ตอนที่ 6 รังเกียจความสกปรก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 6 รังเกียจความสกปรก

จวนโหวเปิดหอบรรพบุรุษเพื่อทำพิธีรับเลี้ยงเยียนอวิ๋นเพ่ยแห่งบ้านรอง

โถงใหญ่เรือนหน้า

เยียนอวิ๋นเพ่ยถือถ้วยน้ำชาคุกเข่าอยู่บนพื้น นางถวายชาให้เซียวฮูหยิน

เพียงแค่เซียวฮูหยินรับถ้วยชาจากนางมาดื่มพอเป็นพิธี นางจะถูกรับเลี้ยงภายใต้นามของจวนโหวกลายเป็นบุตรสาวคนโตของบ้านใหญ่อย่างเป็นทางการ

จากนั้นนางจะสามารถแต่งกับหลิงฉางเฟิงอย่างถูกต้อง

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำหน้าใสซื่อ “ท่านแม่โปรดดื่มชา!”

นางข่มความตื่นเต้นดีใจเอาไว้จนใบหน้าแดงก่ำ

ซุนฮูหยินยืนมองอยู่ด้านข้าง

ดูจากภายนอก นางกำลังซับน้ำตาด้วยความเสียดายบุตรสาว

แต่ความเป็นจริงแล้ว ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความปีติยินดี

ของขวัญมูลค่าสูงที่มอบให้เฉินฮูหยินช่างคุ้มค่ายิ่งนัก

เดิมทีนางหวังเพียงให้เยียนอวิ๋นเพ่ยเป็นอนุภรรยาของหลิงฉางเฟิงเท่านั้น

ไม่คิดว่าลมข้างหมอนของเฉินฮูหยินจะมีอิทธิฤทธิมากจนแย่งงานแต่งของเยียนอวิ๋นเฟยมาได้

ซุนฮูหยินรู้สึกปลื้มปริ่ม

สาแก่ใจยิ่งนัก!

เฉินฮูหยินสาแก่ใจยิ่งกว่า

นางมีความมั่นใจอย่างประหลาด คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นได้เพราะลมข้างหมอนของนาง

นางมองเซียวฮูหยินที่ถูกบังคับให้จำยอม ไม่เพียงแต่ต้องยกงานแต่งของบุตรสาวให้ผู้อื่นแล้ว ยังต้องรับเลี้ยงเยียนอวิ๋นเพ่ยอีกต่างหาก

แม้แต่งานเลี้ยงที่เตรียมไว้ให้เยียนอวิ๋นเฟยก็ต้องยกให้เยียนอวิ๋นเพ่ย เฉินฮูหยินดีใจจนแทบจะปิดบังรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ไม่อยู่

คงมีเพียงเซียวฮูหยินที่ทนต่อความอยุติธรรมนี้ได้

หากเป็นนางคงอาละวาดจนจวนโหวอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว

หากไม่ถลกหนังของเยียนอวิ๋นเพ่ยลงมาสักชั้น นางไม่มีวันยอม

มีเพียงเซียวฮูหยินที่อดทนได้

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินใจกว้างยิ่งนัก”

เซียวฮูหยินไม่แม้แต่จะสนใจนาง

แม้เฉินฮูหยินจะไม่ได้รับการตอบสนอง แต่นางก็ไม่สนใจ อย่างน้อยนางก็ได้เห็นความอับอายของเซียวฮูหยิน

เซียวฮูหยินรับถ้วยชาจากเยียนอวิ๋นเพ่ย นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะโดยไม่ดื่มสักคำ

ทุกคนต่างมองไปยังเยียนโส่วจ้านด้วยความประหลาดใจ

เยียนโส่วจ้านไม่แม้แต่จะมอง เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

เซียวฮูหยินพูดขึ้นตรงๆ

“ชาแก้วนี้ ข้าจะดื่มหรือไม่ดื่มก็เหมือนกัน แท้จริงแล้วเรื่องเป็นอย่างไร ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ อวิ๋นเฟยรังเกียจความสกปรกของหลิงฉางเฟิงจึงไม่ยอมแต่งงานด้วย แต่การหมั้นหมายระหว่างตระกูลเยียนและตระกูลหลิงยังต้องรักษาเอาไว้ ดังนั้นจึงต้องให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งแทน พิธีรับเลี้ยงในวันนี้จึงเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าจะถูกรับเลี้ยงภายใต้นามของข้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิเรียกข้าว่าท่านแม่ เพราะว่าเจ้าไม่คู่ควร บุตราสาวของข้าไม่มีทางกระทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติยศของวงตระกูล ทำตัวตกต่ำเหมือนกับเจ้าเช่นนี้ ตัวเจ้าแต่ก่อนมีฐานะอย่างไร ต่อจากนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เจ้ายังคงพักอยู่ในบ้านรองจนกว่าจะออกเรือน”

