ตอนที่ 7 ชายหนุ่ม

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 7 ชายหนุ่ม

“ข้าทำให้ท่านแม่ต้องลำบากใจ!”

ภายในห้องหลักเรือนด้านหลัง เยียนอวิ๋นเฟยถือถ้วยชาด้วยสองมือพร้อมสีหน้าสำนึกผิด

เยียนโส่วจ้านยอมให้เยียนอวิ๋นเฟยแต่งกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน อีกทั้งผลักดันงานแต่งนี้ให้สำเร็จ

เงื่อนไขคือเซียวฮูหยินต้องรับเลี้ยงเยียนอวิ๋นเพ่ย เพื่อให้ตระกูลเยียนและตระกูลหลิงสามารถสานสัมพันธ์ได้อย่างราบรื่น

มันคือการแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์!

อีกทั้งต่างฝ่ายก็ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ!

หากไม่ตกลงรับเลี้ยง เยียนอวิ๋นเฟยอย่าคิดจะได้แต่งกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน นางต้องอยู่ในตระกูลจนแก่ชรา

ถึงแม้จะไม่เต็มใจ แต่เพื่อบุตรสาวแล้ว เซียวฮูหยินทำได้เพียงตกลงร่วมมือกับเยียนโส่วจ้าน

ภายหน้านางยังมีโอกาสจัดการกับเยียนอวิ๋นเพ่ยและคนของบ้านรอง

เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ท่านโหวผิงอู่ สืออุนนอกจากอายุมากและมีบุตรแล้ว เรื่องอื่นล้วนดีกว่าหลิงฉางเฟิงไม่น้อย

เซียวฮูหยินรับน้ำชามาจิบหนึ่งคำ นางพูดอย่างเป็นกังวล “ข้าปูทางให้เจ้าได้แต่งกับท่านโหวผิงอู่ สืออุนแล้ว เพียงแค่เจ้าอย่าเสียใจในภายหลังก็พอ”

เยียนอวิ๋นเฟยสายตาแน่วแน่ “ลูกไม่เสียใจอย่างแน่นอน!”

เส้นทางนี้นางเป็นคนเลือกเอง แม้จะต้องร้องไห้หรือคุกเข่า นางก็จะเดินให้ถึงปลายทาง

เซียวฮูหยินถอนหายใจ อย่างไรนางก็ยังรู้สึกสงสาร

เส้นทางแต่งงานกับสืออุน เดินได้ไม่ง่ายนัก!

นางพูด “แม่เรียกร้องสินเดิมติดตัวให้เจ้าเพิ่มสองหมื่นก้วนจากท่านพ่อของเจ้า นอกจากนี้ยังมีองครักษ์เพิ่มอีกร้อยนาย ท่านพ่อของเจ้ารู้ว่าตนเองกระทำผิด หากเจ้ายังมีเงื่อนไขอื่น ใช้โอกาสนี้รีบเสนอออกมา หากช้าไปกว่านี้ ท่านพ่อของเจ้าคงไม่ยอมรับ”

“ขอบคุณท่านแม่ที่คิดแทนลูก! ลูกต้องการสิงซือเหยียที่อยู่ข้างกายท่านพ่อ ท่านแม่สามารถขอมาให้ลูกได้หรือไม่”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าจึงต้องการสิงซือเหยีย”

เยียนอวิ๋นเฟยมีแผนการภายในใจ “ลูกออกเรือนไปยังตระกูลสือ ไม่สะดวกออกจากจวน ย่อมต้องมีผู้ดูแลคอยเฝ้าดูด้านนอก ดูแลกิจการ ซื้อใจผู้คนแทนลูก คิดไปคิดมา มีเพียงสิงซือเหยียที่เหมาะสมที่สุด”

เซียวฮูหยินลำบากใจเล็กน้อย “หากเป็นสิ่งอื่น ท่านพ่อของเจ้าย่อมรับปากได้ทันที หากแต่เป็นสิงซือเหยียคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ข้าจะลองเอ่ยปาก นอกจากนี้ เจ้ายังต้องได้รับความยินยอมจากสิงซือเหยียเองด้วย”

“ขอบคุณท่านแม่! เพียงแค่ท่านพ่อตกลง ทางสิงซือเหยียไม่ใช่ปัญหา”

“เอาเถิด!”

