ตอนที่ 4 คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด
ตอนที่ 4 คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด
“เจียเหอ รีบพาเซี่ยเซี่ยเข้ามาเร็วเข้า อย่าตากลมข้างนอกนาน”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นย่า เฉินเจียเหอก็กลับมามีสติ หันมองเธอ “ไปกันเถอะ คุณย่าเรียกเราแล้ว”
ภายในห้องโถง ผู้เฒ่าโจวผมขาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเตา กำลังสูบควันจากมอระกู่(1) ขณะที่คุณย่าโจวกำลังต้มโจ๊กลูกเดือยอยู่บนเตาถ่านอัดก้อน
เมื่อเห็นหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเดินเข้ามาพร้อมกัน สีหน้าเคร่งขรึมของผู้เฒ่าทั้งสองก็ผ่อนคลายลงทันที
หลินเซี่ยเรียกพวกเขาว่าคุณปู่และคุณย่าอย่างนอบน้อม
ผู้อาวุโสทั้งสองยินดีมาก รีบตอบกลับว่า “เฮ้ นั่งลงก่อน”
คุณย่าโจวกระวีกระวาดตักโจ๊กให้พวกเขาคนละชาม
“เซี่ยเซี่ย กินเร็วเข้า ร่างกายจะได้อบอุ่นจากโจ๊กชามนี้”
เมื่อมองเห็นว่าชามตรงหน้าใหญ่กว่าหัวของเธอเสียอีก หลินเซี่ยก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที
เฉินเจียเหอสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ จึงเทโจ๊กส่วนหนึ่งออกจากชามของเธอมาใส่ชามของตัวเอง แล้วส่งกลับให้เธอตามเดิม
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหลินเซี่ยจะยอมออกมานั่งกินข้าวร่วมกับพวกเขา โดยที่หู่จือก็ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร
ใบหน้าเหี่ยวย่นของทั้งผู้เฒ่าโจวและคุณย่าโจวจึงแสดงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“เซี่ยเซี่ย วันนี้ถึงวันที่เธอต้องกลับไปเยี่ยมครอบครัวเดิมแล้ว หลังกินเสร็จก็รีบกลับบ้านแต่เช้าเถอะ แม่เธอต้องตั้งตารออยู่แน่ ๆ”
ว่าแล้วผู้เฒ่าโจวก็หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา “อย่าลืมหอบนมมอลต์สองห่อนี้ไปให้หล่อนด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณย่าโจว สีหน้าของหลินเซี่ยก็เกิดความซับซ้อน
ร่างผอมบางของหญิงวัยกลางคนคนนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ
ชาติที่แล้ว เธอถูกเสิ่นอวี้อิ๋งล่อลวงและหลอกใช้หลังจากที่เธอหย่ากับเฉินเจียเหอแล้วกลับมาใช้ชีวิตในเมืองอีกครั้ง จนเธอกลายเป็นผู้ติดตามของเสิ่นอวี้อิ๋ง เมื่ออยู่ภายใต้การล้างสมองของเสิ่นอวี้อิ๋ง เธอจำแม่แท้ ๆ ของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น แม่ของเธอก็ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเธอไว้
พอได้เกิดใหม่ครั้งนี้ เธอจึงอยากพบหน้าแม่ตัวเองเหลือเกิน
หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินเจียเหอถือกล่องของขวัญไว้ และแล้วทั้งสองก็เดินออกจากประตูไปด้วยกัน
บ้านตระกูลหลินอยู่ทางทิศตะวันตกสุดปลายของหมู่บ้าน ส่วนบ้านคุณย่าของเฉินเจียเหออยู่ทางตะวันออกปลายสุดของหมู่บ้านอีกฟากหนึ่ง ถ้าจะไปที่บ้านตระกูลหลินก็ต้องผ่านหมู่บ้านทั้งหมด
ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกจากประตูไม้ได้ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สวมเสื้อผ้าสกปรก น้ำลายไหลยืด หน้าตาโง่งม ก็กระโดดออกมาขวางหน้าพวกเขา
เขามองไปที่หลินเซี่ย จากนั้นก็ยิ้มกว้าง “ต้าเหอ ภรรยาใหม่ของนายสวยมาก”
“หวานเหลือเกิน รอยยิ้มเธอหวานเหลือเกิน*…” เอ้อร์เลิ่งเริ่มร้องเพลงชมเชยหลินเซี่ย
(*อ่านเป็นทำนองเพลงเถียนมี่มี่)
หลินเซี่ยตกตะลึงกับผู้ชายแปลกหน้าที่กระโดดออกมาอย่างกะทันหัน
เฉินเจียเหอรีบดันเธอให้ไปอยู่ข้างหลัง อธิบายว่า “อย่ากลัวเลย นี่เพื่อนผมเอง เสี่ยวเอ้อร์เลิ่ง”
เอ้อร์เลิ่งมองไปที่เฉินเจียเหอ จากนั้นก็หัวเราะ เหยียดนิ้วมือที่เล็บดำสกปรกออกมาตรงหน้า “ต้าเหอ นายยังมีลูกอมงานแต่งอยู่ไหม? ฉันอยากกิน”
เฉินเจียเหอคลำไปตามกระเป๋าเสื้อคลุมผ้าฝ้าย แล้วหยิบลูกอมสองเม็ดออกมา “นี่”
เอ้อร์เลิ่งรับมันมาด้วยสีหน้ามีความสุข แกะออกหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก “หวานจัง”
เฉินเจียเหอกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำให้หลินเซี่ยตกใจ จึงไล่เขาออกไป “เอ้อร์เลิ่ง นายกลับบ้านไปก่อน ถ้าฉันกลับมาแล้วเดี๋ยวจะช่วยตัดผมให้”
