บทที่ 4 ผนึกหมื่นล้านปี
เทพมังกรนั้นมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากมังกรทุกตนบนโลก.. แน่นอนว่ารวมถึงทุกสิ่งมีชีวิตด้วยเช่นเดียวกัน
อัตลักษณ์นี้ถูกเรียกว่า ‘นิรันดร์’ เป็นอัตลักษณ์ที่ไม่อาจจะถูกฆ่าได้ ใช่ ถ้าไม่ใช่มังกรปีศาจก็ไม่มีใครทำร้ายมังกรเทพได้นั่นเอง
แต่ทว่าเรื่องนี้สูญหายไปกับกาลเวลาจนผู้คนนั้นไม่มีคนทราบถึง และแน่นอนว่าเมื่อดาบที่มีไว้ตัดทุกสิ่งอย่างกับความอมตะที่กันได้ทุกสิ่งอย่างปะทะกัน
ที่เหลือก็มีแค่พลังอันไหนเหนือกว่ากัน.. ซึ่งคำตอบมันก็แน่อยู่แล้วว่าต้องมีอัตลักษณ์ของมังกรเทพที่ไร้เทียมทาน
ส่งผลให้พลังสะท้อนกลับไปที่ดาบจนแตกกระจุยกระจายนั่นเอง ทั้งที่ในความจริงแล้วการทำลายดาบนั้นแทบจะเป็นไม่ได้เลย
เพราะการผสมผสานจิตวิญญาณแห่งเผ่าทั้งสี่ที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ดาบเองก็ไม่มีทางแตกแน่ๆ ไม่งั้นพวกนั้นคงไม่กล้าฝากสิ่งนี้ไว้กับคนอื่นอย่างแน่นอน
แต่ก็นั่นแหละ.. สุดท้ายแล้วเมื่อเจอพลังที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น ต่อให้เป็นดาบที่ทรงพลังที่สุดในโลกก็ไม่มีใครต้านทานได้ก็พังทลายลง
ด้วยไหวพริบเฮือกสุดท้ายของผู้กล้าเอริเนีย.. เธอใช้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณแห่งเผ่า ที่รวมความนึกคิดทั้งหมดของผู้คนที่ระเบิดกระจายออกควบแน่นเข้า
จนกลายเป็นผลึกแห่งความคิด ไม่ใช่วัตถุที่จับต้องหรือสัมผัสได้โดยตรง เพราะทุกอย่างนั้นเกิดจากความนึกคิดของสิ่งมีชีวิตบนทวีปเลเรียทั้งหมด
โดยอาศัยพลังชีวิตของเธอสอดประสานความคิดของคนมากมายหลายหมื่นล้านคนเข้าด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะเธอคือสายเลือดของจักรวรรดิชั่วนั่นก็ได้เลยทำแบบนี้ทั้งที่คนอื่นไม่น่าจะทำได้
ดังนั้นคุกขังแห่งความเกลียดชังจึงบังเกิดขึ้นและกักขังเทพมังกรเอาไว้ แน่นอนมันไม่จบเพียงแค่นั้น อย่างที่บอกว่าคุกขังนี่มันคือคุกขังแห่งความนึกคิด
ความนึกคิดที่เป็นรูปธรรมกลายเป็นผลึกจึงเกิดเป็นความจริงที่สามารถแทรกซ้อนเช้าสู่ความเป็นจริงอีกแบบหนึ่ง
บางทีเรื่องนี้เอริเนียก็ไม่รู้เหมือนกัน.. เพราะความคิดหากมันมีผลกระทบต่อความจริงได้โดยตรง… มันจะรุนแรงยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก!
