ตอนที่ 1234 เลอะเลือน

เมื่อไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเสร็จหมอหลวงหวงจึงมาตรวจชีพจรให้หญิงสาว ไทเฮาและหมอหงเคยกำชับหมอหลวงหวงไว้แล้วดังนั้นหมอหลวงหวงจึงรู้ว่าอายุครรภ์ของหญิงสาวมากกว่าที่คนภายนอกรับรู้

เมื่อตรวจชีพจรเสร็จ เมื่อหมอหลวงหวงเห็นว่าในห้องมีเพียงไป๋ชิงเหยียนเท่านั้นเขาจึงกล่าวขึ้นเสียงเบา

“ฝ่าบาท ครรภ์ของฝ่าบาทมั่นคงดีพ่ะย่ะค่ะ ทว่า กระหม่อมจะบอกกับคนภายนอกว่าครรภ์ของฝ่าบาทไม่ค่อยมั่นคงเพราะได้รับการกระทบกระเทือนจากการเดินทางระยะไกล รายงานจะมีสอบฉบับ อยู่ที่ฝ่าบาทฉบับหนึ่งและกระหม่อมฉบับหนึ่ง ยาบำรุงครรภ์ก็เช่นเดียวกัน กระหม่อมจะกำชับแม่นางชุนเถาไม่ให้หยิบผิดพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงหวงเตรียมการเพื่อการคลอดของไป๋ชิงเหยียนในวันข้างหน้า ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขอบคุณอย่างเข้าใจ

“ลำบากท่านหมอหลวงหวงแล้ว”

“ล้วนเป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

หมอหลวงหวงเก็บกล่องยาให้เรียบร้อย จากนั้นโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“กระหม่อมขอตัวก่อน ฝ่าบาททรงพักผ่อนให้มากพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

หมอหลวงหวงเดินออกมาจากห้องด้านใน เมื่อเห็นชุนเถาเตรียมถือรังนกเข้าไปในห้องจึงกล่าวยิ้มๆ

“ชุนเถากูกู รบกวนกูกูตามข้าไปรับยาบำรุงครรภ์ของฝ่าบาทด้วย”

ชุนเถาเข้าใจความหมายที่หมอหลวงหวงต้องการสื่อจึงยื่นรังนกในมือให้ชุนจือ จากนั้นเดินตามหมอหลวงหวงไป

ชุนจือเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นวางรังนกลงบนโต๊ะให้ไป๋ชิงเหยียน

“ตอนนี้พี่ชุนเถาแต่งงานแล้ว บ่าวได้ยินผู้อื่นเรียกพี่ชุนเถาว่ากูกูแล้วเจ้าค่ะ”

ชุนเถาแต่งงานแล้ว ฐานะของนางสูงขึ้นดังนั้นผู้อื่นจึงเรียกนางอย่างเคารพว่ากูกู

ไป๋ชิงเหยียนตักรังนกเข้าปากหนึ่งคำ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ

“ชุนจือของเราอยากแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ”

“คุณหนูใหญ่!” ชุนจือกัดปากตัวเองแน่น

“คุณหนูใหญ่อย่าล้อชุนจือเล่นเช่นนี้เจ้าค่ะ วันหน้าข้าหวังเพียงคุณหนูใหญ่จะไม่ส่งข้าไปแต่งงานไกล ข้าจะได้อยู่รับใช้คุณหนูตลอดไปเจ้าค่ะ”

ชุนจือกล่าวจากใจจริง นางไม่ได้บอกว่าต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อคุณหนูใหญ่โดยการไม่แต่งงานตลอดชีวิต นางให้คุณหนูใหญ่เป็นคนตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของนาง ขอเพียงอย่าส่งนางไปแต่งงานในที่ห่างไกลจากคุณหนูใหญ่นัก

“ก็ยังอยากแต่งงานอยู่ดี…”

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก จากนั้นกล่าวยิ้มๆ

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะให้เว่ยจงคอยดูคนที่เหมาะสมให้เจ้า”

ชุนจือหน้าแดงก่ำ ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีของชุนจือจึงยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

“ข้า…ข้าจะไปดูอาหารเย็นของคุณหนูใหญ่ที่โรงครัวก่อนนะเจ้าคะ”

ชุนจือวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นางกำถาดอาหารสี่เหลี่ยมในมือแน่น ก้มหน้ายิ้มออกมาอย่างดีใจ

ชุนจือรู้ดีว่านางเป็นคนโง่ ทว่า นางมองออกว่ามีหลายคนหมายปองนาง แต่พวกเขาไม่ได้ชอบที่ตัวนาง เขาชอบฐานะนางกำนัลข้างกายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวของนางต่างหาก

ชุนจือเห็นเฉินชิ่งเซิงดีต่อพี่ชุนเถาเช่นนั้นนางจึงอยากแต่งงานบ้าง ขอเพียงนางแต่งงานคนเหล่านั้นจะได้เลิกหวังในตัวนาง มิเช่นนั้นนางไม่รู้ว่าคนสมองทึบอย่างนางจะถูกผู้อื่นหลอกเมื่อใด ตัวนางเองยังไม่เท่าใดนัก ทว่า นางกลัวจะสร้างปัญหาใหญ่ให้คุณหนูใหญ่ของนางจนนางชดใช้ความผิดไม่ไหว

ทว่า นางไม่อยากไปจากคุณหนูใหญ่ นางอยากพบคนที่ดีต่อนางเหมือนที่เฉินชิ่งเซิงดีต่อพี่ชุนเถา ไม่ใช่คนที่หวังหลอกใช้นางประจบคุณหนูใหญ่

ทุกคนพักอยู่ที่เมืองชวีเฟิงหนึ่งคืน วันต่อมาขบวนใหญ่จึงออกเดินทางต่ออย่างเอิกเกริก ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางไปถึงเมืองหลวงในวันที่เก้า เดือนสาม

ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จึงทำเพียงส่งจดหมายไปบอกกำหนดเวลาถึงวังหลวงกับมารดาและบรรดาอาสะใภ้เท่านั้น

เสี่ยวปาไป๋หวั่นชิงรู้ข่าวจากมารดาว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลับมาถึงวังหลวงวันนี้ เมื่อตื่นขึ้นมาจึงเอาแต่เรียกพี่หญิงใหญ่กับแม่นมของตัวเองไม่หยุดปาก

แม่นมของไป๋หวั่นชิงทาแป้งหอมที่หน้าให้เด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม

“คุณหนูแปดรักฝ่าบาทมากที่สุด ขอเพียงคุณหนูใหญ่อยู่คุณหนูแปดจะไม่ยอมลงจากตักของนางเลย!”

“ใช่แล้ว ต่อให้คุณหนูใหญ่จะอ่านฎีกาก็ยังอุ้มคุณหนูแปดไว้บนตักไม่ยอมปล่อย โตขึ้นคุณหนูแปดต้องเก่งทั้งบุ๋นและบู้เหมือนคุณหนูใหญ่แน่นอน”

แม่นมจิ้มปลายจมูกของไป๋หวั่นชิงเบาๆ

“ใช่หรือไม่เจ้าคะคุณหนูแปด”

ไป๋หวั่นชิงเงยหน้าให้แม่นมติดกระดุมเสื้อให้นาง จากนั้นตอบแม่นมด้วยเสียงหนักแน่น

“พี่หญิงใหญ่บอกว่าขอเพียงเสี่ยวปาขยันและมีความพยายาม เสี่ยวปาจะต้องเก่งกว่าพี่หญิงใหญ่แน่นอน!”

ใบหน้าอ้วนกลมของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความหนักแน่น พี่หญิงใหญ่ไม่เคยกล่าวผิด ท่านแม่บอกว่าพี่หญิงใหญ่ดูแลตระกูลไป๋ทั้งตระกูลด้วยความยากลำบาก ท่านแม่ให้นางขยัน วันหน้าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพี่หญิงใหญ่ได้

ท่านแม่บอกว่าไม่ขอให้นางเก่งกาจเท่าพี่หญิงใหญ่ แค่เก่งได้สักครึ่งหนึ่งของพี่หญิงใหญ่ก็พอแล้ว

ทว่า ไป๋หวั่นชิงเชื่อว่าวันหนึ่งนางจะเก่งกว่าพี่หญิงใหญ่ นางจะเป็นคนปกป้องตระกูลไป๋เอง

