผยต่อภายนอกแม้แต่น้อย หากผู้อื่นรู้ร่องรอยของเขา ข้าจะคิดว่าพวกเจ้าแม่ลูกเผยแพร่ข่าวออกไป เมื่อถึงเวลาอย่าโทษว่าข้าไร้เยื่อใย”

พูดจบเขาก็จากไปอย่างรีบร้อน รีบไปสานสัมพันธ์กับสืออุน