ฉันรีบลุกออกจากเก้าอี้ทันทีเมื่อรู้ว่าฉันสามารถกลับบ้านได้แล้ว
ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าของฉันและใช้มันเช็ดเบาะรองนั่งของเก้าอี้
และแม้แต่ในตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาดเก้าอี้อยู่ หญิงสาวก็ยังพยายามยัดเยียดให้ฉันกินอาหาร แต่หลังจากที่โดนฉันปฏิเสธไปอีกสองถึงสามครั้ง เธอก็ยอมแพ้
หลังจากที่ฉันทำความสะอาดเก้าอี้เสร็จและกำลังจะสะพายกระเป๋าพาดบ่าของฉัน ฉันก็พบว่าเสื้อผ้าที่ฉันกำลังใส่อยู่มันสะอาดมากกว่าปกติ
“เอ่อ…”
“ฮืม?”
“ฉันอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าไปใช้เสื้อผ้าของตัวเอง…”
เสื้อผ้าที่ฉันกำลังสวมอยู่ตอนนี้ก็คือเสื้อผ้าหรูหราที่น่าอึดอัดใจ
ถ้าหากฉันทำมันเสียหายแม้แต่นิดเดียว ฉันก็คงจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นแสนวอน
เห็นได้ชัดเลยว่าหญิงสาวตั้งใจใช้เสื้อผ้าเหล่านี้เพื่อควบคุมฉัน
“เสื้อผ้าพวกนี้มันคือของขวัญ เธอไม่อยากใส่มันต่องั้นเหรอ?”
หญิงสาวยืนกรานจะให้ฉันใส่มันต่อไป
เธอเป็นผู้หญิงที่อันตรายมาก ฉันไม่สามารถลดการป้องลงได้เลย
“ฉันชอบเสื้อผ้าของฉันมากกว่า”
“จริงเหรอ? แต่ชุดของเธอมันโทรมไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงมันจะโทรม แต่พวกมันคือสมบัติของฉัน”
ถึงแม้การบอกไปว่าเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและทรุดโทรมว่าเป็นสมบัติมันจะเป็นเรื่องที่น่าขำ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นให้เลือกแล้ว
เนื่องจากฉันต้องปีนภูเขาเพื่อไปยังจุดที่เต็นท์ของฉันตั้งอยู่
ถ้าหากเสื้อผ้าตัวนี้เปื้อนฝุ่นหรือไปเกี่ยวกับกิ่งไม้จนขสดแล้วละก็ ชีวิตของฉันคงได้จบสิ้นแน่
“โอเค… งั้นช่วยรอสักเดี๋ยวหนึ่งนะ ตกลงไหม?”
“ตกลง”
ฉันมองไปรอบ ๆ ในขณะที่หญิงสาวก็กำลังคุยอยู่กับพนักงานของโรงแรมอยู่
ที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร ฉันก็พบกับผู้ชายที่เคยตบเข้ามาที่หลังศีรษะของฉัน
“อ๊ะ”
สายตาของพวกเราสบกัน
ด้วยความตกใจ ฉันจึงกำลังจะหันหน้าหนีแต่เขากลับชิงหันหน้าหนีไปจากฉันซะก่อน
มันเป็นเรื่องที่ฉุกระหุกมาก
‘เอ๊ะ?’
ผู้ชายคนนั้นมันจะจ้องเขม็งมาที่ฉันอยู่ตลอดเลยนี่นา
แล้วทำไมในตอนนี้ เขาถึงได้หลีกเลี่ยงการสบตากับฉันกัน?