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเพ่ยเปลี่ยนไป แม้จะรู้สึกอยุติธรรม แต่นางก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้

นางปาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร ทำท่าทางเหมือนคนถูกรังแก

ซุนฮูหยินยื่นออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่ อวิ๋นเพ่ยสำนึกผิดแล้ว”

พูดจบ นางก็เหลือบไปมองเฉินฮูหยิน หวังว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือออกมาช่วยเหลืออวิ๋นเพ่ย

เฉินฮูหยินปฏิเสธ!

เซียวฮูหยินหัวเราะ “หากสำนึกผิดจริง นางควรใช้ผ้าขาวปลิดชีพตนเองทิ้งเสีย ไม่ใช่แสดงสีหน้าได้ใจ คิดว่าแย่งงานแต่งของอวิ๋นเฟยได้จะอยู่เหนือกว่าอวิ๋นเฟยหรือ”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! พี่สะใภ้ใหญ่เข้าใจผิดแล้ว อวิ๋นเพ่ยไม่บังอาจเหนือกว่าอวิ๋นเฟยอย่างแน่นอน” ซุนฮูหยินรีบเอ่ยขึ้น

เซียวฮูหยินยิ้มอย่างมีนัย นางจ้องมองเยียนอวิ๋นเพ่ย

“อวิ๋นเพ่ย ภายในใจของเจ้าคิดอย่างไร พูดออกมาเถอะ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยลังเลเล็กน้อย พูดเสียงเบา “ข้าทำผิดต่อพี่อวิ๋นเฟย ข้าสมควรตาย ฮูหยินโปรดลงโทษ!”

เซียวฮูหยินหัวเราะเสียดสี “ข้าลงโทษเจ้าให้แต่งงานวันเดียวกับอวิ๋นเฟย”

เอ๊ะ?

เยียนอวิ๋นเฟยปฏิเสธงานแต่งกับหลิงฉางเฟิง เหตุใดยังมีการแต่งงานอีก

แต่งกับผู้ใด?

คนทั้งห้องต่างทำหน้าฉงน

เยียนอวิ๋นเพ่ยผงะไป!

เยียนอวิ๋นเฟยปฏิเสธหลิงฉางเฟิง ยังมีคนเอาอีกหรือ

นางยังหวังจะได้เห็นความอับอายของเยียนอวิ๋นเฟย สุดท้ายอีกฝ่ายยังมีคนเอา นางจะทำอย่างไรดี

เฉินฮูหยินไม่สามารถควบคุมความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ได้ นางถามเยียนโส่วจ้านด้วยความระมัดระวัง

“ท่านโหว อวิ๋นเฟยจะแต่งกับผู้ใดหรือเจ้าคะ”

เยียนโส่วจ้านไร้สีหน้า “อวิ๋นเฟยจะแต่งกับผู้ใด พวกเจ้าไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามงานแต่งยังคงตามเดิม เวลาเร่งรีบจึงไม่มีเวลาจัดงานเลี้ยงอีกงานให้อวิ๋นเพ่ย ถูไถไปก่อน ออกเรือนพร้อมกับอวิ๋นเฟยแล้วกัน”

มัน…

งานแต่งของเยียนอวิ๋นเพ่ยชุ่ย[1]ยิ่งนัก

คนทั้งห้องต่างเต็มไปด้วยความฉงน

เฉินฮูหยินยิ้มอย่างกระอักกระอวน “ระยะเวลาสั้นเพียงนี้ ท่านโหวและฮูหยินหมายหมั้นงานแต่งให้อวิ๋นเฟยได้รวดเร็วเหลือเกิน สามหนังสือหกพิธีการมีครบแล้วหรือ อวิ๋นเฟยเป็นบุตรสาวคนโตของจวนโหว ไม่อาจทำให้นางขายหน้าได้”

