บทที่ 2 ร่างวิญญาณหกสาย รากวิญญาณขั้นสูง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 2 ร่างวิญญาณหกสาย รากวิญญาณขั้นสูง
“เกิดเรื่องขึ้นกับผู้เฒ่าเถี่ยหรือ” เฒ่าหวางถามออกไปอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าผู้เฒ่าเถี่ยจะคุ้มดีคุ้มร้าย แต่เฒ่าหวางก็ติดตามรับใช้เขามานานถึงสิบปี ย่อมหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้เฒ่าเถี่ย

ผู้บำเพ็ญหญิงคนนั้นส่ายหน้ากล่าว ”ไม่นานมานี้มีผู้บำเพ็ญสายมารแทรกซึมเข้ามาในสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักฝ่ายนอกส่งพวกข้าสองคนมาคอยคุ้มกันเป็นพิเศษ ทุกคนอย่าได้เป็นกังวลไป”

เมื่อเฒ่าหวางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เขาประสานมือบอกลาแล้วจึงเดินจากไป

ผู้บำเพ็ญทั้งสองต่างแยกกันไปนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ร่มไม้ตรงสองฝั่งประตูใหญ่ของสวนสมุนไพร

เมื่อพวกเขาเริ่มกำหนดลมหายใจ ก็มีพายุหมุนที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขา

‘นั่นคงจะเป็นพลังวิญญาณสินะ’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นรดน้ำต่อไป

วันต่อมา

หานเจวี๋ยเริ่มสุ่มลูกเต๋าอีกครั้ง

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ไร้การเปลี่ยนแปลง]

หานเจวี๋ยกลอกตามองบน

แต่เขาไม่แปลกใจแต่อย่างใด และเขาก็ไม่ได้ลนลานเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็ได้ดวงชะตาแต่กำเนิดระดับสูงทั้งสี่อย่างมาครอบครองแล้ว ส่วนคุณสมบัติรากวิญญาณก็ค่อยๆ สุ่มต่อไปได้

หลังจากผู้บำเพ็ญทั้งสองเข้ามาอยู่ในสวนสมุนไพร ชีวิตของพวกข้ารับใช้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป

ชีวิตที่แสนน่าเบื่อยังคงดำเนินต่อไป

นอกจากทำงานแล้ว ในทุกๆ วันหานเจวี๋ยจะใช้เวลาไปกับการฝึกฝนร่างกายและสุ่มลูกเต๋า

วันที่สาม

สุ่มลูกเต๋าอีกครั้ง!

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ไร้การเปลี่ยนแปลง]

‘ได้! หาเรื่องข้าอย่างนั้นสินะ!’

หานเจวี๋ยก่นด่าในใจ

วันที่สี่

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: รากวิญญาณไม่ปรากฏชัด ฝึกฝนระดับสร้างฐานสำเร็จได้ยาก]

อืม สมกับเป็นมนุษย์ที่บำเพ็ญเซียน

หานเจวี๋ยส่ายหน้า

เขายังต้องการสุ่มเช่นนี้ต่อไป จะไม่ยอมเป็นมนุษย์ผู้บำเพ็ญเซียนเด็ดขาด

เช่นนี้เอง หานเจวี๋ยจึงฝึกฝนร่างกายและสุ่มลูกเต๋าทุกวัน

ส่วนใหญ่มักจะได้คุณสมบัติรากวิญญาณที่ไม่ปรากฏชัด

เขาไม่ถอดใจ เชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่สุ่มได้คุณสมบัติรากวิญญาณระดับพลิกฟ้า

บำเพ็ญเซียนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีศัตรูเสียหน่อย

สองปีต่อมา

ผู้เฒ่าเถี่ยกลับมาแล้ว ผู้บำเพ็ญทั้งสองจึงคารวะขอตัวกลับไป

เหล่าข้ารับใช้ต่างมารวมตัวกันคุกเข่าคารวะผู้เฒ่าเถี่ย

ผู้เฒ่าเถี่ยสวมชุดคลุมยาวสีดำ แขวนน้ำเต้าไว้ข้างเอวฝั่งละใบ เส้นผมสีดำแซมขาว ใบหน้าเคร่งเครียด ทำให้มีภาพจำว่าเป็นคนอารมณ์ร้าย