“ได้ ฉันจะรอนายนะ”
พูดจบเอ้อร์เลิ่งก็ร้องเพลงอย่างมีความสุขและวิ่งหนีไป
“เขาเป็นเพื่อนคุณจริง ๆ เหรอ?” แม้ว่าชาติก่อนหลินเซี่ยจะเคยได้ยินชื่อของเอ้อร์เลิ่งมาบ้างในฐานะภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้าบ้าน แต่เธอก็ยังมองเฉินเจียเหอด้วยท่าทางงุนงง
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเอ้อร์เลิ่งไป เฉินเจียเหอก็ถอนหายใจ แล้วอธิบายให้หลินเซี่ยเข้าใจ
“ชื่อเดิมของเขาคือเฉินจ่านเผิง เขาเป็นเพื่อนเล่นของผมตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แต่เพราะในปีนั้นเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความล้มเหลวทางอารมณ์ ก็เลยเป็นแบบนั้น แต่เขาไม่เคยทำร้ายใคร เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัวนะ”
เมื่อได้ยินสาเหตุของอาการป่วยทางจิตของเขาจากเฉินเจียเหอ หลินเซี่ยก็มองเขาด้วยสายตาชื่นชม
ในชาติที่แล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็เอาแต่ระวังตัวและไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปอยู่ร่วมห้องหอ ตอนนั้นเฉินเจียเหอเพียงแสดงสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่เคยใช้กำลังบังคับเธอหรือล้ำเส้น พยายามไม่พูดกับเธอเกินความจำเป็น แต่ยังคอยเติมถ่านอุ่นเตียงและเสิร์ฟอาหารให้เธอเสมอ
จะว่าไป เมื่อก่อนดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยตั้งแต่แต่งงานกัน
หลินเซี่ยรู้สึกสงสารมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอ้อร์เลิ่ง เพราะความหวังเดียวสำหรับเด็กในชนบทที่จะออกไปจากพื้นที่บนภูเขาห่างไกลแห่งนี้ก็คือการสอบเข้าวิทยาลัย ในยุคนั้นมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงเมื่อสอบเข้าไม่ได้
เอ้อร์เลิ่งอาจจะโชคร้าย แต่เขาโชคดีที่มีเพื่อนผู้แสนดีอย่างเฉินเจียเหอ
เธอเคยได้ยินว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งเสียชีวิตไป เฉินเจียเหอก็รับช่วงดูแลเอ้อร์เลิ่งต่อจากพวกเขา
เธอมองดูสามีคนนี้ด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาดูสง่างามกว่าทุกครั้ง เขาปฏิบัติต่อผู้คนรอบข้างด้วยความรักและความชอบธรรมเสมอ
เมื่อเฉินเจียเหอหันกลับมาสบตากับหญิงสาว หัวใจของเขาก็เต้นรัว
หล่อนกำลังมองเขาด้วยสายตาแสดงความชื่นชมอยู่หรือเปล่านะ?
เขารู้สึกตาลายไปชั่วขณะ
“ไปกันเถอะ”
“อืม” หลินเซี่ยเรียกสติกลับคืนมาอยู่กับตัว เดินตามเฉินเจียเหอไปที่บ้านตระกูลหลินซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกปลายสุดของหมู่บ้าน
สภาพหมู่บ้านในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยต้นไม้ข้างทางที่รกร้างว่างเปล่า แห้งแล้งจนอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้
เฉินเจียเหอเดินโดยก้าวขายาว ๆ เป็นนิสัย แต่เมื่อเขาตระหนักว่าหญิงสาวที่ช่วงขาสั้นกว่ากำลังเดินตามหลัง เขาจึงลดความเร็วลงอีกครั้ง
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงกลางหมู่บ้าน เสียงหมูร้องโหยหวนเสียดแทงโสตประสาทก็ดังขึ้น
หลินเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยิน
เฉินเจียเหอชะลอฝีเท้าลงพลางขมวดคิ้ว
ไม่คาดคิดเลยว่าจะบังเอิญเจอกับพวกคนขายเนื้อเข้า
ใกล้วันปีใหม่เข้ามาทุกที คนในหมู่บ้านที่เลี้ยงหมูไว้ต่างก็ลงมือเชือดหมูเพื่อนำไปทำอาหารฉลองวันขึ้นปีใหม่
เหล่าหวังหัวโล้นพ่อค้าขายเนื้อหมูของหมู่บ้านกำลังเชือดหมูอยู่พอดี
ชายกลุ่มหนึ่งช่วยกันหามหมูตัวโตไปรวมไว้รอบถังไม้ขนาดใหญ่ ใครคนหนึ่งกำลังเทน้ำเดือดลงในหม้อ เตรียมใช้สำหรับลวกหมู
หวังต้าจ้วง ลูกชายของเหล่าหวังสวมหมวกมีปีกหน้า ปลายแขนเสื้อของเขาทั้งสกปรกและเปื้อนคราบเป็นมันเงา กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยงานผู้เป็นพ่อ
ทันใดนั้น ก็มีคนเห็นชายหนุ่มรูปหล่อและหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินถือกล่องนมมอลต์เดินผ่านมาทางนี้
เพื่อน ๆ ของหวังต้าจ้วงโห่ร้องทันที “ต้าจ้วง นั่นเมียนายไม่ใช่เหรอ?”
