ตอนที่ 4 ยากจน

ตอนที่ 4 ยากจน

กู้เสี่ยวหวานอยากจะรีบตื่นขึ้นมา แต่ก็ต้องสิ้นหวังเพราะร่างกายของตนกลับแข็งทื่อ เปลือกตาหนักอึ้งดั่งภูเขา อยากจะขยับนิ้วเพื่อปิดปากคนพวกนี้ แต่มือกลับแข็งค้าง และไม่มีแรงจะทำอะไรได้เลย

“ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านพี่…” เสียงร้องของเด็กน้อยช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเกิดบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้จนเจ็บแปลบเล็กน้อยและต้องการปลอบโยนเด็กเหล่านั้นจากใจจริง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะทำเช่นนั้นได้

มีมือมากมายที่ผลักไปมา

ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็ลืมตาขึ้นพลางร้องไห้

สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีเข้มอันมืดมน กู้เสี่ยวหวานกะพริบตาเล็กน้อย สงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน?

เด็กน้อยตาแหลมเห็นดวงตาของกู้เสี่ยวหวานลืมขึ้น จึงรีบตะโกนอย่างมีความสุข “ท่านพี่ ท่านลืมตาแล้ว!”

เมื่อเด็กน้อยอีกสองคนได้ยิน ทั้งหมดก็พุ่งตัวเข้ามากอดร่างของกู้เสี่ยวหวานแนบแน่น แม้เด็กน้อยทั้งสามจะผ่ายผอมเพียงใด แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งไปพร้อม ๆ กัน กู้เสี่ยวหวานไอโขลกอย่างอ่อนแรง จากนั้นศีรษะของเด็กน้อยทั้งสามก็ปรากฏขึ้นเหนือสายตาของกู้เสี่ยวหวาน จ้องมองมาที่นางด้วยความตื่นเต้น

เด็กน้อยที่ดูราวตุ๊กตาทั้งสามนั้นสวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าสกปรก ทำให้กู้เสี่ยวหวานมองเห็นเพียงดวงตาสีดำกลมโตเปล่งประกายหกดวงเท่านั้น และเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้นมา ดวงตาทั้งหมดก็เปล่งประกายด้วยความปีติยินดี

“ท่านพี่ยังไม่ตาย ท่านพี่ข้ายังไม่ตาย พี่ชาย พี่ชายมาดู…” เด็กชายตัวโตตะโกนอย่างตื่นเต้นพร้อมปาดน้ำตา ดวงตาคู่งามกลายเป็นสีแดงและบวมเหมือนลูกท้อ แต่ถึงกระนั้นดวงตาของเด็กชายก็เบิกกว้างราวกับกลัวว่านางจะหายไป

เด็กหญิงอีกคนที่ดูเด็กเกินกว่าจะพูดชัดได้ตะโกนขึ้น “ท่านพี่ไม่ได้ทำ ท่านพี่ไม่ได้ทำ…” จากนั้นเด็กหญิงวัยสี่ขวบก็คลานไปมาและเขย่าแขนนางอย่างควบคุมไม่ได้

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงสายตาที่กดดันของเด็ก ๆ และอดไม่ได้ที่จะกลอกตา ต่อให้นางจะไม่ตาย แต่ตอนนี้คงถูกเด็ก ๆ เหล่านี้ทับจนตายแทน

หลังจากที่เด็กสองคนลุกขึ้นจากร่างของกู้เสี่ยวหวาน ในที่สุดนางก็มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชัดเจน

ไม้ คานไม้ บานหน้าต่างบุกระดาษที่ขณะนี้ถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุม

กู้เสี่ยวหวานมองทุกอย่างตรงหน้านางด้วยความไม่อยากเชื่อ แรงระเบิดในห้องทดลองส่งนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? บ้านหลังนี้อยู่ที่ไหน นี่มันค่ายผู้ลี้ภัยชัด ๆ

ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานไร้เรี่ยวแรง อาการปวดหัวทวีความรุนแรงมากขึ้น ปากและลำคอก็ร้อนจนเหมือนจะติดไฟทั้งยังแห้งผาก นางต้องการส่งเสียง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

ที่นี่ที่ไหน?

แล้วพ่อแม่ของนางล่ะ? ห้องทดลองเกิดการระเบิด นางไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลหรอกเหรอ? ที่นี่ที่ไหน?

ใช่ไหม…

กู้เสี่ยวหวานเองก็ชอบอ่านนิยายออนไลน์เช่นกัน ซึ่งเรื่องยอดนิยมนั้นมีชื่อว่า…

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานก็เบิกกว้างขึ้น และลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เข้ามาในหัวของนาง

พระเจ้า มันต้องไม่ใช่ความจริงสิ!

พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับฉัน!