ทุกคนนั้นเวลาทำอะไรบางอย่างมักมีความคิดบางอย่างอยู่ภายใต้การกระทำเสมอ จะดีหรือร้ายไม่มีใครทราบนอกจากเจ้าตัว
กล่าวคือคุณไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แท้จริงแล้วมีคมมีดซ่อนอยู่ในกระแสความคิดหรือเปล่า
และสิ่งเหล่านั้นจากคนนับหมื่นล้านคนที่มีต่อมังกร.. กำลังปรากฏขึ้นและแทรกซ้อนเข้าสู่ความจริงแท้จึงแทรกแซงและกัดเซาะร่างกายของเทพมังกรอย่างเงียบงัน
แน่นอนสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความเจ็บปวดอย่างลึกล้ำ ทว่ายังดีที่เทพมังกรนั้นถูกผนึกทุกสิ่งอย่างแม้แต่ความคิด กล่าวคือความเจ็บปวดเหล่านี้เธอไม่สามารถรับรู้ถึงได้นั่นเอง
สิ่งมีชีวิตทั้งสี่เผ่าไม่ได้สูญพันธุ์ทันที.. เพราะพวกเขานับจากนี้แค่สืบทอดสายเลือดไม่ได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทมังกรเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันน่ากลัวเกินไป แค่เลือดมังกรเพียงหยดเดียวก็สามารถเป็นพิษที่ฆ่าคนได้.. ทว่านั่นมันก็แค่ช่วงแรก
เมื่อผู้คนสัมผัสว่าตนเองเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป และดาบมหาเผ่าพันธุ์ไม่กลับมาสักที ทุกคนจึงเริ่มออกตามหา
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้คนบนโลกเริ่มรู้ว่าไม่สามารถสืบสายเลือด สืบสกุลต่อไปได้อีกแล้ว จึงเริ่มเกิดภาวะวิตกกังวล
บุกเข้าปราสาทมังกรแม้แลกด้วยชีวิต แต่กลับไม่พบอะไร.. เพราะร่างกายของเทพมังกรล้วนถูกกลบฝังถล่มลงหมดแล้ว
พวกเขาทำได้เพียงรอความตายแบบเงียบๆ… แต่ด้วยความไม่ย่อท้อของสิ่งมีชีวิตพวกเขาจึงวางแผนอยากจะออกนอกทวีปเลเรียเพื่อไปหาสิ่งมีชีวิตแบบอื่น
แต่ทว่าพวกเขาก็ได้พบความจริงอันน่าสลดว่า.. นอกจากพวกเขาแล้วบนโลกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกแล้ว นอกเลเรียในอดีตก็มีเพียงมังกรเท่านั้น
ใช่ นี่เป็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต.. ทุกชีวิตบนโลกล้วนโดนกวาดล้างหายไปจนหมดในช่วงยุคนี้ ผู้คนเรียกมันว่ายุคสิ้นสุดปกรณัมแห่งนี้
ภายใต้กาลเวลาที่ไหลผ่าน คนบนโลกเหลือเพียงไม่กี่ล้าน สายตาพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นแสงท้องฟ้ายามราตรีมีแสงสว่างจ้าพุ่งมาจากท้องฟ้า
ทว่ามันหาใช่เทพจุติหรือพรจากสวรรค์.. เพราะมันคืออุกกาบาต!วินาทีที่มันพุ่งชนทวีปเลเรียทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกกวาดล้างหายไปจนหมดสิ้น
สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ตายจนหมดเกลี้ยง ดวงดาวดวงนี้.. ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป ไม่สิ.. เหลือเพียงแค่เทพมังกรที่ถูกผนึกและถูกกลบฝังอยู่ใต้ทะเลหรือใต้ดินลึก
เวลาผ่านไปโดยไม่มีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นราว 6 พันล้านปี.. เพราะการกำเนิดสิ่งมีชีวิตนั้นยากนิ่งกว่าอะไรมันคือปาฏิหาริย์ด้วยซ้ำในครั้งแรก
ไม่คิดว่าจะมีครั้งที่สอง.. แต่ 6 พันล้านปีหลังจากนั้นก็.. มีสิ่งมีชีวิตตนแรกที่เกิดจากคาร์บอนปรากฏขึ้นมาจริงๆ จากใต้ทะเลลึก
เกยตื้นขึ้นสู่แผ่นดิน.. วิวัฒนาการ วิวัฒนาการ.. ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า.. จนเกิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมายหลากหลาย ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปี
สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมังกรก็เกิดขึ้น มันทรงพลังและอยู่จุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง.. ใช่ เรากำลังพูดถึงไดโนเสาร์อยู่
ไดโนเสาร์กลายเป็นจุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง.. ทว่าหลังจากนั้น ถ้านับจากสิ่งมีชีวิตแรกที่เกิดขึ้นก็ประมาณ 3 พันปีต่อมา..
