ตอนที่ 8 ยังอ่านบทแรกไม่จบ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 8 ยังอ่านบทแรกไม่จบ

คำพูดของหลิวจื้อนั้น แม้จะไม่ได้พูดออกมาว่าเขากำลังหมายถึงไป๋เยี่ย แต่เพียงแค่เอ่ยถึง ‘การเรียนเพื่อไปสอบ’ ความหมายแฝงในนั้นก็ชัดเจนว่ากำลังดูถูกไป๋เยี่ยอยู่

ไป๋เยี่ยไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาไม่มีอะไรจะแข่งกับหลิวจื้อ เพราะเมื่อตอนเรียนปีหนึ่งปีสองไป๋เยี่ยก็เรียนได้ที่หนึ่งทุกครั้ง และไม่เคยเป็นที่สองเลย ต่อให้เขาจะไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาแพทย์แผนจีนก็ตาม แต่ไป๋เยี่ยก็รู้ดีว่าผลการเรียนตอนมหาวิทยาลัยมีประโยชน์มาก ผลสอบของเขาจึงออกมาไม่เลวเลยทีเดียว

ตอนนั้น ไป๋เยี่ยได้รางวัลอันดับหนึ่งมาทุกครั้ง แต่เมื่อตอนปีสองไป๋เยี่ยและหลิวจื้อต้องแข่งชิงทุนการศึกษาระดับประเทศกัน ซึ่งท้ายที่สุดหลิวจื้อก็เป็นคนได้ไป เพราะเขาเข้าร่วมกิจกรรมทุกแขนงในมหาวิทยาลัยมากกว่า จึงได้คะแนนเพิ่ม

รุ่นพี่ของหลิวจื้อก็พยักหน้า “ถูก พอต้องเข้าไปในสังคม ก็จะมีเรื่องยุ่งยากเต็มไปหมด นายจะมีแค่ไอคิวที่สูงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอีคิวด้วย แล้วก็ไม่ใช่แค่ต้องเรียนเก่งอย่างเดียวด้วยนะ ต้องเข้าหาคนเป็นด้วย”

จู่ๆ หลิวจื้อก็พูดขึ้นมา “อ้อ ใช่ พี่ ที่เราคุยกันครั้งก่อน รอผมสอบเสร็จก่อนนะ ผมอยากขึ้นวอร์ดกับหัวหน้าบ้าง ถึงตอนนั้นพี่แนะนำผมให้หน่อยนะ”

ชายหนุ่มยิ้ม “ได้ ไม่มีปัญหา พอตอนนั้นเดี๋ยวจะพูดเรื่องดีๆ ของนายให้อาจารย์ฟังเอง วางใจเถอะไอ้น้อง”

หลิวจื้อยิ้มพลางปรายตามองไป๋เยี่ยอย่างท้าทาย

ชายหนุ่มพูดต่อ “เรื่องสอบเรียนต่อ การสอบรอบแรกกับรอบที่สองสำคัญมากนะ แค่ผ่านเกณฑ์ระดับประเทศก็โอเคแล้ว ส่วนจะได้เรียนป.โทไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์จะอยากรับนายเข้ามาไหม เพราะงั้นทุกๆ ด้านสำคัญหมด โดยเฉพาะด้านความรู้และความสามารถ”

หลิวจื้อพยักหน้าเห็นด้วย “ต้องขอบคุณพี่มากเลย ไม่งั้นผมคงไม่เข้าใจเรื่องพรรคนี้หรอก”

เอ่ยจบ หลิวจื้อก็หันมามองไป๋เยี่ยและถามขึ้น “เอ๋ เยี่ยจื่อ ฉันได้ยินมาว่านายเล่น League of Legends เก่งนี่ เล่นตำแหน่งอะไรเหรอ แล้วจะแรงก์ไดยัง”

ไป๋เยี่ยยิ้มพร้อมกับพยักหน้า จริงๆ เขาไม่อยากคุยกับหลิวจื้อมากไปกว่านี้แล้ว ในเมื่อคุยกันไม่ถูกคอก็อยู่เงียบๆ ไปดีกว่า

“จริงสิ ฉันจำได้ว่านายสมัครสอบเรียนต่อไปนี่ ทบทวนเป็นไงบ้าง แล้วครั้งนี้มั่นใจไหม”