เยียนอวิ๋นเกอวิ่งเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ

เซียวฮูหยินตำหนิ “ไปเที่ยวเล่นที่ใดมาอีก เหงื่อเต็มใบหน้า ระวังไม่สบาย”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มหวาน

ร่างกายของนางแข็งแรงอย่างมาก ไม่มีทางไม่สบาย

เซียวฮูหยินไม่สนใจว่าร่างกายนางแข็งแรงหรือไม่ นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อบนหน้าผากให้อีกฝ่าย

พลางซับเหงื่อ พลางตำหนิ “วันๆ ไม่เห็นหน้า วิ่งไปที่ใดมาอีก เจ้าไม่ได้ไปหาเรื่องผู้อื่นใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้ว ก่อนที่เยียนอวิ๋นเพ่ยจะออกเรือนไปจะเกิดเรื่องไม่ได้ รอนางออกเรือนไปก่อนค่อยเกิดเรื่อง อย่างนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับจวนโหว”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา

ถึงแม้นางจะอารมณ์ร้าย แต่นางไม่โง่ ยิ่งไม่มีทางกระทำการใดบุ่มบ่าม

นางไม่มีทางลงมือกับเยียนอวิ๋นเพ่ยในเวลานี้

เซียวฮูหยินเม้มปากยิ้ม บีบแก้มของเยียนอวิ๋นเกอเบาๆ “ก่อนที่เยียนอวิ๋นเพ่ยจะออกจากแคว้นซ่างกู่ เจ้าอย่าได้ลงมือต่อนาง ท่านพ่อของเจ้าระแวงเจ้าอยู่ อย่าให้เขาจับได้”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าระรัว

นางรับรองว่าจะไม่สร้างความวุ่นวาย ยิ่งไม่มีทางทำให้คนจับได้

เยียนอวิ๋นเฟยจับมือของนาง เอ่ยกำชับ “น้องสี่อย่าได้เสี่ยงเพราะข้า มันไม่มีความจำเป็น ข้าจะได้แต่งกับสืออุนตามปรารถนา อนาคตมีโอกาสมากมายจัดการกับเยียนอวิ๋นเพ่ย”

เยียนอวิ๋นเกอกะพริบตา ไม่พูดสิ่งใด

นางมีแผนการในใจแล้ว

นางแอบติดต่อกับพี่สองเพื่อเตรียมจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว

เยียนอวิ๋นเพ่ยต้องการแต่งเข้าตระกูลหลิงอย่างปลอดภัย ฝันไปเถิด!

นายน้อยรองกลับจวน

เซียวฮูหยินมีบุตรสาวสามคนบุตรชายหนึ่งคน

นายน้อยรองเยียนอวิ๋นถงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเซียวฮูหยิน

เยียนอวิ๋นถงเพิ่งกลับมาถึงจวน ยังไม่ทันได้ทักทาย เขาก็พาคนบุกมาถึงบ้านรองโดยตรง

จวนของบ้านรองอยู่ในตรอกเดียวกับจวนโหว

เมื่อเขามีการเคลื่อนไหว ทั้งตรอกล้วนสั่นสะเทือนตาม

บ่าวรับใช้กังวลว่าจะเกิดเรื่อง จึงรีบรายงานไปยังท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน

เยียนโส่วจ้านโกรธจัด “นิสัยของเจ้ารอง ข้ารู้ว่าเขาต้องไม่ยอมอย่างแน่นอนเมื่อรู้เรื่อง นำคำสั่งของข้าไปให้นายน้อยใหญ่เตรียมคนเดินทางไปบ้านรอง นำตัวนายน้อยรองกลับมาให้ได้ เจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยทำให้ข้าสบายใจแม้แต่วันเดียว”