“ไม่เลวทีเดียว ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิด”

ผู้เฒ่าเถี่ยมองไปรอบๆ ก่อนยกยิ้มกล่าวอย่างพึงพอใจ

พวกข้ารับใช้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งหมดเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

ผู้เฒ่าเถี่ยมองไปทางหานเจวี๋ยรวมถึงคนรุ่นเยาว์คนอื่นข้างๆ เขา

“พวกเจ้าทั้งสี่คนตามข้ามา”

ผู้เฒ่าเถี่ยชี้เรียก จากนั้นเดินไปยังหอของตัวเอง

หานเจวี๋ยเป็นหนึ่งในบรรดาสี่คนนี้

พวกเขารีบเดินตามผู้เฒ่าเถี่ยไป

‘หรือว่าจะจัดแจงให้พวกเรารับผิดชอบพื้นที่ในสวนสมุนไพร’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าแขนขวาใต้แขนเสื้อของผู้เฒ่าเถี่ยมีเลือดหยดลงมา

หานเจวี๋ยอกสั่นขวัญแขวนทันที

หรือว่าผู้เฒ่าเถี่ยจะได้รับบาดเจ็บ จึงจะจับพวกเขาไปหลอมทำหุ่นเชิดหรือไม่ก็ทำเป็นโอสถ

ในชาติก่อนหานเจวี๋ยเคยอ่านพวกนิยายบำเพ็ญเซียนมาไม่น้อย ประโยคหนึ่งที่เขาจำได้ชัดเจนที่สุดคือ ‘คนอื่นตายช่างปะไร ตัวข้าต้องรอดชีวิต’

สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตัวเอง

หานเจวี๋ยยิ่งคิดยิ่งตื่นตระหนก แต่เขาก็ไม่กล้าหนีอีกเช่นกัน ทำได้เพียงพยายามสงบอารมณ์ไว้

หลังจากเข้าไปในห้อง ข้ารับใช้รุ่นเยาว์คนหนึ่งก็ปิดประตู

ผู้เฒ่าเถี่ยนั่งลงบนตำแหน่งประธาน พินิจพิเคราะห์พวกหานเจวี๋ยทั้งสี่คน

“พวกเจ้าทั้งหลายยื่นมือออกมา” ผู้เฒ่าเถี่ยออกคำสั่ง

หานเจวี๋ยและคนอื่นๆ พากันยื่นมือขวาออกมา

ผู้เฒ่าเถี่ยลูบคลำมือของแต่ละคน

หานเจวี๋ยแทบจะขนลุกซู่ขึ้นมาแล้ว

“มีเพียงเจ้าที่มีรากวิญญาณ คนอื่นกลับออกไปเถอะ”

ผู้เฒ่าเถี่ยกล่าวกับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง

หานเจวี๋ยถอนหายใจโล่งอก

เช้าวันนี้เขาสุ่มคุณสมบัติรากวิญญาณ เมื่อวานยังได้รับคุณสมบัติรากวิญญาณสี่สายมา แต่วันนี้กลับสุ่มไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

ไม่นึกว่าความโชคร้ายจะกลับกลายเป็นความโชคดีไปเสียได้

หานเจวี๋ยมองหนุ่มร่างสูงด้วยความเห็นใจ

จางเกอ[1] เด็กหนุ่มหัวโจกไฟแรงผู้โปรดปรานนกพิราบ

เด็กหนุ่มที่เหลืออีกสองคนมองจางเกอด้วยความอิจฉา

จางเกอทั้งคาดหวังและกระวนกระวายไปพร้อมๆ กัน

ผู้เฒ่าเถี่ยไม่อนุญาตให้ข้ารับใช้ฝึกบำเพ็ญ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาตรวจสอบรากวิญญาณของข้ารับใช้