ไป๋เยี่ยเอ่ยนิ่งๆ “ยังอ่านบทแรกไม่จบน่ะ เก็บเงินหน่อยครับ”

จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้น “โอ๊ะ! ไป๋เยี่ย ฉันตามหานายตั้งนานแน่ะ! ฉันส่งข้อความไปหานายนายก็ไม่รู้จักตอบเลยเนอะ”

ไป๋เยี่ยหันกลับไปเจอสวี่เหยียนยืนน้อยใจอยู่ เธอสวมเสื้อคาร์ดิแกนขนฟูแล้วดูน่ารักมาก

พนักงานพูดขึ้น “ทั้งหมดห้าสิบสามหยวน จ่ายมาห้าสิบก็ได้”

ไป๋เยี่ยกำลังจะสแกนคิวอาร์โคด แต่สวี่เหยียนกลับยื่นอั่งเปาร้อยหยวนจากในกระเป๋าไปแทน “เอาข้าวผัดไข่หนึ่งจานกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้วค่ะ เก็บเงินพร้อมเขาเลยนะคะ”

พูดจบ เธอก็นั่งลงข้างๆ ไป๋เยี่ย ขวางทางออกเขาไว้

“พี่ขวางทางผมอยู่นะ…” ไป๋เยี่ยหมดคำพูด นี่เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ

สวี่เหยียนหยิบหนังสือหลายเล่มออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ไป๋เยี่ย “เฮ้อ ไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ นี่เป็นสุดยอดชีทอ่านสอบของปีนี้จากเหวินตู แล้วก็ยังมีโจทย์ของเซียวซิ่วหรงอีกด้วย นายเอากลับไปตั้งใจอ่านซะ มันช่วยนายได้เยอะมากๆ เลย”

ไป๋เยี่ยอึ้งไป เมื่อได้เห็นกองหนังสือตรงหน้าก็เอ่ยออกไปจากใจจริง “ขอบคุณครับ”

สวี่เหยียนหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ฮี่ๆ นายไม่ต้องขอบคุณหรอก นายช่วยฉันมาตั้งเยอะ ฉันไม่ถือสาอะไรหรอก!”

“แต่นายก็เก่งจริงๆ นั่นแหละ จะสอบแต่ไม่มีหนังสือสักเล่ม เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นนายที่ห้องสมุดเลยด้วย ที่ไปก็เพราะตั้งใจจะสอบเข้าสินะ ใครเขาจะหยิบหนังสือไปทบทวนกันนะ…ฉันละนับถือนายจริงๆ”

หลิวจื้อได้ฟังก็หัวเราะออกมา ไป๋เยี่ยช่างไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย!

ไป๋เยี่ยกำลังจะเอ่ยปาก แต่กลับโดนสวี่เหยียนขัดไว้ “จริงด้วย นี่คือธีสิสของฉันที่แก้แล้ว นายช่วยดูหน่อยสิว่าแก้เป็นไงบ้าง อาจารย์ของฉันอยากให้ฉันได้ลงวารสารวิทยาศาสตร์ด้วยล่ะ เขาอยากให้ฉันใส่ภาษาอังกฤษลงไปด้วยน่ะ แต่ฉันกลัวแปลเรื่องการวิเคราะห์สถิติผิดมากเลย”

ไป๋เยี่ยเปิดดู และกวาดสายตาอ่านไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ไหวเลย นี่พี่ใช้โหย่วเต้าแปลเอาเหรอ”

สวี่เหยียนอดหน้าแดงไม่ได้ “ก็ฉันไม่เก่งอังกฤษนี่นา…”

ไป๋เยี่ยนิ่งงันไป จะใช้ข้ออ้างนี้มันก็ไม่ผิดหรอก “พี่กลับไปแล้วส่งไฟล์ต้นฉบับมาให้ผมที เดี๋ยวผมทำให้”

เมื่อสวี่เหยียนได้ฟัง แววตาของเธอก็ลุกเป็นประกาย หมอนี่เก่งชะมัดเลย!

