ตอนที่ 7 ผลลัพธ์สุดทึ่งจากการติวกับอาจารย์ดัง

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 7 ผลลัพธ์สุดทึ่งจากการติวกับอาจารย์ดัง

เลเวลของวิชาเวชกรรมเพิ่มขึ้นเป็นเลเวลหนึ่ง พร้อมกับได้รับโอกาสจับรางวัลอีกครั้ง ไป๋เยี่ยไม่ได้จับรางวัลในทันที แต่กลับหยิบวิชาอายุรศาสตร์ภายในขึ้นมาอ่านแทน

เขาไม่ได้รีบใช้ ‘โหมดติวกับอาจารย์ดัง’ แต่เรียนด้วยตนเองไปก่อน เขาค้นพบว่าหลังจากที่พอมีพื้นฐานและได้อัปเลเวลวิชาทฤษฎีพื้นฐานทางการแพทย์แผนจีน วิชาวินิฉัยโรค วิชาเวชกรรม และวิชายาจีนขึ้นเป็นเลเวลหนึ่งหมดแล้ว ความไวในการอ่านวิชาอายุรศาสตร์ภายในของเขาก็เพิ่มขึ้นมากด้วย

ตอนแรกที่ไป๋เยี่ยอ่านวิชาทฤษฎีพื้นฐานทางการแพทย์แผนจีนนั้น การเปิด ‘โหมดเด็กเรียน’ หนึ่งชั่วโมงจะได้ค่าประสบการณ์ประมาณสิบสองแต้มเท่านั้น

แต่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าไป๋เยี่ยจะไม่ได้เปิดโหมดอะไรเลย เพียงแค่พึ่งตนเองอย่างเดียว ก็พบว่าความเร็วของค่าประสบการณ์ในการเรียนวิชาอายุรศาสตร์ได้เพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงละประมาณสิบแต้มแล้ว

อันที่จริงวิชาอายุรศาสตร์ภายในเป็นวิชาที่รวบรวมความรู้จากหลายวิชาที่ได้กล่าวไป เน้นความเข้าใจอย่างถ่องแท้

ซึ่งนั่นเป็นเพราะไป๋เยี่ยมีพื้นฐานที่ดีมาก จึงเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะการที่สมาชิกวีไอพีจะได้รับค่าประสบการณ์สองเท่าด้วย

แม้ว่าความเร็วในการเรียนรู้จะเร็วมากก็ตาม แต่ไป๋เยี่ยกลับรู้สึกจับใจความสำคัญอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย และมักมีความรู้สึกว่ามันขาดแก่นสำคัญบางอย่างของวิชาไป

คิดแล้วคิดอีก ไป๋เยี่ยก็เลือกที่จะเปิดโหมดติวกับอาจารย์ดัง

[เปิดโหมดติวกับอาจารย์ดัง เวลาคงเหลือ: 2 วัน 23 ชั่วโมง 59 นาที…]

ทันใดนั้น ทุกๆ ครั้งที่ไป๋เยี่ยกำลังอ่านประโยคใดอยู่ ก็จะรู้สึกราวกับว่ามีอาจารย์กำลังอธิบายเนื้อหาเชิงลึกให้เขาฟังอยู่ในหัว กระทั่งรู้สึกได้ถึงคนไข้ด้วย

ตัวอย่างเช่น เคสคนไข้ที่เป็นหวัดจากอากาศหนาว ไป๋เยี่ยสัมผัสได้ชัดว่าคนไข้มีอาการเป็นไข้หนาวสั่น ปวดตามร่างกาย ไม่มีเหงื่อออก และไอหอบ ความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์นี้ช่างเป็นความประทับใจอันลึกซึ้งจริงๆ

ไป๋เยี่ยค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นมา เขาอ่านหนังสือเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัว คงเป็นเพราะพื้นฐานที่แน่นขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีโหมดติวกับอาจารย์ดังเป็นตัวช่วยอีก จนค่าประสบการณ์ของไป๋เยี่ยเพิ่มเร็วขึ้นเป็นยี่สิบห้าแต้มต่อชั่วโมง

หลังจากที่พยายามมาสองวัน ในที่สุดไป๋เยี่ยก็อ่าน ‘วิชาอายุรศาสตร์ภายในทางการแพทย์แผนจีน’ จบเสียที

อีกทั้งยังขึ้นเลเวลหนึ่งอีกด้วย

[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชาอายุรศาสตร์ภายในทางการแพทย์แผนจีนเป็นเลเวลหนึ่ง ได้รับแต้มสมาชิกสิบแต้ม และโอกาสจับรางวัลหนึ่งดาวจำนวนหนึ่งครั้ง]

ทีนี้ไป๋เยี่ยก็เหลือแค่วิชาฝังเข็มที่ยังไม่ถึงเลเวลหนึ่ง

แต่คงเป็นเพราะว่าเขาได้เรียนระบบการฝังเข็มจากในวิชาทฤษฎีพื้นฐานและได้เห็นตำแหน่งฝังเข็มรักษาโรคที่พบได้บ่อยในวิชาอายุรศาสตร์มาบ้างแล้ว เลเวลวิชาฝังเข็มของไป๋เยี่ยจึงมีค่าประสบการณ์อยู่ที่ เลเวลศูนย์: 900/1000 ซึ่งไม่นานก็จะขึ้นเลเวลหนึ่งได้แล้ว คาดว่าคงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน

ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ไป๋เยี่ยเก็บหนังสือลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกไปข้างนอก

เขาไม่รู้สึกเหนื่อยจากการอ่านหนังสือเมื่อหลายวันมานี้เลย แต่กลับรู้สึกอัดแน่นไปด้วยความรู้มากกว่า

ความรู้สึกนี้มันทำให้เขามีความสุขมากกว่าตอนที่เขาเอาแต่เล่นเกมทั้งวันทั้งคืนเสียอีก ไม่มีอะไรเติมเต็มความรู้สึกดาวน์หลังจากที่เล่นเกมเสร็จได้แล้ว

ไป๋เยี่ยเดินออกมาจากห้องสมุดช้าๆ ขอบคุณสวรรค์ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับโอกาสที่ร้านอินเทอร์เน็ตล่ะก็ ตนเองคงตกต่ำลงกว่านี้อีกแน่ แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ

ไป๋เยี่ยเดินๆ หยุดๆ อย่างไร้จุดหมาย วิทยาลัยไม่กว้างนัก ทว่ากลับมีคนออกมาเดินเล่นไม่เยอะเท่าไหร่

เขารู้สึกสงบ

ไม่รู้ว่าเดินไปมาอยู่นานเท่าใด ไป๋เยี่ยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตามความเคยชิน เขาเห็นว่ามีคนแอดวีแชตเขามาหลายคน ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนมาขอให้เขาช่วยทำวิเคราะห์สถิติให้ทั้งนั้น

ไป๋เยี่ยรับแอดทีละคน สวี่เหยียนเองก็ส่งข้อความมาหาเขาเยอะมาก

“เพื่อนฉันหลายคนอยากให้นายช่วยแก้วิเคราะห์สถิติให้น่ะ จ้างแปดร้อยโอเคไหม”

“ฉันเอาวีแชตนายให้เพื่อนแอดได้ไหม”

“นี่ อ่านแล้วก็ตอบหน่อยสิ”

“ถ้าไม่ตอบจะถือว่าตกลงแล้วกันนะ”

ไป๋เยี่ยได้แต่ตอบข้อความจำนวนมหาศาลเหล่านั้นไปเพียงแค่คำสองคำเท่านั้น

ตอนนี้ใครจะไปมีอารมณ์เดินเล่นกันล่ะ หาเงินสิสำคัญกว่า!

แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกไป แต่การที่สวี่เหยียนแนะนำเขาให้กับเพื่อนร่วมชั้นนั้นทำให้เขายินดีมาก นี่แหละเส้นทางรวย…

เมื่อพวกรุ่นพี่ป.โทเห็นว่าไป๋เยี่ยรับแอดวีแชตแล้วก็รีบพากันส่งข้อความมาหาเขา ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็ตอบกลับข้อความเหล่านั้นไป

ฝ่ายตรงข้ามจะส่งอั่งเปาจำนวนสองร้อยหยวนมาก่อน เมื่อเสร็จงานแล้วจะส่งให้อีกหกร้อยหยวน ไป๋เยี่ยไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว เพราะต่อให้ไม่จ่ายมัดจำ เขาก็ทำให้อยู่ดี

ไม่นานนักเขาก็ได้รับงานมาทั้งสิ้นยี่สิบชุด ไป๋เยี่ยตื่นเต้นสุดๆ น่าเหนื่อยตรงไหน…

แปดร้อยต่อหนึ่งชุดเลยนะ!

ยี่สิบชุดก็หมื่นหกหยวน ไม่แน่เดือนหน้าอาจจะได้ขึ้นเป็นวีไอพีสองก็ได้

และอย่างน้อยๆ คือไม่ต้องกลัวว่าโดนระบบสั่งเก็บอีกต่อไปแล้ว

ใครจะไม่ชอบเงินบ้าง

ไป๋เยี่ยแก้งานทีละงานไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยโดยที่เขาไม่ได้เล่นเกมเลย จนเที่ยงคืนเขาก็ทำเสร็จไปแล้วสิบชุด

ซึ่งความไวนี้ไม่ส่งผลอะไรต่อคุณภาพงานเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำให้ดีเท่ากับตอนที่ทำให้สวี่เหยียน แต่ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรสำหรับการนำไปใช้ในธีสิสจบแล้ว

หลังจากที่ไป๋เยี่ยทำเสร็จก็ส่งให้อีกฝ่ายทันที

จนกระทั่งตีห้า เขาก็ทำงานวิเคราะห์เสร็จทั้งหมด

เขาง่วงจนล้มตัวลงบนเตียง แล้วฝันว่าตนนั้นจะได้มีเงินเสียที…

วันต่อมา เมื่อพวกรุ่นพี่เห็นว่าไป๋เยี่ยส่งงานมาตอนตีสามตีสี่ก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้งี่เง่าและส่งอั่งเป่าจำนวนหกร้อยหกสิบหกหยวน[1]ให้ทันที ให้เพิ่มมาอีกหกสิบหกหยวน