ทหารคนสนิทนำคำสั่งจากไป

เยียนโส่วจ้านบ่นกับที่ปรึกษาด้านข้าง “ข้าออกคำสั่งปิดข่าวต่อนายน้อยรองตั้งแต่แรก ป้องกันทั้งกลางวันทั้งกลางคืน แต่ยังป้องกันไว้ไม่อยู่ ผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าวออกไปกัน”

ที่ปรึกษาไม่พูด

เรื่องเกี่ยวข้องกับเรือนหลังของจวนโหว เรื่องเกี่ยวกับการแย่งชิงระหว่างบุตรที่กำเนิดจากภรรยาเอกและอนุภรรยา เรื่องเกี่ยวกับการแย่งชิงระหว่างภรรยาเอกและอนุภรรยา ที่ปรึกษารู้ว่าพูดสิ่งใดล้วนผิด

เมื่อเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือไม่พูด

เยียนโส่วจ้านไม่ได้คาดหวังว่าที่ปรึกษาจะตอบเขา

เขาพึมพำ “ย่อมต้องเป็นคุณหนูสี่ อวิ๋นเกอแอบแจ้งข่าวนายน้อยรองอย่างลับๆ เด็กคนนี้ก็ไม่เคยพักสร้างความวุ่นวายแม้แต่วันเดียว หากข้าไม่ได้เห็นแก่ที่นางพูดไม่ได้ มีความอัดอั้นภายในใจ ข้าจะปล่อยให้นางเหิมเกริมเช่นนี้ได้อย่างไร! เจ้าเด็กคนนี้นับวันยิ่งไร้กฎไร้เกณฑ์ สมควรสั่งสอนเสียที”

ที่ปรึกษาเหลือกตามองฟ้า

ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านเคยลั่นวาจาจะสั่งสอนคุณหนูสี่เยียนอวิ๋นเกอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง

การสั่งสอนเยียนอวิ๋นเกอหยุดไว้ที่วาจาเสมอ

อืม!

สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของจวนโหว

เวลานี้ บ้านรองแตกตื่น

เยียนอวิ๋นถงนำองครักษ์กลุ่มหนึ่ง บุกเข้าไปในบ้านรอง ตะโกนว่าจะฆ่าเยียนอวิ๋นเพ่ย

เยียนอวิ๋นเพ่ยกรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ หลบอยู่ในห้องไม่กล้าขยับตัว

บนกำแพง เยียนอวิ๋นเกอนั่งแกว่งขาทั้งสองข้าง พลางแทะเมล็ดธัญพืช พลางมองดูความสนุก

ใบหน้าระริกระรี้

ข่มขวัญเยียนอวิ๋นเพ่ยเสียหน่อย

เพื่อเป็นประโยชน์ต่อแผนการในภายหลัง

ในขณะที่นางกำลังดูอย่างออกรสออกชาตินั้น มีคนเข้าใกล้นางอย่างเงียบๆ

“สมกับเป็นละครชั้นดี!”

เสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู

เยียนอวิ๋นเกอหันหน้าไปอย่างเชื่องช้า

โอ๊ะ!

คนผู้นี้ไม่ใช่ชายหนุ่มสุภาพสง่างามที่อยู่ข้างกายของท่านโหวผิงอู่ สืออุนหรือ

เยียนอวิ๋นเกอตรงไปตรงมาอย่างมาก นางเขียนลงบนกระดาษ ‘หากข้าเดาไม่ผิด ตัวตนของเจ้าคงไม่อาจเปิดเผยได้ เจ้าปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวคนจำได้ ทำลายแผนการใหญ่ของท่านโหวผิงอู่ สืออุนหรือ?’