ถึงจะรู้สึกว่าเขาขี้โม้ แต่เขาก็หล่อใช้ได้ แถมยังเก่งอีก เป็นที่น่าดึงดูดจริงๆ…

จู่ๆ สวี่เหยียนก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มกำลังเรียกเธอว่ารุ่นพี่

เธอหันกลับไป และเห็นว่าชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มให้เธออยู่ “พี่สวี่เหยียนใช่ไหม”

สวี่เหยียนพยักหน้า “อื้ม นายคือ…”

ชายหนุ่มพูดต่อ “ผมอยู่ป.โทปีหนึ่ง ได้ยินมาว่าพี่จะได้ต่อป.เอกด้วย จริงเหรอ พี่เก่งมากเลย”

สวี่เหยียนนิ่งไปก่อนจะตอบรับไปตามมารยาท “อือๆ ขอบใจนะ” จากนั้นเธอก็หันมาทางไป๋เยี่ย “แล้วก็ เจ้าน้องชาย อาจารย์ฉันอยากเจอนายน่ะ ไว้วันไหนไปหาอาจารย์สักรอบได้ไหม เขาดูสนใจนายมากนะ ฉันกล้ารับประกันเลยว่าถ้านายสอบเข้าได้คะแนนเท่าเกณฑ์ระดับประเทศ เขาต้องอยากได้นายแน่!”

หลิวจื้อได้ฟังก็ชะงักไป เช่นเดียวกับรุ่นพี่คนนั้น

“ศาสตราจารย์จางพูดแบบนั้นจริงเหรอ” ชายหนุ่มตกตะลึง

จางฮั่นหลินเป็นบุคลากรชั้นยอดที่ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเชิญมา ว่ากันว่าเขาจะได้เป็นผู้อำนวยการคนถัดไปด้วย เพราะเขาเป็นผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมาโดยตลอด

ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดแบบนี้

แต่สวี่เหยียนไม่น่าโกหกหรอกน่า!

เขาเป็นศิษย์เอกของศาสตราจารย์จางนะ เขาดีกว่าสวี่เหยียนตั้งเท่าไหร่

ไป๋เยี่ยตอบเสียงนิ่ง “ศาสตราจารย์จางไม่ได้ประจำอยู่สาขาที่ผมสมัครนะ แต่ถ้ามีเวลาผมจะไปหาเขาดู”

สวี่เหยียนได้ยินเช่นนั้นก็สุขใจ “โอเค ถึงตอนนั้นก็มาบอกฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันพานายไปหาเอง แล้วก็…เรื่องธีสิส…รบกวนนายด้วยนะ ฉันจะไปพูดกับอาจารย์ดีๆ เลย”

หลิวจื้อมองไป๋เยี่ยด้วยสายตางงงวย

นี่คือไป๋เยี่ยที่เรารู้จักจริงเหรอ

ไป๋เยี่ยที่ไม่เอาการเอางาน แถมยังเอาแต่เล่นเกมทั้งวันน่ะนะ

เขามีสิทธิ์อะไร

เพราะเขาหล่อแค่นั้นเหรอ

เขาไปรู้จักกับพี่สวี่เหยียนได้ไง แล้วเขาจะช่วยพี่สวี่เหยียนได้จริงเหรอ

ไป๋เยี่ยที่วันๆ ไม่ทำการทำงาน ทำตัวเรื่อยเปื่อยไร้ประโยชน์เนี่ยนะ นายมีสิทธิ์อะไร!

มีเหรอที่ทั้งมหา’ลัยจะไม่รู้จักศาสตราจารย์จาง จางฮั่นหลินน่ะ…

แล้วศาสตราจารย์จางก็ดันอยากเจอเขาอีก เขามีดีอะไรนักหนา

แค่คะแนนพอก็ได้เรียนเลยเหรอ นี่นายเห็นศาสตราจารย์จางเป็นกระดาษหรือไง

หลิวจื้อทั้งไม่เข้าใจ ทั้งคับข้องใจ ทั้งยังโมโหมากด้วย!