ถึงแม้ฉันจะงุนงง แต่มันก็ยังดีกว่าการที่ต้องมาทะเลาะกัน ดังนั้นฉันเลยไม่คิดมากกับเรื่องนั้น
เพราะมันมีอะไรที่สำคัญมากกว่าการคิดเรื่องนั้นอยู่ตรงหน้าของฉัน
ขวดเปล่า
สิ่งที่มูลค่าตั้งแต่หนึ่งร้อยวอนไปจนถึงหนึ่งร้อยสามสิบวอนถูกวางกองไว้บนโต๊ะ
แค่ฉันหยิบมันไปขายได้สักสองถึงสามขวดก็ถือว่าเป็นโชคลาภของฉันแล้ว
“ว้าว”
ในตอนที่ฉันถูกแม่มดจับตัวมา ฉันก็กลัวอยู่หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
แต่ถ้าคิดในอีกมุมหนึ่ง บางทีฉันอาจจะได้ค่าตอบแทนสำหรับการเป็นหนูทดลองก็ได้
ฉันกลืนนํ้าลายอย่างแรง และเดินไปที่ขวด
ฉันสามารถใส่ขวดเบียร์ลงไปในกระเป๋าของฉันได้ประมาณสี่ขวด
ในขณะที่ฉันกำลังเอื้อมมือเพื่อไปหยิบขวด ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน
บางทีอาจจะเป็นเพราะหูอันใหม่ของฉันที่คล้ายคลึงกับหูของสัตว์ มันเลยทำให้ไวต่อเสียงมาก
“กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
ฉันหันหน้าไปตามเสียงเรียกของหญิงสาว
มันให้ความรู้สึกราวกับถูกจับได้ว่ากำลังขโมยอัญมณีลํ่าค่าอยู่เลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ขวดที่ถูกทิ้งแล้วก็ตาม
“ข-ขวด…”
“ขวดเหรอ?”
“ข-ขวดเบียร์… หนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยสามสิบวอน…”
ฉันตื่นตระหนกจนพูดไม่ได้ศัพท์
ฉันรีบวางขวดไปไว้ที่เดิมทันทีก่อนที่จะมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้น
“อ๋อ เธออยากจะเอาขวดไปขายใช่ไหม?”
“ใช่…”
ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ละก็ เธอคงจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
ในขณะที่ฉันกำลังจ้องขวดเปล่าด้วยความเสียใจ หญิงสาวก็เริ่มหยิบขวดและใส่มันลงไปในกระเป๋าของฉันทีละขวด
“ดูเหมือนว่ามันจะเต็มแล้วนะ”
“ไม่ต้องแล้ว แค่สี่ขวดก็พอแล้ว”
ฉันรีบกางนิ้วออกมาสี่นิ้ว เพื่อระบุจำนวนขวดที่ฉันต้องการ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รู้คุณค่าของขวดเปล่าเหล่านี้เลย
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะช่วยถือขวดให้อีกสี่ขวด ทีนี้เธอก็ขายมันได้มากกว่าเดิมแล้วใช่ไหม?”
“ใช่…”
สี่ขวดอยู่ในกระเป๋าของฉัน
อีกสี่ขวดอยู่ในมือของหญิงสาว
และอีกหนึ่งขวดอยู่ในอ้อมแขนของฉัน
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ฉันกลับสามารถทำเงินได้มากกว่าหนึ่งพันวอน
——————————————————————————————————————————
กิลด์รุ่งอรุณ
ถึงแม้จะเป็นสำนักงานใหญ่ของกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาหลีใต้ ก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่
จูซังอุค พนักงานของร้านสะดวกซื้อกำลังมอบไปรอบ ๆ ร้านด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า
มันเป็นวันที่ยุ่งวุ่นวายอีกวันที่มีแค่ผู้จัดการเท่านั้นที่ชอบ แต่ในตอนนี้กลับไม่มีลูกค้าอยู่เลย
‘เงียบเชียบดีจัง’
เขาตัดสินใจที่จะสนุกไปกับช่วงเวลาที่แสนสงบสุดหาได้ยากนี้ โดยที่เขารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานมันก็คงจะยุ่งวุ่นวายอีกเหมือนเดิม
ในขณะที่จูซังอุคกำลังหาวอยู่ ลูกค้าก็ได้เข้ามาที่ร้าน เขาจึงรีบปั้นหน้ายิ้มทันที
“ยินดีต้อนรับครับ…?”