หวังต้าจวงกำลังจะสับมีดในมือลงไป พอเขาได้ยินเสียงแซวจากเพื่อนก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนถนน
เมื่อเห็นชายหญิงสองคนกำลังเดินมาทางนี้ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาพลันกระตุกทันที สายตาเคียดแค้นเหมือนจะฆ่าเฉินเจียเหอให้ได้
ชายหนุ่มกลัดมันคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังต้าจ้วง พอเห็นสีหน้าของลูกพี่ ก็ออกไปช่วยจัดการแทนเขาทันที
คู่แค้นพบหน้า ชักดาบเข้าประชิด
เนื่องจากความยากจนและความห่างไกล สาว ๆ ในหมู่บ้านใกล้เคียงจึงไม่มีใครเลยที่เต็มใจแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ในหมู่บ้านของพวกเขา ดังนั้นคนหนุ่มในหมู่บ้านนี้เกือบทั้งหมดจึงเป็นโสด ยกเว้นคนที่ฐานะครอบครัวค่อนข้างดี
เมื่อก่อน ‘หลินเซี่ย’ มักจะทำตัวหยิ่งผยองราวกับดอกผีเสื้อ เธอถือว่าตัวเองจบชั้นมัธยมปลายจากตัวอำเภอ จึงไม่แม้แต่จะชายตามองชายหนุ่มในหมู่บ้านของตัวเองด้วยซ้ำ
ช่วงแรก ๆ ที่เธอถูกส่งกลับมาที่หมู่บ้าน หนุ่ม ๆ ทั้งหลายในหมู่บ้านแทบไม่มีความหวังใด ๆ เพราะเธอเติบโตในเมืองมาตั้งแต่เด็ก
ไม่คาดคิดว่าทันทีที่ผู้หญิงคนนี้กลับมา หญิงชราตระกูลหลินจะป่าวประกาศสารพัดวิธีไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อที่จะหาสามีให้หลานสาวตัวเอง
ทันใดนั้นวิญญาณหนุ่ม ๆ ทั้งหลายในหมู่บ้านก็แทบลุกติดไฟ
พวกเขาตะเกียกตะกายหาแม่สื่อ แห่กันไปที่ตระกูลหลินเพื่อขอแต่งงาน
ในที่สุด หวังต้าจ้วง ลูกชายพ่อค้าเนื้อที่มีฐานะร่ำรวยและมีความสามารถ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิน ก็ประสบความสำเร็จในการ ‘เสนอราคา’ ครั้งนี้
ขณะที่ตระกูลหวังกำลังจะหอบสินสอดทองหมั้นไปหมั้นหมาย ใครจะไปคิดว่าเฉินเจียเหอซึ่งเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่หมู่บ้าน จะโผล่มาเป็นคู่แข่งกลางทาง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปเสนออะไรกับตระกูลหลิน แต่ข้อเสนอของเขาทำให้หญิงชราตระกูลหลินถึงกับยอมทิ้งเนื้อติดมันอย่างหวังต้าจ้วงอย่างไม่ไยดี แล้วเลือกเฉินเจียเหอแทน
………………………………………………………………………………………………………………………..
(1) มอระกู่ เป็นอุปกรณ์สูบยาชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นขวดทรงสูงหรือหม้อมีขาหยั่ง ด้านบนมีถ้วยสำหรับใส่ยาสูบที่มีฝาปิด และมีท่อต่อจากถ้วยลงมาถึงก้นขวดที่มีน้ำหล่ออยู่ เมื่อดูดท่อจะทำให้ควันผ่านน้ำขึ้นมา ภาษาไทยเรียกเพี้ยนเป็น บารากู่
สารจากผู้แปล
เจอคู่กรณีเก่าเสียแล้ว จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ยังไงนะ
ไหหม่า(海馬)