ในชาติที่แล้ว ฉันแทบไม่ได้สัมผัสกับคำว่า “ความสงบ” เลย

ฉันถูกรังแกอย่างหนัก พ่อแม่ไม่เคยใส่ใจฉัน แถมสุดท้าย ฉันยังต้องมาตายจากความเห็นแก่ตัวของเทพอีก

เพราะยังงั้น ในชาตินี้ ฉันเลยต้องการชีวิตอันสงบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่อย่างเงียบๆ และสนุกสนาน นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด

แต่โลกนี้…ไม่สิ เหมือนว่าโลกนี้จะไม่ยอมมอบสิ่งที่ฉันต้องการให้ แม้แต่ความต้องการสูงสุดของฉัน

 

งั้นก็ได้ ความสงบอะไรนั่น ฉันไม่ต้องการมันแล้ว

เจ้าพวกนั้นที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน เอาทั้งชีวิตของฉันไป เหลือไว้แค่ชีวิตของฉัน

 

―――ฉันจะ―

ในวันนั้น จู่ๆ ทุกสิ่งก็เกิดขึ้น ฉัน…ไม่สิ ต้องบอกว่าแวมไพร์ส่วนใหญ่ก็กำลังหลับกันอยู่ แน่อยู่แล้วล่ะ ก็ตอนนั้นมัน ‘กลางวัน’ หนิ

หมู่บ้านแวมไพร์นั้นเป็นสถานที่ที่สงบสุขมาโดยตลอดหลายร้อยปี ปราศจากการแทรกแซงจากเผ่าพันธุ์ใดๆ

เพราะงั้น ฉันก็ไม่โทษพวกแวมไพร์ที่รับหน้าเฝ้ายามอยู่ในหอสังเกตการณ์ที่ถูกสร้างไว้แบบหยาบๆ นั้นจะขาดการระวังตัว

คุณพ่อน่ะ…แม้แต่หัวหน้าเผ่าก็คาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น

ทันทีที่ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นและลุกพรวดขึ้นจากเตียง…สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นไปแล้ว

จากหน้าต่างห้องนอนของฉันที่ชั้น 2 ฉันมองเห็นชุดสีขาวเต็มไปหมด…พวก [มนุษย์] หลายร้อยคนแต่งตัวเหมือนๆ กันทั้งชุดทั้งเกราะ ดูแล้วทำให้นึกถึงพวกนักบวช

พวกมนุษย์พังเข้าไปในบ้านแต่ละหลังๆ ก่อนจะออกมาราวกับพึงพอใจในสิ่งที่พวกเขาทำ

ทันทีที่ฉันนึกออกว่านั่นคืออะไร ฉันก็แทบจะอาเจียนออกมาเลย

มันคือหัว หัวของแวมไพร์ เช่นเดียวกับฉัน

 

“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ…!?”

“ลีน!!!”

 

ฉันหันกลับไป ก็เห็นคุณแม่ที่ดูท้อแท้ กับคุณพ่อที่กำลังร้อนรนและโกรธมากในเวลาเดียวกัน

 

“คุณพ่อ นี่มัน…!”

“พ่อรู้! ลีน ลูกหนีไปกับแม่นะ เดี๋ยวพ่อตามไปทีหลัง!”

“ไม่นะคะ…พ่อ…พ่อจะ…”

“…พ่อน่ะเป็นหัวหน้าเผ่า แถมยังเป็นแวมไพร์ลอร์ดด้วย พ่อหนีไปไม่ได้หรอก”

“ของพวกนั้น….ชีวิตน่ะสำคัญกว่านะคะ! หนูรู้ว่าพ่อน่ะแข็งแกร่ง แต่ว่ามัน…!”

 

ก่อนที่ฉันจะทันพูดจบ พ่อก็เข้ามากอดฉัน

 

“…พ่อขอโทษนะลูก”

 

ด้วยคำนั้นคำเดียว ฉันก็เข้าใจได้ พ่อตั้งใจจะ…

 

“มิเนีย ฝากลูกด้วยนะ”

“ค่ะ…ฉันรู้”

 

จากนั้น พ่อก็พุ่งเข้าหาพวกศัตรู ทิ้งฉันไว้ในอ้อมกอดของแม่

 

“ม- ไม่นะ! ไม่นะคะ! พ่อ! ปล่อยหนูสิคะ! แม่!”