ใบหน้าของคนที่เข้ามาในร้านสะดวกซื้อเป็นคนที่จูซังอุครู้จักดี
เธอคือฮันยอรึม สมาชิกระดับสูงของกิลด์รุ่งอรุณที่ทรงพลัง
‘ฮืม?’
การทำงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อ จูซังอุคก็มักจะพบเจอสมาชิกระดับสูงของกิลด์อยู่ตลอด
การที่เห็นยอรึมไม่ได้ทำให้เขาตกใจเลย แต่สิ่งที่ทำให้เขาเบิกตากว้างก็คือ
มนุษย์สัตว์เด็กผู้หญิงที่ตามเธอมาต่างหาก
‘อะไรน่ะ?’
มนุษย์สัตว์เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ๆ เพราะในเกาหลีใต้มีมนุษย์สัตว์ไม่ถึงห้าสิบคน
ถึงแม้หูและหางสีขาวของเธอจะดูน่ารัก แต่จูซังอุคก็ไม่สามารถยิ้มออกมาได้
เนื่องจากรูปร่างหน้าตาและกิริยาท่าทางที่สวนทางกัน
เธอสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่เปื้อนเลือดอยู่ พร้อมกับถือขวดเบียร์ไว้ในอ้อมแขนราวกับมันเป็นของมีค่า
และท่าทางที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอที่มักจะมองไปรอบ ๆ ภายในร้านอยู่เสมอ ช่างดูน่าสงสารจับใจ
‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?’
จูซังอุคสงสัยในความสัมพันธ์ของฮันยอรึมกับเด็กสาวมนุษย์สัตว์คนนี้
มันน่าแปลกที่ฮันยอรึมผู้รํ่ารวยจะปฏิบัติกับเด็กสาวมนุษย์สัตว์เช่นนี้
‘เธอโดนทารุณ… คงไม่ใช่หรอกมั้ง?’
ยอรึมเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความใจดีที่มีต่อเด็กของเธอ
แต่ถ้าเอาตามความจริง คนในกิลด์รุ่งอรุณทั้งหมดต่างก็มีชื่อเสียงในเรื่องความเมตตาต่อเด็ก
พวกเขาล้างบางองค์กรอาชญากรรมที่รัฐบาลยอมแพ้ไปแล้วในการจับกุม เพียงเพื่อช่วยเหลือเด็กหนึ่งคนที่ถูกลักพาตัวไป
มันคงจะมีสาเหตุอะไรสักอย่างในการกระทำนี้ของเธออย่างแน่นอน
ในขณะที่จูซังอุคกำลังพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ เด็กสาวมนุษย์สัตว์ก็มาที่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับขวดที่อยู่ในมือ
“ช-ช่วยซื้อขวดเหล่านี้ด้วย…”
“ขวด?”
เธอขายขวดเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพงั้นเหรอ?
ทำไมเด็กน้อยคนนี้ต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย?
จูซังอุคมองฮันยอรึมด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ
“ข-ขวดมีทั้งหมดเก้าขวดค่ะ”
ยอรึมพูดติดอ่างในขณะที่กำลังวางขวดลงบนเคาน์เตอร์
จูซังอุคมีหลายสิ่งที่อยากจะพูดออกมา แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะทำหน้าที่พนักงานก่อน
“ทั้งหมดเก้าขวดนะครับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งพันสองร้อยวอนนะครับ”
ในขณะที่จูซังอุคกำลังใช้งานเครื่องบันทึกเงินสดอยู่นั้น เด็กสาวก็จ้องมองไปที่จูซังอุคด้วยใบหน้าที่น่ารัก
“ขอเป็นเหรียญแทนธนบัตรได้ไหม?”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะหยิบเหรียญให้นะ”
จูซังอุคมอบเหรียญที่สะอาดที่สุดให้กับเด็กสาว
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะถูกใจเหรียญที่แวววับนี้มาก เธอกำมันไว้ในมืออย่างแน่นและกระโดดไปมาอย่างมีความสุข
หูสีขาวของที่น่ารักของเธอกระเด้งอย่างน่ารักทุกครั้งที่เธอกระโดด
“เราขายขวดกันหมดแล้ว ไปกันเลยดีไหม?”