เซียวอี้กวาดตามองกระดาษ สุดท้ายสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของนาง “คนที่แอบมาดูที่ห้องพักวันนั้นคือเจ้าจริงด้วย”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว เขียนต่อ ‘นายน้อยต้องการพูดสิ่งใด’

เซียวอี้พลางมองดูความสนุกในบ้านรอง พลางพูด “พี่ใหญ่เจ้าละทิ้งหลิงฉางเฟิงมาแต่งกับท่านโหวผิงอู่ การตัดสินใจนี้ถูกต้องแล้ว แต่ก่อนอื่นคือนางต้องมีชีวิตรอดอยู่จนถึงวันนั้น”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว จรดปลายดินสอแหลมคมลงบนกระดาษ ‘วันไหน พูดให้ชัด’

เซียวอี้จ้องมองถ่านดินสอในมือของนาง “ได้ยินว่าสิ่งนี้คือถ่านดินสอที่เจ้าทำเอง เอามาให้ข้าลองใช้ดู”

ไม่รอนางตอบ เขาเอื้อมมือมาหยิบถ่านดินสอไปลองเขียนตามใจ

ตัวอักษรพลิ้วไหว แต่กลับสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตเจือจาง

อายุไม่มาก แต่ความอาฆาตภายในใจกลับยากเกินที่จะสงบ คนผู้นี้แปลกประหลาดยิ่งนัก

“ถ่านดินสอสะดวก แต่เขียนได้ไม่งดงามนัก ช่างลำบากเจ้าที่คิดวิธีสื่อสารกับผู้อื่นเช่นนี้ออกมาได้”

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าเย็นชา แย่งถ่านดินสอกลับมา เขียนลงกระดาษ ‘นายน้อยยังไม่ได้ตอบคำถามของข้า’

เซียวอี้พูด “ท่านโหวผิงอู่มีบุตรชายสามคน บุตรสาวสองคน ล้วนกำเนิดจากภรรยาเอก ระหว่างห้าพี่น้องต่างมีแผนการของตนเอง แย่งชิงกันอย่างดุเดือด พี่ใหญ่เจ้าแต่งเข้าไป หากต้องการยืนให้มั่น คงต้องถามความยินยอมของบุตรชายและสะใภ้คนโต ตักเตือนพี่ใหญ่ของเจ้า อย่ารีบร้อนมีบุตร หากจำเป็นต้องมีจริง มีบุตรสาวดีที่สุด”

เยียนอวิ๋นเกอหรี่ตาลง สายตาดุร้าย

คำพูดนี้มีความจริงมากน้อยเพียงใด

เหตุใดเขาต้องมาเตือน

มีจุดประสงค์ใด

เซียวอี้เลิกคิ้วด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องสงสัยในเจตนาของข้า ข้ากับพี่ใหญ่ของเจ้าไม่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์”

เยียนอวิ๋นเกอไม่เชื่อ

“เชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า” เซียวอี้พูดจบ ทำท่าจะกระโดดลงจากกำแพง

เยียนอวิ๋นเกอดึงเสื้อของเขาเอาไว้

เซียวอี้หัวเราะเสียงเย็น “คุณหนูสี่มีสิ่งใดชี้แนะ”

เยียนอวิ๋นเกอยกดินสอ เขียนลงไปอย่างรวดเร็ว ‘เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับท่านโหวผิงอู่’

เซียวอี้เลิกคิ้วพลางยิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาเมื่อมองผู้อื่น

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว สายตาของชายหนุ่มผู้นี้ช่างทำให้คนหลงใหล ไม่รู้เขาเป็นผู้ใดกัน

เพียงได้ยินเขาเอ่ยขึ้น “ข้าเรียกท่านโหวผิงอู่ว่าท่านลุง ข้าเป็นพี่น้องกับหลิงฉางเฟิง ข้ากับตระกูลเยียนไม่มีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์กัน เข้าใจแล้วหรือไม่”

พูดจบ เขาสะบัดเยียนอวิ๋นเกอออก กระโดดลงจากกำแพงหายลับไปด้านหลังภูเขาจำลองอย่างรวดเร็ว