ตอนที่ 4 คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 4 คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด

ตอนที่ 4 คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด

“เจียเหอ รีบพาเซี่ยเซี่ยเข้ามาเร็วเข้า อย่าตากลมข้างนอกนาน”

เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นย่า เฉินเจียเหอก็กลับมามีสติ หันมองเธอ “ไปกันเถอะ คุณย่าเรียกเราแล้ว”

ภายในห้องโถง ผู้เฒ่าโจวผมขาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเตา กำลังสูบควันจากมอระกู่(1) ขณะที่คุณย่าโจวกำลังต้มโจ๊กลูกเดือยอยู่บนเตาถ่านอัดก้อน

เมื่อเห็นหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเดินเข้ามาพร้อมกัน สีหน้าเคร่งขรึมของผู้เฒ่าทั้งสองก็ผ่อนคลายลงทันที

หลินเซี่ยเรียกพวกเขาว่าคุณปู่และคุณย่าอย่างนอบน้อม

ผู้อาวุโสทั้งสองยินดีมาก รีบตอบกลับว่า “เฮ้ นั่งลงก่อน”

คุณย่าโจวกระวีกระวาดตักโจ๊กให้พวกเขาคนละชาม

“เซี่ยเซี่ย กินเร็วเข้า ร่างกายจะได้อบอุ่นจากโจ๊กชามนี้”

เมื่อมองเห็นว่าชามตรงหน้าใหญ่กว่าหัวของเธอเสียอีก หลินเซี่ยก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที

เฉินเจียเหอสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ จึงเทโจ๊กส่วนหนึ่งออกจากชามของเธอมาใส่ชามของตัวเอง แล้วส่งกลับให้เธอตามเดิม

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหลินเซี่ยจะยอมออกมานั่งกินข้าวร่วมกับพวกเขา โดยที่หู่จือก็ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร

ใบหน้าเหี่ยวย่นของทั้งผู้เฒ่าโจวและคุณย่าโจวจึงแสดงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“เซี่ยเซี่ย วันนี้ถึงวันที่เธอต้องกลับไปเยี่ยมครอบครัวเดิมแล้ว หลังกินเสร็จก็รีบกลับบ้านแต่เช้าเถอะ แม่เธอต้องตั้งตารออยู่แน่ ๆ”

ว่าแล้วผู้เฒ่าโจวก็หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา “อย่าลืมหอบนมมอลต์สองห่อนี้ไปให้หล่อนด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณย่าโจว สีหน้าของหลินเซี่ยก็เกิดความซับซ้อน

ร่างผอมบางของหญิงวัยกลางคนคนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ

ชาติที่แล้ว เธอถูกเสิ่นอวี้อิ๋งล่อลวงและหลอกใช้หลังจากที่เธอหย่ากับเฉินเจียเหอแล้วกลับมาใช้ชีวิตในเมืองอีกครั้ง จนเธอกลายเป็นผู้ติดตามของเสิ่นอวี้อิ๋ง เมื่ออยู่ภายใต้การล้างสมองของเสิ่นอวี้อิ๋ง เธอจำแม่แท้ ๆ ของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลังจากนั้น แม่ของเธอก็ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเธอไว้

พอได้เกิดใหม่ครั้งนี้ เธอจึงอยากพบหน้าแม่ตัวเองเหลือเกิน

หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินเจียเหอถือกล่องของขวัญไว้ และแล้วทั้งสองก็เดินออกจากประตูไปด้วยกัน

บ้านตระกูลหลินอยู่ทางทิศตะวันตกสุดปลายของหมู่บ้าน ส่วนบ้านคุณย่าของเฉินเจียเหออยู่ทางตะวันออกปลายสุดของหมู่บ้านอีกฟากหนึ่ง ถ้าจะไปที่บ้านตระกูลหลินก็ต้องผ่านหมู่บ้านทั้งหมด

ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกจากประตูไม้ได้ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สวมเสื้อผ้าสกปรก น้ำลายไหลยืด หน้าตาโง่งม ก็กระโดดออกมาขวางหน้าพวกเขา

เขามองไปที่หลินเซี่ย จากนั้นก็ยิ้มกว้าง “ต้าเหอ ภรรยาใหม่ของนายสวยมาก”

“หวานเหลือเกิน รอยยิ้มเธอหวานเหลือเกิน*…” เอ้อร์เลิ่งเริ่มร้องเพลงชมเชยหลินเซี่ย

(*อ่านเป็นทำนองเพลงเถียนมี่มี่)

หลินเซี่ยตกตะลึงกับผู้ชายแปลกหน้าที่กระโดดออกมาอย่างกะทันหัน

เฉินเจียเหอรีบดันเธอให้ไปอยู่ข้างหลัง อธิบายว่า “อย่ากลัวเลย นี่เพื่อนผมเอง เสี่ยวเอ้อร์เลิ่ง”