“โอเค”
ฮันยอรึมมองไปที่จูซังอุคด้วยความกังวลเล็กน้อยก่อนที่จะจับมือของเด็กและพาเธอออกไป
ใครดูก็รู้ว่าเธอกำลังรีบอยู่
จูซังอุคตัดสินใจพูด แม้ว่ามันจะเกินขอบเขตของเขาก็ตาม
เขาตระหนักถึงช่องว่างระหว่างตัวเองและฮันยอรึมเป็นอย่างดี แต่เขาก็แค่เป็นห่วงเด็กในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ขอโทษนะครับ ไม่ใช่ว่าคุณควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหน่อยเหรอครับ?”
“ใช่ ช-ใช่ ขอโทษค่ะ…”
แทนที่เธอจะโกรธ เธอกลับขอโทษ
ในคำพูดของเธอไม่มีนํ้าเสียงที่ดูถือตัวอยู่เลย
จูซังอุคถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้รับคำตอบจากฮันยอรึม
เพราะมันหมายความว่าเธอรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรผิดอยู่
——————————————————————————————————————————
สี่เหรียญ
สองในสี่เหรียญนั้นคือเหรียญห้าร้อยวอน
ฉันมองเหรียญที่ดูสวยยิ่งกว่าอัญมณีท่ามกลางแสงพระอาทิตย์
มันเป็นเหรียญที่แวววาวที่สุดเท่าที่ฉันเคยสัมผัสมา มันแวววาวยิ่งกว่าเพรชซะอีก
“ว้าว”
เพื่อที่จะเก็บขวดเพียงขวดเดียว ฉันถึงกับต้องตื่นแต่เช้าและตระเวนไปทั่วในละแวกใกล้เคียง
การหาเงินได้อย่างง่าย ๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก
“คยออุล พี่มีคำถาม”
“คำถาม?”
เป็นเพราะเธอช่วยฉันหาเงิน เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะถามฉันใช่ไหม?
มุมปากของฉันตกลงเมื่อฉันคิดว่าฉันถูกหลอก
ฉันได้รับเงินมาแล้ว ฉันเลยรู้สึกว่าฉันต้องตอบคำถามของเธอ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พี่แค่อยากรู้ว่าทำไมเธอต้องการเหรียญแทนที่จะเป็นธนบัตร?”
“เพราะเหรียญมันหายยากกว่า”
“อ๋อ เพราะพวกมันหนักใช่ไหม?”
“ใช่”
เหรียญไม่เหมือนธนบัตรที่มีนํ้าหนักเบา
พวกมันจะไม่ปลิวไปตามสายลม และถ้าเกิดพวกมันตกลงไปมันก็จะเกิดเสียง เพราะงั้นมันเลยง่ายต่อการหา
อีกอย่าง มันคงจะเป็นเรื่องยากถ้าหากใครบางคนต้องการที่จะวิ่งหนีไปกับพร้อมเหรียญจำนวนมาก
เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ หญิงสาวก็ปรบมือของตัวเอง ดังแปะ!
“สุดยอดเลย มันคล้าย ๆ กับภูมิปัญญาเพื่อชีวิตใช่ไหม?”