“ขอบใจมากน้อง พักผ่อนเยอะๆ นะ”

มีคนจำพวกนี้อยู่ไม่น้อยเลย

วันต่อมา เมื่อไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงก็เห็นข้อความตอบกลับจำนวนมากและเงินโอนหกร้อยหกสิบหกหยวน

เขาเพียงตอบกลับไปว่า ‘ขอบคุณครับ’ ทว่าภายในใจยังคงปลื้มปริ่ม

มีเงินติดกระเป๋าแล้ว ไปสั่งกับข้าวร้านหน้ามหา’ลัยสักสองอย่าง แล้วก็เบียร์สักกระป๋อง กับข้าวสวยดีกว่า

หาเงินสองหมื่นได้ในเวลาชั่วข้ามคืน ก็ต้องให้รางวัลตัวเองสักหน่อย

ร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่นิยมเลยทีเดียว มีคนมากินข้าวที่นี่ค่อนข้างเยอะ ไป๋เยี่ยมาถึงเร็วจึงได้ที่นั่งหนึ่งที่พอดี อีกสักครู่คงมีคนมาแชร์โต๊ะด้วย แล้วก็เป็นไปตามคาด ไม่นานนักก็มีคนสองคนเดินมาทางนี้

ไป๋เยี่ยไม่ได้สนใจเพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ทว่าคนที่มาเป็นคนที่ไป๋เยี่ยรู้จัก และเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาเอง

“ไป๋เยี่ยเหรอ ตรงนี้ไม่มีคนใช่ไหม มาพวกมานั่งตรงนี้กัน” หลิวจื้อยิ้มพร้อมกับบอกให้คนข้างๆ นั่งลง

ไป๋เยี่ยไม่ได้สนิทกับหลิวจื้อมากนัก ยังคงมีช่องว่างระหว่างทั้งสองคนอยู่

หลิวจื้อนั่งลงและแนะนำอีกคนให้ไป๋เยี่ยรู้จัก “ไป๋เยี่ย คนนี้คือรุ่นพี่ป.โทที่มหา’ลัยพวกเรา”

ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดีครับรุ่นพี่”

ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยโดยที่ไม่พูดอะไร

“เสี่ยวจื้อ ช่วงนี้ก็ตั้งใจอ่านรัฐศาสตร์หน่อยนะ แล้วก็อย่าทิ้งแพทย์แผนจีนไปล่ะ เดาว่าไม่กี่วันมานี้หนังสือของ ‘เซียวซิ่วหรง’ ก็มีโจทย์ใหม่ๆ ออกมาแล้วนี่ นายต้องตั้งใจนะ ทุกปีจะมีข้อสอบจริงวิชารัฐศาสตร์ด้วยนะ…”

รุ่นพี่พูดยังไม่ทันจบ หลิวจื้อก็เทน้ำร้อนใส่แก้วให้แล้ว “ไม่คุยเรื่องเรียนแล้วพี่ ที่นี่คนเยอะ เสียงดัง ค่อยคุยวันหลังดีกว่า ฮ่าๆ…มาๆ ดื่มน้ำๆ”

ไป๋เยี่ยยิ้ม จุดนี้หลิวจื้อไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขายังคงระมัดระวังไม่โพล่งข่าวคราวออกมาให้คนอื่นได้ยิน

เขาเองก็ไม่ได้สนใจนัก ได้แต่กินอาหารเขาไปเงียบๆ

หลิวจื้อเอ่ยขึ้น “พี่ นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของผมเอง เขาเก่งมากเลยนะ ตอนสอบเข้ามหา’ลัยเขาสอบได้ตั้งหกร้อยสี่สิบกว่าคะแนนแน่ะ”

ชายคนนั้นดูจะตะลึงนิดหน่อย “หืม หกร้อยสี่สิบกว่าคะแนน น่าเสียดายที่มาเข้าที่นี่นะ”

หลิวจื้อหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เอาน่า นั่นเป็นเรื่องในอดีตน่ะ ความรู้ตอนสอบเข้ากับตอนเข้ามาเรียนมันไม่เหมือนกันสักหน่อย ความรู้ในมหา’ลัยลึกกว่านั้นเยอะ แถมยังมีการทดสอบทั้งความรู้และความสามารถด้วย การเรียนเพื่อไปสอบน่ะไม่ดีหรอก พี่ลองดูต่างประเทศสิ ก่อนเข้ามหา’ลัยชิลจะตายไป มหา’ลัยต่างหากที่เป็นที่คัดคนมีคุณภาพ พอเรียนป.โท ป.เอกก็เป็นพวกหัวกะทิในสังคมแล้ว”

แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาชัดๆ แต่มันก็ชัดเจนพอว่าเขากำลังดูถูกไป๋เยี่ยอยู่

[1] หกร้อยหกสิบหก เขียนเป็นเลขคือ 666 เป็นคำแสลงในอินเทอร์เน็ตจีน มีความหมายประมาณว่า สุดยอด, ยอดเยี่ยม