หลังออกมาจากหอแล้ว หานเจวี๋ยไม่สนใจจะพูดคุยกับเด็กหนุ่มอีกสองคน แต่กลับไปทำงานของตนเองต่อ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จางเกอก็ไม่ได้กลับมาทำงานอีก

ที่แท้ผู้เฒ่าเถี่ยก็รับเขาเป็นลูกศิษย์ นี่ยิ่งทำให้ข้ารับใช้คนอื่นๆ เกลียดชังและอิจฉาริษยากว่าเดิม

หานเจวี๋ยนั้นกลับไม่มีความรู้สึกอิจฉาเลย

ต้องเป็นเรื่องหลอกลวงแน่!

ฝึกฝนให้ชำนาญแล้วค่อยกำจัดทิ้งทีหลัง!

หานเจวี๋ยรู้สึกโชคดีที่ตนเองไม่ถูกเลือกไป

เขามีระบบของเขา ไม่จำเป็นต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้ใด

เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกสองปี

ผู้เฒ่าเถี่ยออกเดินทางนอกสำนักเมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากเขาออกไป ผู้บำเพ็ญสองคนที่ครั้งก่อนมาเฝ้าอารักขาสวนสมุนไพรก็กลับมาอีกครั้ง

จางเกอที่บัดนี้กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณพูดคุยทักทายกับผู้บำเพ็ญสองคนนั้น

ตอนนี้ข้ารับใช้ทั้งหลายต่างต้องอยู่โดยพึ่งพาอาศัยเขา

โชคดีที่จางเกอมานะฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ไม่ได้ข่มเหงรังแกข้ารับใช้คนอื่น

พวกเขาเหล่านี้เป็นข้ารับใช้ตลอดทั้งชีวิต แม้ผู้เฒ่าเถี่ยออกเดินทางอยู่เสมอ พวกเขาก็ไม่มีเหตุให้ต้องไปจากสวนสมุนไพร และไม่ขัดประโยชน์อันใดต่อกัน ดังนั้นจึงมีความขัดแย้งเกิดขึ้นน้อยครั้งนัก

หานเจวี๋ยอายุได้สิบห้าปีแล้ว ยังคงอยู่อย่างเงียบๆ เช่นเคย

ในช่วงสี่ปีมานี้ เขาเคยสุ่มได้คุณสมบัติรากวิญญาณที่ดีที่สุดคือรากวิญญาณสามสาย สามารถฝึกได้ถึงระดับรวมแก่นปราณ

ระดับรวมแก่นปราณนับเป็นอะไรได้!

เป้าหมายของเขาคือการเป็นอมตะและเป็นเทพเซียนเท่านั้น

เช้าตรู่วันนี้

หานเจวี๋ยสุ่มลูกเต๋าไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร และไม่ได้คาดหวังเช่นกัน ก็เหมือนกับการตื่นขึ้นมาบ้วนปากในทุกๆ วัน

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพฤกษา คุณสมบัติเป็นเลิศ มีโอกาสฝึกบำเพ็ญถึงระดับปราณก่อกำเนิด]

รากวิญญาณคู่?

ระดับปราณก่อกำเนิด?

แค่มีโอกาสเองน่ะหรือ

หานเจวี๋ยส่งเสียงชิชะ ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด

เขาอายุแค่สิบห้าปีเท่านั้น ยังสุ่มต่อไปได้อีกสิบห้าปี

สุ่มต่อไป!

วสันตฤดูผ่านไป สาทรฤดูมาเยือน

วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว

หานเจวี๋ยยังคงสุ่มลูกเต๋าทุกวันเช่นเดิม

[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]

แค่นี้เองหรือ

หานเจวี๋ยสบถตามจิตใต้สำนึก

ช้าก่อน!