ได้เกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นอีกครั้ง ในภายหลังถูกเรียกว่าการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่.. และในระยะพันปีนี้เกิดขึ้นถึงห้าครั้งติดต่อกัน จึงเรียกว่าการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ทั้ง 5
ครั้งแรกเกิดขึ้นเนื่องจากการที่น้ำทะเลลดลงอย่าวกะทันหันเนื่องจากก่อตัวเป็นน้ำแข็งยักษ์ และเพิ่มกะทันหันจากการละลายของน้ำแข็งยักษ์
ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตในน้ำสูญพันธุ์ไปมากกว่าครึ่ง (เหตุการณ์สูญพันธุ์ยุคออร์โดวิเชียน-ไซลูเรียน )
ครั้งที่สองเกิดหลังจากครั้งแรกประมาณ 100 ล้านปี.. เรื่องนี้ ไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่การสูญพันธุ์ครั้งนี้นั้น
คร่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไปไม่ต่างจากครั้งก่อนมากนะ (การสูญพันธุ์ปลายยุคดีโวเนียน)
ครั้งที่สามเกิดขึ้นหลังจากครั้งที่สองประมาณ 100 ล้านปีเช่นเดียวกัน อุกกาบาตพุ่งชนโลกส่งผลให้ภูเขาไฟแตกออก
สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ทั้งบนบกและใต้น้ำต่างพากันตายตกไปมากเกินคณานับ (การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก)
แน่นอนว่า.. พูดมาถึงขนาดนี้แล้วการสูญพันธุ์ครั้งที่สี่อย่างเหตุการณ์สูญพันธุ์ยุคไทรแอสซิก-จูแรสซิกก็ต้องตามมา
และสุดท้าย.. หรือถ้าในอนาคตคงจะเป็นครั้งล่าสุดก็คือ เหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส-พาลิโอจีน ซึ่งเกิดขึ้นจากอุกกาบาตขนาดความกว้างหลายไมล์พุ่งชนหุบอุกกกาบาตซิกซูลูบขึ้น
ทำให้สิ่งมีชีวิตน้อยมากกว่า 70% ทั่วโลกถูกกว้างล้างไปซึ่งนับเป็น 3 ใน 4 สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกเลยก็ว่าได้..
แน่นอนว่าภัยพิบัติเหล่านี้สังหารไดโนเสาร์ไปจนหมดแล้ว และในประวัติศาสตร์นี้สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
เพราะถ้าจะให้เล่าทุกอย่างที่เกิดคงไม่จบไม่สิ้นเราจะกระโดดข้ามไปอีกทีตอนมนุษย์คนแรกถือกำเนิดหรือหลายร้อยล้านปีต่อมา
หรือประมาณสองแสนปีก่อนคริสต์ศักราชจนถึงห้าหมื่นปีก่อนคริสต์ศักราชหรือช่วงเริ่มต้นของยุคปลายหินเก่า
และประวัติศาสตร์ก็เป็นตามที่รู้จักกันตามหนังสือ..เข้าสู่ยุคหิน ยุคนั่นยุคนี่..เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วนับหมื่นปี
มนุษย์เริ่มวิวัฒนาการ.. อย่างไรก็ตามในโลกปัจจุบันตอนนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นสุดแสนแฟนตาซีอีกแล้ว เหลือเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
มนุษย์สร้างศักราชตนเองขึ้นมา สร้างระบบครอง วิวัฒนาการ….. จนกระทั่งสองพันปีต่อมานับมีคริสต์ศักราช..
ปี ค.ศ. 2025… มนุษย์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด.. โดยเชื่อในวิทยาศาสตร์ยิ่งกว่าอะไรไม่เชื่อว่าเวทมนตร์หรือปีศาจมีอยู่จริง
นั่นแน่นอนว่ารวมถึงมังกรเช่นเดียวกัน…
ทว่าบัดนี้.. ทะเลลึก.. ในช่องแคบใต้ทะเลลึกที่เป็นรอยแยกในนั้นมีผลึกสีรุ้งที่บอบบางอย่างยิ่ง.. ขนาดเล็กพอกับมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
และภายในนั้นยังมี.. มนุษย์คนหนึ่งหลับลึกไม่ได้สติอยู่ภายในนั้นแต่บัดนี้มันเกิดรอยร้าวขึ้นบนผลึก!