“ใช่…”
จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ภูมิปัญญาเพื่อชีวิตเลย
ฉันก็แค่เพิ่งจะมีประสบการณ์ในการมองธนบัตรปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าในวันที่มีพายุ
ในวันนั้นฉันเสียใจมากจนกินอะไรไม่ได้เลย
แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้ว แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
‘เหรียญมันดีตรงที่มันจะไม่ปลิวไปไหนเมื่อมันมีจำนวนมาก’
ฉันหวังว่ากระปุกออมสินที่อยู่ที่บ้านของฉันมันจะไม่เป็นไร
ในขณะที่ฉันกำลังกำเหรียญอย่างแน่นอยู่ หญิงสาวก็พาฉันมาหยุดอยู่ที่รถสุดหรู
“อยากจะเข้าไปไหม?”
เธอเปิดประตูรถให้ฉัน
ภายในรถมันดูดีกว่าบ้านของฉันซะอีก
“ทำไมฉันต้องเข้าไปด้วย?”
“ไม่ใช่ว่าบ้านของเธอมันอยู่ใกล้ ๆ กับพื้นที่ล่าแรบบิทฮอร์นหรอกเหรอ? มันอยู่ไกลจากที่นี่นิดหน่อย”
“โอ้…”
ถึงว่าทำไมรอบ ๆ ถึงได้มีตึกสูงอยู่อย่างมากมาย
ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะถูกย้ายมาไกลขนาดนี้ในตอนที่ฉันกำลังหมดสติอยู่
ฉันจ้องมองเข้าไปในรถอยู่สักพักหนี่งและก้าวหลังถอยออกมาด้วยความระมัดระวัง
“คุณจะขับรถไปเหรอ?”
“ทำไมล่ะ? พี่น่ะขับเก่งมากเลยนะจะบอกให้”
ผู้หญิงแสดงใบขับขี่ของเธอให้ฉันดู
ฉันคิดว่าเธอยังเด็กอยู่เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของเธอ แต่เธอเป็นผู้ใหญ่ตามกฏหมายแล้วนี่เอง
“ถ้างั้นคุณก็ขับรถไปรอฉันก่อนได้เลย ส่วนฉันจะเดินไป”
“ทำไมล่ะ…?”
นี่เธอไม่รู้จริง ๆ งั้นเหรอ?
ด้วยความรำคาญ ฉันจึงแสดงเหรียญที่อยู่ในกระเป๋าของฉันให้เธอดู
“ฉันไม่มีเงิน ฉันมีอยู่แค่นี้”
เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นรถที่มีราคาแพง แต่ถึงแม้จะเช่ามามันก็ยังคงแพงมากอยู่ดี
ไม่มีทางที่ฉันจะสามารถนั่งรถแบบนี้ได้ด้วยเงินเพียงแค่ไม่กี่เหรียญได้หรอก
“โอ้… เธอไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินหรอก”
“…ทำไม?”
“ก็เพราะพี่เป็นคนที่อยากเห็นบ้านของคยออุลเองนี่นา ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่คนที่อยากเห็นจะต้องเป็นคนจ่าย”
“โอ้”
สมเหตุสมผล
เธอนั่นแหละที่จะเสียหายถ้าหากไม่ได้ไปที่บ้านของฉัน
ฉันเดินขึ้นไปที่รถด้วยความมั่นใจ
“ถ้างั้น ฉันจะทำความสะอาดให้เมื่อฉันนั่งเสร็จแล้ว”
“คือว่าเรื่องนั้น… ไม่ต้องก็ได้”
ต้องทำสิ
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ทางที่ดีที่สุดคือทำความสะอาดในบริเวณที่ฉันนั่ง
“ถ้าไม่ ฉันก็ไม่ขึ้น”
“โอเค โอเค เธอสามารถทำความสะอาดได้ เพราะงั้นพวกเราไปกันได้แล้วใช่ไหม?”
“โอเค”
ฉันนั่งลงบนเบาะรถด้วยความระมัดระวัง
ในที่สุดฉันก็จะได้กลับบ้านแล้ว