แค่นี้เอง!

หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง ลมหายใจกระชั้นขึ้นมา

มาแล้ว!

สิบหกปีเต็มๆ ในที่สุดก็สุ่มได้คุณสมบัติรากวิญญาณที่ตัวเอกสุดเทพควรจะมี!

หานเจวี๋ยขยี้ตา ดูดีๆ ให้แน่ใจ

รากวิญญาณระดับสูงสุด!

อีกทั้งยังเป็นรากวิญญาณระดับสูงสุดหกธาตุด้วย!

“ฮู่…”

หานเจวี๋ยพยายามสงบสติอารมณ์

ในที่สุดก็มาสักที!

อันนี้นี่แหละ!

นี่แหละคุณสมบัติรากวิญญาณที่เขาควรจะได้!

หานเจวี๋ยไม่รีบร้อนกดปุ่มเริ่มต้นเกมวิถีแห่งชีวิต เขากลัวว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะเป็นจุดสนใจมากเกินไป อีกอย่างตรงหน้าประตูยังมีผู้บำเพ็ญสองคนคอยอารักขาอยู่

‘ปัญหาก็คือ ข้าจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไร’

หานเจวี๋ยคิดด้วยความกลัดกลุ้ม

จู่ๆ เบื้องหน้าเขาก็มีตัวอักษรหนึ่งบรรทัดปรากฏขึ้นมา

[เลือกได้หนึ่งสถานที่ ระบบจะช่วยสร้างเขตอาคมให้ท่าน ผู้บำเพ็ญนอกเขตอาคมจะไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงข้างใน]

หานเจวี๋ยประหลาดใจ เขารีบเดินไปหน้าประตู เมื่อแน่ใจว่าข้ารับใช้คนอื่นๆ เข้าไปในสวนสมุนไพรกันแล้ว จึงค่อยปิดประตูลง

เขายืนอยู่กลางห้อง เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมา จากนั้นใช้นิ้วกดปุ่ม [กดเพื่อเริ่มเกมวิถีแห่งชีวิต] ด้านล่างสุดด้วยอาการสั่นเทา

กดปุ่มเสร็จสิ้น!

หน้าต่างค่าสถานะเปลี่ยนไป

ตัวอักษรแต่ละแถวเริ่มปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[เริ่มต้นเกมวิถีแห่งชีวิต]

[ทบทวนประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา]

[หานเจวี๋ย ท่านเกิดในสำนักบำเพ็ญเซียนแห่งหนึ่งบนโลกมนุษย์ ตั้งแต่เล็กจนโตรูปโฉมงดงามเหนือใคร เป็นที่รักใคร่ของผู้คน ท่านถูกบิดามารดาผู้ให้กำเนิดทอดทิ้งไปตั้งแต่เยาว์วัย ดูเหมือนจะมีโชคชะตาบางอย่างที่ท่านต้องแบกรับไว้ ท่านมีพรสวรรค์ในมรรคกระบี่สูงส่งเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป ท่านมักจะสัมผัสพลังลึกลับที่มองไม่เห็นและยากเกินหยั่งหกชนิดในฟ้าดินได้…]

[จวบจนวันนี้ ท่านปลุกมรดกวิชาจักรพรรดิเซียนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และได้รับสุดยอดวิชายุทธ์ [วัฏจักรหกวิถี] มา ทำให้ท่านก้าวสู่เส้นทางแห่งการฝึกบำเพ็ญด้วยเหตุนี้]

[โปรดเลือกเส้นทางการฝึกบำเพ็ญสายหลักของท่าน]

[1. สายกระบี่]

[2. สายอัสนี]

[3. สายพสุธา]

[4. สายอัคคี]

[5. สายวารี]

[6. สายพฤกษา]

[7. สายวายุ]

……………………………………….

[1] ชื่อจางเกอ เกอพ้องเสียงกับคำว่า เกอจื่อ (鸽子) ที่แปลว่านกพิราบ