 

พ่อชะงักไปชั่วครู่ตอนที่ฉันอ้อนวอน แต่ก็รีบพุ่งตัวออกไป ในขณะที่แม่ก็ยังกอดฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 

“เราคือแวมไพร์ลอร์ด! เรเซอ บลัดลอร์ด! หากพวกเจ้ายังต้องการจะเข่นฆ่าผู้คนของเราไปมากกว่านี้ล่ะก็ พวกเจ้าต้องข้ามศพเราไปก่อน!”

 

หลังจากเสียงตะโกนอันดังนั่น เสียงของการต่อสู้ที่ดังอื้ออึงอยู่ข้างหลังของฉันก็ยิ่งดังขึ้นอีก

…ในตอนนั้น พวกเราหนีเข้าไปในป่า ทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้า เสียงพวกนั้นก็เบาลงไปเรื่อยๆ

แม่อุ้มฉันหนีเข้าไปในป่า และก็วิ่งกันไม่หยุด หลังจากวิ่งมาตลอด 10 นาที ในที่สุด แม่ก็หยุดวิ่งแล้วก็วางฉันลง

 

“…แม่ไม่คิดว่าพวกนั้นจะไล่ตามเรามาถึงนี่ได้อีกซักพัก เราพักกันซักหน่อยค่อยหนีกันต่อนะลูก เราจะได้เปรียบขึ้นถ้าเป็นกลางคืนแล้ว”

“หนีเหรอคะ…เราจะหนีไปที่ไหนเหรอคะ?”

“…แม่ก็ไม่รู้ แต่เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้”

 

หน้าของแม่ดูแย่มากเลยตอนนี้ ไม่แปลกหรอก ก็เมื่อกี้นี้ แม่เพิ่งจำใจทิ้งให้คู่ชีวิตของเธอที่อยู่ร่วมกันมาหลายทศวรรษต้องเผชิญกับความตายอยู่เบื้องหลังเพียงลำพัง

 

ทำไมล่ะ? ทำไมพวกมนุษย์ต้องบุกโจมตีพวกเราด้วย?

เราก็แค่อยู่กันอย่างสงบแค่นั้นเอง

ทำไมล่ะ? ทำไม? ทำไม? ทำไมกัน?

 

…อย่างน้อยที่สุด ฉันต้องปกป้องคุณแม่ไว้ให้ได้ คุณพ่อปกป้องพวกเราแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาของฉันบ้างล่ะ ใช่! พ่ออาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้! ถ้างั้นเราก็ต้องไปช่วยเขา!

ละก็…ต้องติดต่อกับเพื่อนคนไหนที่ยังรอดชีวิตอยู่ด้วย…

 

ทันใดนั้น จู่ๆ ‘หมอนั่น’ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เตะให้สิ่งที่ฉันคิดในหัวกระเด็นออกไปหมดเลย

 

“โอ้…อู…ช่างน่าเศร้าเสียจริง…!”

“ฉันรู้ว่ามันน่าเศร้า แต่ทำไมจู่ๆ ก็―――!?”

 

แม่กับฉันกระโดดถอยมาทันที เสียงที่ฉันได้ยินนั่นเป็นเสียงผู้ชายตัวใหญ่

 

“เวทเคลื่อนย้าย! นักเวทหนิ!”

 

ด้านหลังของพวกเรามีผู้ชายน่าสงสัยที่ไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อนยืนอยู่ แต่งตัวด้วยชุดแบบเดียวกับพวกที่บุกโจมตีหมู่บ้านของพวกเรา ตัวสูงเกิน 2 เมตร ถือหนังสือเล่มใหญ่ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง และไม่รู้ทำไม เขายังมีน้ำตาไหลออกมาด้วย

 

“อา…พวกเธอทั้งคู่ช่างน่าสงสารเสียจริง…!”

 

น่าสงสาร? หมายถึง เขาจะปล่อยเราไปงั้นเหรอ?

ความหวังลมๆ แล้งๆ นั่นดับวูบไปทันทีด้วยประโยคต่อมา

 

“อา…เด็กสาวที่น่ารัก….กับหญิงงามผู้นี้…เป็นแวมไพร์งั้นเหรอ! พวกเผ่ามารที่ชั่วช้าที่ปฏิเสธเหตุผลของท่านมิซารี่! อนิจจา หากพวกเธอได้เกิดมาเป็นมนุษย์ล่ะก็…พวกเธอก็คงมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากความลำบากแล้วแท้ๆ…น่าเศร้าเสียจริง…!”

 

เผ่ามารที่ชั่วช้า? แวมไพร์อย่างพวกเราน่ะเหรอ?