ไป๋เยี่ยนั่งนิ่งด้วยความอึดอัดเล็กน้อย เขาบอกลาสวี่เหยียนและลุกขึ้นเดินออกไป

กลับมาที่ห้องสมุด ไป๋เยี่ยไม่ได้อ่านวิชาฝังเข็ม

วิชาฝังเข็มเป็นวิชาที่มีระบบของมันเอง แต่ก็เป็นวิชาที่มหัศจรรย์เช่นกัน มีทั้งระบบเส้นลมปราณทั้งสิบสอง[1] เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด[2] เส้นลมปราณสาขา[3] เส้นแนวผิวหนัง[4] เส้นลมปราณลั่ว[5]เอย ไม่ได้มีเพียงเรื่องระบบเส้นลมปราณทั้งสิบสองเท่านั้น

ทุกเส้นลมปราณล้วนมีตำแหน่งฝังเข็ม ทั้งจุดเบญจธาตุ[6] ได้แก่ จุดจิ่ง จุดอิ๋ง จุดซู จุดจิง และจุดเหอ จุดเชื่อมโยงเส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด[7] จุดอิทธิพลทั้งแปด[8]…ถ้าไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะให้ก็จะสับสนได้ง่าย

เขาหยิบหนังสือรวมโจทย์แพทย์แผนจีนขึ้นมาเริ่มทำแบบฝึกหัดวิชายาจีน เวชกรรม และอายุรศาสตร์ภายใน เขาทำอยู่ทั้งบ่ายจนเสร็จก็เป็นเวลาค่ำแล้ว โดยที่ประสิทธิภาพออกมาดีเกินคาด และไม่มีปัญหาอะไรกับโจทย์ที่ทำไป

ตอนนี้โทรศัพท์ของเขากำลังสั่น เมื่อเปิดดูก็เห็นว่ามีคนแอดเพื่อนเขามาเจ็ดแปดคนได้

ให้ทำวิเคราะห์สถิติให้กับธีสิสนี่เอง

หลังจากที่รับแอดแล้ว ไป๋เยี่ยก็กลับหอพักไป เขาไม่ได้ลงมือทำในทันที คืนนี้เขาไม่ได้คิดจะโต้รุ่งอยู่แล้ว

แต่เขากลับเปิดธีสิสของสวี่เหยียนขึ้นมา และแปลทั้งหมดนั่นโดยใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะทาง โดยเฉพาะส่วนที่เป็นการอภิปรายสถิติที่ต้องทำการแก้ไขชุดใหญ่เลยทีเดียว

เมื่อเช็กจนละเอียดและไม่พบปัญหาอะไรแล้ว เขาก็ส่งไฟล์กลับไปให้สวี่เหยียน

จากนั้นจึงได้พักผ่อนเสียที

[1] ระบบเส้นลมปราณทั้งสิบสอง คือ ระบบที่ทำหน้าที่เป็นช่องทางให้กับการไหลเวียนของเลือดลม

[2] เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด คือ เส้นลมปราณที่มีจุดเริ่มต้นและวิถีการไหลเวียนแบบเฉพาะ

[3] เส้นลมปราณสาขาทั้งสิบสอง คือ เส้นลมปราณที่แตกแขนงออกจากเส้นลมปราณหลักไปตามแขนขา และเข้าสู่อวัยวะภายในต่างๆ

[4] เส้นแนวผิวหนัง คือ การแบ่งเขตผิวหนังออกเป็นสิบสองเขตตามแนวการไหลของเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้น

[5] เส้นลมปราณลั่ว คือ เส้นลมปราณที่แยกออกมาจากจุดลั่วบนเส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้น

[6] จุดเบญจธาตุ คือ จุดฝังเข็มทั้งห้าจุดบนเส้นลมปราณหลักตั้งแต่บริเวณปลายนิ้วจนถึงข้อศอกหรือหัวเข่า โดยจุดทั้งห้าได้แก่ จุดจิ่ง (จุดพุ) จุดอิ๋ง (จุดธาร) จุดซู (จุดเติม) จุดจิง (จุดสาย) และ จุดเหอ (จุดรวม)

[7] จุดเชื่อมโยงเส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด คือ จุดฝังเข็มทั้งแปดบนเส้นลมปราณหลักที่สามารถเชื่อมไปยังเส้นลมปราณพิเศษได้

[8] จุดอิทธิพลทั้งแปด คือ จุดฝังเข็มทั้งแปดที่มีสารสำคัญจากอวัยวะมารวมอยู่