“สาวน้อย เร็วเข้า ดื่มน้ำอุ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเสีย” เสียงอันอ่อนโยนดังก้องอยู่ในหูของนาง จากนั้นก็มีแขนอันแข็งแรงค่อย ๆ พยุงร่างกายของนางให้ลุกขึ้นนั่ง

กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ หันไปมองผู้หญิงที่กำลังพูด

นางเป็นหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี สวมเสื้อลายดอกเก่า ๆ สีน้ำเงินเข้ม คาดผ้ารัดเอวสีเดียวกันไว้รอบเอว กระโปรงผ้าย่นสีดำยู่ยี่ มวยผมเรียบง่ายถูกเกล้าขึ้นที่ด้านหลังศีรษะ ปักปิ่นไม้ในแนวทแยงเพื่อยึดผมให้เข้าที่

นางให้ความรู้สึกของหญิงสาวชาวนาทั่วไป ผิวของนางดูคล้ำเล็กน้อย ยิ่งทำงานในทุ่งนาก็ยิ่งทำให้ผิวหมองคล้ำมากขึ้น ฝ่ามือใหญ่และด้านหยาบเป็นผลมาจากการซักผ้าและใช้แรงงาน

“ท่านป้าจาง ท่านพี่ตื่นแล้ว พี่จะสบายดีใช่ไหม?” เด็กน้อยคนหนึ่งถามผู้หญิงคนนั้นด้วยความเป็นห่วง

หลังจากที่หญิงวัยกลางคนป้อนน้ำเสร็จแล้ว นางก็ค่อย ๆ พยุงกู้เสี่ยวหวานให้นอนลง จากนั้นแตะหน้าผากของกู้เสี่ยวหวานด้วยฝ่ามือกว้าง ๆ ของตน เมื่อเห็นว่าไม่ร้อนแล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก พี่สาวของเจ้าสบายดี ไข้ก็หายแล้ว ตัวไม่ร้อนแล้วล่ะ”

เมื่อเด็กน้อยทั้งสามได้ยินท่านป้าจางพูดแบบนี้ พวกเขาก็กระโดดไปมาอย่างมีความสุขอีกครั้ง แล้วเข้าไปใกล้หน้ากู้เสี่ยวหว่าน “ท่านพี่…”

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็เห็นได้ชัดเจนว่าเด็กผู้ชายสองคนมีส่วนสูงที่ใกล้เคียงกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอายุหกหรือเจ็ดขวบ มีเส้นผมแห้งกรอบร่างกายผอมแห้ง ทั้งคิ้วและดวงตาก็ดูเล็กบอบบางมาก ยังมีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสามหรือสี่ขวบที่มีผมแห้งกรอบและร่างกายผอมแห้งด้วยเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานมองซ้ายทีขวาที นอกจากใบหน้าที่เลอะเทอะของเด็กชายทั้งสองแล้ว นางก็แยกพวกเขาไม่ออกจริง ๆ พวกเขาเป็นฝาแฝดกันเหรอ? สมองของกู้เสี่ยวหวานยังคงเจ็บปวดอย่างรุนแรง

ที่นี่ที่ไหน? เด็กน้อยทั้งสามนี้มาจากไหน?

เป็นไปได้ไหมที่นางจะทะลุมิติมา?

มาอยู่ในบ้านไร่ยากจนที่น่าสงสารเช่นนี้น่ะเหรอ?

กู้เสี่ยวหวานกัดริมฝีปากล่างของนางอย่างแรง มันเจ็บมาก มันไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง

หญิงสาวมองไปที่บ้านอันทรุดโทรม เด็กน้อยทั้งสามส่งเสียงโหวกเหวกกระทบกับโสตประสาท ทำให้สมองของกู้เสี่ยวหวานพลันเจ็บปวด และความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของนางก็หลั่งไหลเข้ามา

“โอ้ย!”

กู้เสี่ยวหวานคร่ำครวญสับสนและเป็นลมอีกครั้ง

ตามคำกล่าวที่ว่า สวมใส่ง่าย ใส่กลับยาก

อสุนีบาตเพียงเส้นเดียวสามารถย้อนเวลากลับไปได้หลายพันปี แต่ถ้าต้องการกลับไปยังช่วงเวลาเดิมนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าการขึ้นไปบนฟ้า

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้อ่านนิยายที่นางเอกทะลุมิติมากนัก แต่นางก็ไม่เคยเห็นนางเอกเรื่องใดที่จะสามารถกลับโลกเดิมของตนได้เลยในตอนท้าย

แน่นอนว่าเมื่อกู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็ไม่ได้สมดั่งปรารถนาและพบว่าตัวเองยังคงนอนอยู่บนเตียงเตา แต่ก่อนหน้านี้ที่มีเสียงดังมากมาย คราวนี้ดูเหมือนว่าจะสงบลงแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาที่จะหลับตาเพื่อพักผ่อนอีกต่อไป นางจ้องมองตรงไปที่หลังคามืด ๆ และคานไม้ที่ทรุดโทรม ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยใยแมงมุมมากมาย นางตกตะลึงและถอนหายใจ

ตอนนี้หญิงสาวตื่นเต็มที่แล้ว และมีความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับร่างกายนี้ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามา ทำให้รับรู้มาว่าสถานการณ์ที่นางทะลุมิติมาครั้งนี้มันเลวร้ายจริง ๆ

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ทะลุมิติมาอยู่ในครอบครัวรันทดยากจนไม่มีอะไรจะกินเฉยเลย แถมรู้ตัวด้วยว่าคงกลับโลกเดิมไม่ได้ น่าเศร้าน่าหดหู่จริง ๆ ค่ะ

ไหหม่า(海馬)