เอ้อร์เลิ่งมองไปที่เฉินเจียเหอ จากนั้นก็หัวเราะ เหยียดนิ้วมือที่เล็บดำสกปรกออกมาตรงหน้า “ต้าเหอ นายยังมีลูกอมงานแต่งอยู่ไหม? ฉันอยากกิน”

เฉินเจียเหอคลำไปตามกระเป๋าเสื้อคลุมผ้าฝ้าย แล้วหยิบลูกอมสองเม็ดออกมา “นี่”

เอ้อร์เลิ่งรับมันมาด้วยสีหน้ามีความสุข แกะออกหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก “หวานจัง”

เฉินเจียเหอกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำให้หลินเซี่ยตกใจ จึงไล่เขาออกไป “เอ้อร์เลิ่ง นายกลับบ้านไปก่อน ถ้าฉันกลับมาแล้วเดี๋ยวจะช่วยตัดผมให้”

“ได้ ฉันจะรอนายนะ”

พูดจบเอ้อร์เลิ่งก็ร้องเพลงอย่างมีความสุขและวิ่งหนีไป

“เขาเป็นเพื่อนคุณจริง ๆ เหรอ?” แม้ว่าชาติก่อนหลินเซี่ยจะเคยได้ยินชื่อของเอ้อร์เลิ่งมาบ้างในฐานะภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้าบ้าน แต่เธอก็ยังมองเฉินเจียเหอด้วยท่าทางงุนงง

เมื่อมองตามแผ่นหลังของเอ้อร์เลิ่งไป เฉินเจียเหอก็ถอนหายใจ แล้วอธิบายให้หลินเซี่ยเข้าใจ

“ชื่อเดิมของเขาคือเฉินจ่านเผิง เขาเป็นเพื่อนเล่นของผมตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แต่เพราะในปีนั้นเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความล้มเหลวทางอารมณ์ ก็เลยเป็นแบบนั้น แต่เขาไม่เคยทำร้ายใคร เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัวนะ”

เมื่อได้ยินสาเหตุของอาการป่วยทางจิตของเขาจากเฉินเจียเหอ หลินเซี่ยก็มองเขาด้วยสายตาชื่นชม

ในชาติที่แล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็เอาแต่ระวังตัวและไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปอยู่ร่วมห้องหอ ตอนนั้นเฉินเจียเหอเพียงแสดงสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่เคยใช้กำลังบังคับเธอหรือล้ำเส้น พยายามไม่พูดกับเธอเกินความจำเป็น แต่ยังคอยเติมถ่านอุ่นเตียงและเสิร์ฟอาหารให้เธอเสมอ

จะว่าไป เมื่อก่อนดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยตั้งแต่แต่งงานกัน

หลินเซี่ยรู้สึกสงสารมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอ้อร์เลิ่ง เพราะความหวังเดียวสำหรับเด็กในชนบทที่จะออกไปจากพื้นที่บนภูเขาห่างไกลแห่งนี้ก็คือการสอบเข้าวิทยาลัย ในยุคนั้นมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงเมื่อสอบเข้าไม่ได้

เอ้อร์เลิ่งอาจจะโชคร้าย แต่เขาโชคดีที่มีเพื่อนผู้แสนดีอย่างเฉินเจียเหอ

เธอเคยได้ยินว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งเสียชีวิตไป เฉินเจียเหอก็รับช่วงดูแลเอ้อร์เลิ่งต่อจากพวกเขา

เธอมองดูสามีคนนี้ด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาดูสง่างามกว่าทุกครั้ง เขาปฏิบัติต่อผู้คนรอบข้างด้วยความรักและความชอบธรรมเสมอ

เมื่อเฉินเจียเหอหันกลับมาสบตากับหญิงสาว หัวใจของเขาก็เต้นรัว

หล่อนกำลังมองเขาด้วยสายตาแสดงความชื่นชมอยู่หรือเปล่านะ?

เขารู้สึกตาลายไปชั่วขณะ

“ไปกันเถอะ”

“อืม” หลินเซี่ยเรียกสติกลับคืนมาอยู่กับตัว เดินตามเฉินเจียเหอไปที่บ้านตระกูลหลินซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกปลายสุดของหมู่บ้าน

สภาพหมู่บ้านในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยต้นไม้ข้างทางที่รกร้างว่างเปล่า แห้งแล้งจนอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้

เฉินเจียเหอเดินโดยก้าวขายาว ๆ เป็นนิสัย แต่เมื่อเขาตระหนักว่าหญิงสาวที่ช่วงขาสั้นกว่ากำลังเดินตามหลัง เขาจึงลดความเร็วลงอีกครั้ง

เมื่อพวกเขาเดินไปถึงกลางหมู่บ้าน เสียงหมูร้องโหยหวนเสียดแทงโสตประสาทก็ดังขึ้น

หลินเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยิน

เฉินเจียเหอชะลอฝีเท้าลงพลางขมวดคิ้ว

ไม่คาดคิดเลยว่าจะบังเอิญเจอกับพวกคนขายเนื้อเข้า

ใกล้วันปีใหม่เข้ามาทุกที คนในหมู่บ้านที่เลี้ยงหมูไว้ต่างก็ลงมือเชือดหมูเพื่อนำไปทำอาหารฉลองวันขึ้นปีใหม่