เซียวฮูหยินยิ้มเย้ยหยัน “หากฮูหยินรองอยากเห็นความอับอายของอวิ๋นเฟย ท่านคงต้องผิดหวังแล้ว แต่ท่านก็อย่ารีบร้อนไป รอวันที่อวิ๋นเฟยออกเรือน ท่านย่อมได้รู้ว่านางแต่งกับผู้ใด”

เฉินฮูหยินหัวเราะ “ลึกลับเช่นนี้ ต้องรอถึงวันออกเรือนถึงเปิดเผยตได้ หรือฝ่ายชายมีปัญหาด้านใดที่ทำให้ฮูหยินขายหน้าจึงเปิดเผยให้รู้ก่อนไม่ได้”

เซียวฮูหยินยิ้มพลางเลิกคิ้วขึ้น ไม่อยากสนใจอีกฝ่าย หากแต่ถามเยียนโส่วจ้าน

“ท่านโหวไม่จัดการเสียบ้างหรือเจ้าคะ ท่านโหวอย่าลืมเรื่องที่ตกลงกับข้าไว้”

เยียนโส่วจ้านคิ้วขมวดมุ่น ส่งเสียงตำหนิเฉินฮูหยิน

“เหตุใดเจ้าจึงอยากรู้ มีเวลาว่างถามเรื่องงานแต่งของอวิ๋นเฟย สู้เอาเวลาไปสั่งสอนอวิ๋นจือเสียดีกว่า นางไม่เคารพพี่สาว กิริยามารยาทเรียนมาจากที่ใด”

เฉินฮูหยินรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที

ดวงตาของนางแดงก่ำ “ท่านโหวตำหนิข้าก็พอแล้ว เหตุใดจึงต้องดึงอวิ๋นจือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นางยังเด็ก มีนิสัยเด็กก็เป็นเรื่องธรรมดา หากพูดถึงเรื่องกิริยา ผู้ใดจะแย่ไปกว่าคุณหนูสี่ อวิ๋นเกอ เหตุใดท่านโหวจึงไม่สั่งสอนอวิ๋นเกอเสียบ้าง”

“อวิ๋นเกอจะเหมือนกันได้อย่างไร หากอวิ๋นจือพูดไม่ได้ ข้าย่อมตามใจนางเช่นเดียวกัน”

เฉินฮูหยินถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก

ซุนฮูหยินมองซ้ายมองขวา

มันเกิดเรื่องใดขึ้นกัน

ท่านโหวโกรธเฉินฮูหยิน?

ไม่สมควร!

ท่านโหวโปรดปรานเฉินฮูหยินเพียงนั้น แต่กลับไม่ให้เกียรติเฉินฮูหยิน หากยังออกหน้าแทนเซียวฮูหยิน

หรือจะมีเรื่องที่นางไม่รู้?

หรืองานแต่งของเยียนอวิ๋นเฟยมีสิ่งใดแอบแฝง ท่านโหวจึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไป

เยียนโส่วจ้านไม่อยากพูดมาก “น้องสะใภ้รองพาอวิ๋นเพ่ยกลับไปเตรียมงานแต่งเถอะ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ทุกคนแยกย้ายไปได้!”

ซุนฮูหยินทำหน้าลำบากใจ “กำหนดการงานแต่งเร่งรีบเช่นนี้ สินติดตัวยังขาดไปอีกเล็กน้อย เวลาไม่ทันเจ้าค่ะ! สามารถ สามารถขอให้พี่สะใภ้ใหญ่ช่วยเหลือ เตรียมสินติดตัวแทนอวิ๋นเพ่ยสักเล็กน้อยหรือไม่เจ้าคะ อย่างไรแล้วในนามพี่สะใภ้ใหญ่ก็เป็นมารดาของอวิ๋นเพ่ย”

เซียวฮูหยินหัวเราะเย้ยหยันออกมา

“ท่านโหว ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่าอย่างไร ข้าบอกแล้วว่าบ้านรองได้คืบจะเอาศอก เป็นไปดั่งที่คาด แย่งงานแต่งของอวิ๋นเฟยไปยังไม่พอ พวกเขายังคิดจะแย่งสินติดตัวของอวิ๋นเฟย อวิ๋นเฟยของข้ามีชาติกำเนิดมาจากอนุภรรยาหรือ จึงสมควรถูกผู้อื่นรังแก”