ก็จริงอยู่ที่พวกเราเป็นเผ่ามาร แต่เราเป็นกลางในสงครามระหว่างกองทัพจอมมารกับกองกำลังฝั่งมนุษย์นี่นา แถม ถ้าพวกแกไม่มาโจมตีพวกเราตั้งแต่แรก เราก็มีชีวิตอย่างสุขสงบ ปราศจากความลำบากอยู่แล้วนั่นแหละ!

 

“อย่างน้อย…อย่างน้อยก็ขอเราได้นำพาให้พวกเธอได้ไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ในชาติต่อไปด้วยเถิด! ตัวเรา ในฐานะหนึ่งใน [12 อัครสาวก] จะส่งพวกเจ้าสู่พระผู้เป็นเจ้าด้วยมือของเราเอง!”

 

[12 อัครสาวก] งั้นเหรอ? ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้านี่พูดเรื่องอะไรอยู่ แต่นี่รับมือกับคนแค่คนเดียว ด้วยพลังที่ฉันมีในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่า…!

ชั่วพริบตานั้น ก็มีบางสิ่ง ‘ระเบิด’ ขึ้นตรงหน้าฉัน การระเบิดขนาดใหญ่…แต่…ฉันไม่เป็นไรเลยแฮะ?

 

“อา…ไม่น่าเชื่อว่าจะหยุดยั้ง {เอ็กซ์โพลด (ระเบิดเพลิง) } ของเราได้…!”

 

ฉันเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมฉันถึงไม่ถูกเป่าจนกระเด็นไป รอบตัวฉันมีกำแพงบางๆ หุ้มอยู่ นี่ต้องเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องฉันไว้แน่ๆ แต่…ใครกันล่ะ?

ฉันมองไปรอบตัว ก็เห็นแม่ถือคทาพร้อมอยู่

คุณแม่…แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่แม่ดูเจ็บปวดมากเลย…

 

“ลีน…หนีไป ลูก”

 

―――นั่นคือสิ่งที่คุณแม่บอกกับฉัน

 

“ไม่-ไม่เอานะ แม่ก็…”

“แม่เป็นฝ่ายสนับสนุน แม่ช่วยปกป้องลูกได้ แต่แม่เอาชนะเจ้านั่นไม่ได้หรอก ดังนั้น แม่จะอยู่ที่นี่ คอยถ่วงเวลาให้ลูกหนีไปเอง”

“เรื่องแบบนั้น…แม่คะ แม่รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรอยู่น่ะคะ!! เฮ้!!”

 

ไม่อยากเชื่อเลยว่า นี่ฉันจะต้องถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้านของตัวเอง แถมยังจะต้องเสียแม่ไปอีกงั้นเหรอ หัวใจฉันรับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ไหวแล้วนะ งั้น อย่างน้อย ฉันก็อยากตายไปพร้อมกับคุณแม่ของฉัน

 

…แต่ว่า

 

“แม่ขอร้องนะ ลีน ให้แม่ได้ปกป้องลูกด้วยเถอะ”

 

โถ่…ทำไม ทำไมแม่ต้องพูดคำนี้ออกมาล่ะ แค่คำๆ นั้น คำนั้นแค่คำเดียว มันทำให้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากวิ่งหนี

อย่างน้อย ถ้าฉันไม่มีความทรงจำจากชาติก่อน ฉันก็คงเลือกจะตายไปพร้อมกับแม่เหมือนที่เด็ก 5 ขวบทั่วๆ ไปคงจะทำกัน มันเป็นเพราะฉันเข้าใจ…เข้าใจถึง ‘การตัดสินใจ’ ของแม่

 

 

 

…ฉันวิ่งหนีมา ฉันหันหลังให้คุณแม่ของฉัน หันหลังให้หมู่บ้านของฉัน ออกวิ่งอย่างสุดชีวิต

 

“อาาา…! นี่เธอคิดว่าเราจะปล่อยเธอหนีไปอย่างนั้นเหรอ…! ช่างโง่เขลานัก! น่าเศร้าเสียจริง…!”

“ใครจะไปยอม! {ดิเมนชั่น ล็อก (ผนึกมิติ) } !”

 

ระหว่างที่ฉันได้ยินเสียงของแม่กับผู้ชายคนนั้น ฉันพยายามไม่ใส่ใจกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด หรือเลือดที่ไหลจากริมฝีปากจากที่ฉันกัดมันแรงเกินไป สิ่งที่ฉันที่ได้ในตอนนี้ มีแต่วิ่งต่อไปเท่านั้น…

 

TN: ฮือ… โศกนาฏกรรมมันเริ่มขึ้นแล้ว…