เหล่าหวังหัวโล้นพ่อค้าขายเนื้อหมูของหมู่บ้านกำลังเชือดหมูอยู่พอดี

ชายกลุ่มหนึ่งช่วยกันหามหมูตัวโตไปรวมไว้รอบถังไม้ขนาดใหญ่ ใครคนหนึ่งกำลังเทน้ำเดือดลงในหม้อ เตรียมใช้สำหรับลวกหมู

หวังต้าจ้วง ลูกชายของเหล่าหวังสวมหมวกมีปีกหน้า ปลายแขนเสื้อของเขาทั้งสกปรกและเปื้อนคราบเป็นมันเงา กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยงานผู้เป็นพ่อ

ทันใดนั้น ก็มีคนเห็นชายหนุ่มรูปหล่อและหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินถือกล่องนมมอลต์เดินผ่านมาทางนี้

เพื่อน ๆ ของหวังต้าจ้วงโห่ร้องทันที “ต้าจ้วง นั่นเมียนายไม่ใช่เหรอ?”

หวังต้าจวงกำลังจะสับมีดในมือลงไป พอเขาได้ยินเสียงแซวจากเพื่อนก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนถนน

เมื่อเห็นชายหญิงสองคนกำลังเดินมาทางนี้ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาพลันกระตุกทันที สายตาเคียดแค้นเหมือนจะฆ่าเฉินเจียเหอให้ได้

ชายหนุ่มกลัดมันคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังต้าจ้วง พอเห็นสีหน้าของลูกพี่ ก็ออกไปช่วยจัดการแทนเขาทันที

คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด

เนื่องจากความยากจนและความห่างไกล สาว ๆ ในหมู่บ้านใกล้เคียงจึงไม่มีใครเลยที่เต็มใจแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในหมู่บ้านของพวกเขา ดังนั้นคนหนุ่มในหมู่บ้านนี้เกือบทั้งหมดจึงเป็นโสด ยกเว้นคนที่ฐานะครอบครัวค่อนข้างดี

เมื่อก่อน ‘หลินเซี่ย’ มักจะทำตัวหยิ่งผยองราวกับดอกผีเสื้อ เธอถือว่าตัวเองจบชั้นมัธยมปลายจากตัวอำเภอ จึงไม่แม้แต่จะชายตามองชายหนุ่มในหมู่บ้านของตัวเองด้วยซ้ำ

ช่วงแรก ๆ ที่เธอถูกส่งกลับมาที่หมู่บ้าน หนุ่ม ๆ ทั้งหลายในหมู่บ้านแทบไม่มีความหวังใด ๆ เพราะเธอเติบโตในเมืองมาตั้งแต่เด็ก

ไม่คาดคิดว่าทันทีที่ผู้หญิงคนนี้กลับมา หญิงชราตระกูลหลินจะป่าวประกาศสารพัดวิธีไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อที่จะหาสามีให้หลานสาวตัวเอง

ทันใดนั้นวิญญาณหนุ่ม ๆ ทั้งหลายในหมู่บ้านก็แทบลุกติดไฟ

พวกเขาตะเกียกตะกายหาแม่สื่อ แห่กันไปที่ตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงาน

ในที่สุด หวังต้าจ้วง ลูกชายพ่อค้าเนื้อที่มีฐานะร่ำรวยและมีความสามารถ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิน ก็ประสบความสำเร็จในการ ‘เสนอราคา’ ครั้งนี้

ขณะที่ตระกูลหวังกำลังจะหอบสินสอดทองหมั้นไปหมั้นหมาย ใครจะไปคิดว่าเฉินเจียเหอซึ่งเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่หมู่บ้าน จะโผล่มาเป็นคู่แข่งกลางทาง

ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเสนออะไรกับตระกูลหลิน แต่ข้อเสนอของเขาทำให้หญิงชราตระกูลหลินถึงกับยอมทิ้งเนื้อติดมันอย่างหวังต้าจ้วงอย่างไม่ไยดี แล้วเลือกเฉินเจียเหอแทน

………………………………………………………………………………………………………………………..

(1) มอระกู่ เป็นอุปกรณ์สูบยาชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นขวดทรงสูงหรือหม้อมีขาหยั่ง ด้านบนมีถ้วยสำหรับใส่ยาสูบที่มีฝาปิด และมีท่อต่อจากถ้วยลงมาถึงก้นขวดที่มีน้ำหล่ออยู่ เมื่อดูดท่อจะทำให้ควันผ่านน้ำขึ้นมา ภาษาไทยเรียกเพี้ยนเป็น บารากู่

สารจากผู้แปล

เจอคู่กรณีเก่าเสียแล้ว จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ยังไงนะ

ไหหม่า(海馬)