เยียนโส่วจ้านกระอักกระอวนเล็กน้อย เขาถูกเซียวฮูหยินตำหนิจนไร้คำพูด

ไฟโกรธเต็มอกของเขาล้วนพุ่งตรงไปยังซุนฮูหยิน “หากรังเกียจสินติดตัวไม่มากพอ ไม่แต่งก็ย่อมได้! ข้าไม่ได้คาดหวังให้เยียนอวิ๋นเพ่ยแต่งกับหลิงฉางเฟิงให้ได้ ตระกูลเยียนมีคุณหนูมากมาย ขาดเยียนอวิ๋นเพ่ยเพียงคนเดียว ฟ้าคงไม่ถล่มลงมา”

เยียนอวิ๋นเพ่ยได้ยิน ร้อนใจจนน้ำตาไหลออกมา

นางเอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อน

“ข้าแต่ง ข้าแต่ง! สินติดตัวน้อยไปบ้างไม่เป็นอะไร ท่านพ่อวางใจ เมื่อถึงกำหนดงานแต่ง ข้าย่อมแต่งกับนายน้อยหลิง”

เยียนอวิ๋นเพ่ยเปลี่ยนคำเรียกได้อย่างคล่องปาก นางเริ่มแทนเยียนโส่วจ้านว่าท่านพ่อเสียแล้ว

นางพูดกับซุนฮูหยินผู้เป็นมารดาให้กำเนิด

“ท่านพูดน้อยลงเสียบ้างเถิด! ท่านจะทำให้ข้าแต่งไม่ออกถึงจะพอใจหรือ”

ซุนฮูหยินโกรธจนแทบจะเป็นลม

นางวุ่นวายมาหลายวันนี้เพื่อผู้ใด!

เพื่อเยียนอวิ๋นเพ่ยไม่ใช่หรือ

สุดท้ายบุตรสาวคนนี้กลับเป็นคนอกตัญญู เพิ่งถูกจวนโหวรับเลี้ยงไปก็รีบตัดขาดความสัมพันธ์กับนาง อีกทั้งยังตำหนิที่นางยุ่งไม่เข้าเรื่อง

ซุนฮูหยินกุมหน้าอก พยายามเตือนสติตนเอง

“ไม่โกรธ…ไม่โกรธ! ไม่จำเป็นต้องโกรธเพราะนางลูกไม่รักดี”

เยียนโส่วจ้านหมดความอดทนที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ เขาลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อจากไป

เซียวฮูหยินก็เตรียมตัวจากไป

เฉินฮูหยินไล่ตามนาง “อวิ๋นเฟยยอมยกงานแต่งกับตระกูลหลิงให้ผู้อื่น ฮูหยินคงได้ผลประโยชน์ไม่น้อย มิฉะนั้นท่านโหวคงไม่ออกหน้าแทนท่าน”

เซียวฮูหยินยิ้มอย่างมีนัยพลางมองนาง

“เจ้าอิจฉาหรือ ท่านโหวยังเดินไปไม่ไกล เจ้ารีบวิ่งตามไป ขอให้คุณหนูสาม อวิ๋นจือแต่งหลิงฉางเฟิง ข้าคิดว่าท่านโหวคงไม่ปฏิเสธ”

“ผู้ใดอยากได้หลิงฉางเฟิงกัน!” เฉินฮูหยินเกิดความโกรธภายในใจ

“เยียนอวิ๋นเพ่ยคิดว่าหลิงฉางเฟิงเป็นสมบัติล้ำค่า แต่อวิ๋นจือของข้าไม่ เหตุใดฮูหยินจึงต้องใส่ร้ายผู้อื่น”

เซียวฮูหยินยิ้ม “หากฮูหยินรองไม่มีเรื่องอื่นก็อย่าขวางทาง เหมือนดั่งที่สุภาษิตว่าไว้ สุนัขที่ดีย่อมไม่ขวางทาง”

“ท่าน…”

เซียวฮูหยินไม่หยุดชะลอแม้แต่น้อย นางเดินผ่านอีกฝ่ายไป!

เฉินฮูหยินโกรธจนกระทืบเท้า

[1]ชุ่ย หมายถึง ไม่ละเอียดประณีต