ทั้งๆ ที่ยังเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ ทว่า สีหน้าและแววตาของไป๋หวั่นชิงหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวจนผู้อื่นไม่กล้าดูแคลนนาง

แม่นมเห็นท่าทีของไป๋หวั่นชิงก็รู้สึกว่าวันข้างหน้าเด็กน้อยต้องเติบโตเป็นบุคคลที่เก่งกาจเหมือนจักรพรรดินีแห่งต้าโจวได้อย่างแน่นอน

“เจ้าค่ะ ขอเพียงคุณหนูแปดมีความพยายาม คุณหนูแปดต้องเก่งกว่าคุณหนูใหญ่ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

แม่นมกล่าวให้กำลังใจ

“วันนี้บ่าวมัดจุกกลมสองข้างให้คุณหนูแปด คุณหนูใหญ่เห็นแล้วต้องดีใจแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ดี” ไป๋หวั่นชิงพยักหน้ารัว

“กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”

นางกำนัลอายุราวๆ สิบเอ็ดสิบสองปีวิ่งเข้ามาในตำหนักของไป๋หวั่นชิงอย่างรวดเร็ว นางตะโกนเสียงดังลั่น

“คุณหนูแปด ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้รถม้าของฝ่าบาทเคลื่อนผ่านประตูอู่เต๋อกำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ไทเฮาและฮูหยินท่านอื่นกำลังรอต้อนรับอยู่เจ้าค่ะ”

ไป๋หวั่นชิงได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนกลับมาแล้วจึงรีบวิ่งออกไปจากตำหนักทันที

“เดี๋ยวเจ้าค่ะ คุณหนูแปด…ยังไม่ได้ทำผมเลยเจ้าค่ะ!”

แม่นมรีบถลกชายกระโปรงวิ่งตามไป๋หวั่นชิงไปทันที

เด็กน้อยวิ่งไปตามระเบียงทางเดินซึ่งมีเสาหินตั้งอยู่อย่างรวดเร็ว นางกำนัลและแม่นมต่างวิ่งตามไป๋หวั่นชิงไม่ทัน

ต่งซื่อและอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนยืนรอต้อนรับหญิงสาวอยู่หน้าตำหนักของไป๋ชิงเหยียน ทุกคนต่างชะเง้อมองไปทางประตูอู่เต๋อด้วยความร้อนใจ

“ผ่านประตูอู่เต๋อมาแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดยังไม่มา…”

ฮูหยินสี่คลำลูกประคำในมือไม่หยุดด้วยความร้อนใจ

“ไปออกรบทั้งๆ ที่ตั้งครรภ์ อีกทั้งเดินทางไกลเช่นนี้อีก ไม่รู้ว่าอาเป่าจะเป็นเช่นไรบ้าง”

“ไปออกรบทั้งๆ ที่ยังตั้งครรภ์อยู่เช่นนี้ช่างเลอะเลือนจริงๆ!”

ต่งซื่อนึกถึงเรื่องนี้จึงอดรู้สึกใจหายขึ้นมาไม่ได้

ยังมีเรื่องที่นางโดนแม่ทัพชราชุยซานจงล้อมไว้ที่เมืองเจียงจือ ทว่า ไม่ยอมจุดสัญญาณควันอีก ตอนที่ต่งซื่ออ่านรายงานสถานการณ์รบแม้จะรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนนำทัพต้าเยี่ยนไปช่วยเหลือแล้ว ทว่า นางก็ยังตกใจจนแทบลุกไม่ขึ้น

นางรู้จักบุตรสาวของตัวเองดี นางวิเคราะห์สถานการณ์รบจากรายงานที่ส่งกลับมาทุกครั้งได้เป็นอย่างดี บุตรสาวของนางกลัวว่าข่าวที่นางถูกล้อมเมืองจะถูกส่งไปยังด่านเย่เฉิง กลัวว่าอาอวิ๋นซึ่งอยู่ในด่านเย่เฉิงจะยกทัพเสริมมาช่วยเหลือนางจนถูกแม่ทัพชราชุยซานจงดักซุ่มโจมตีและอาจสูญเสียด่านเย่เฉิงไป หากเป็นเช่นนั้นพวกอาอวี๋คงถูกตัดเส้นทางส่งเสบียงอาหารอย่างถาวร