ตอนที่ 4 เหลียงอ๋อง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สีหน้าของหลูผิงเปลี่ยนไปในทันที “ผู้ใดกันขอรับ!”

ผู้ใดกันที่สามารถหลบหลีกการอารักขาของผู้คุ้มกันจวนเจิ้นกั๋วกงจนลอบส่งสารไปให้คุณหนูใหญ่ที่เรือนในได้

“ข้าไม่เห็นคนส่งและก็ไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป!”

หลูผิงหลุบตามองดูปลายรองเท้าของตัวเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ

หากข่าวนี้มาจากบุคคลภายนอกละก็ องครักษ์อย่างพวกเขาสมควรตายจริงๆ…

“ข้าคิดอยู่นานแต่ก็รู้สึกว่ามันน่าสงสัยเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมีคนส่งข่าวจากหนานเจียงมาให้ข้า แทนที่จะส่งให้พวกผู้ใหญ่ดันเลือกวันที่คุณหนูรองกำลังออกเรือนอีกด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนหยุดฝีเท้าลงมองไปยังหลูผิงนิ่งๆ สีหน้านิ่งดั่งสายน้ำ

“เพราะฉะนั้นข้าเลยอยากให้ท่านไปที่จุ้ยอันฟางเพื่อสำรวจดูคนที่น่าสงสัยหน่อย…”

ไป๋ชิงเหยียนให้หลูผิงไปที่จุ้ยอันฟางด้วยตัวเองก็เพราะอยากให้เขาสืบเรื่องการลอบสังหารเหลียงอ๋องอย่างละเอียดทางที่ดีคือสืบให้รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ลอบสังหารเหลียงอ๋อง หากไป๋จิ่นซิ่วหลีกเลี่ยงเหตุการณ์การลอบสังหารเหลียงอ๋องไม่พ้นหลูผิงอยู่ที่นั่นเขาคงไม่ให้ไป๋จิ่นซิ่วเป็นอันตรายแน่

ไป่ชิงเหยียนไม่สามารถเล่าเรื่องที่เหลียงอ๋องจะถูกลอบสังหารให้แก่หลูผิงฟังได้จึงกุเรื่องนี้ขึ้นมา

“หลูผิงรับคำสั่งขอรับ” หลูผิงเอ่ยอย่างหนักแน่น

“ลุงผิงระวังตัวด้วย หากพบคนน่าสงสัยให้จดจำรายละเอียดไว้แล้วค่อยสืบหาภายหลัง มิเช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงเราอาจตกหลุมพรางของพวกมัน” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ

“คุณหนูใหญ่วางใจเถิด หลูผิงแยกแยะได้ขอรับ”

หลูผิงส่งร่มให้ชุนเถาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วจากไปอย่างรีบร้อน

เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนมองแผ่นหลังของหลูผิงอย่างเหม่อลอยชุนเถาจึงเอ่ยเตือนเบาๆ

“คุณหนูใหญ่ พวกเรากลับเรือนไปเปลี่ยนชุดให้มีสีสันสวยงามกว่านี้เถิดเจ้าค่ะ อีกสักครู่ก็จะมีการวาดภาพแล้ว เครื่องแต่งกายสีสวยภาพจะทำให้ภาพออกมาสวยนะเจ้าคะ”

นางละสายตาจากที่เดิม เนื่องจากป่วยมานานทำให้น้ำเสียงของนางทั้งเบาทั้งแหบ

“ข้าเหนื่อยแล้ว วันนี้คงไม่ไปร่วมด้วย…กลับกันเถิด”

ไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงเรือนชิงฮุย เสิ่นชิงจู๋ได้ยืนรออยู่ที่ระเบียงทางเดินครู่หนึ่งแล้ว

เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสของเสิ่นชิงจู๋ขอบตาของนางร้อนผ่าว เสิ่นชิงจู๋โตมากับไป๋ชิงเหยียนแม้เป็นนายกับบ่าวแต่เหมือนพี่สาวน้องสาวเสียมากกว่า

ตอนไป๋ชิงเหยียนอายุสิบขวบนางร้องขอให้ท่านปู่พานางไปรบด้วยท่านปู่ให้เวลานางสองปี หากนางสามารถฝึกองครักษ์หญิงออกมาได้ท่านจะอนุญาตให้นางตามไปออกรบด้วยเสิ่นชิงจู๋ก็คือคนที่นางเลือกในตอนนั้น

ต่อมาองครักษ์หญิงผู้นี้ปกป้องนางให้รอดพ้นจากอันตรายในสนามรบมาได้หลายครั้ง เมื่อนางอายุสิบหกนางปลอมกายเป็นบุรุษตามท่านปู่ไปออกรบเป็นครั้งที่สอง ถูกหอกของศัตรูแทงเข้าที่ช่วงท้องจนตกลงไปในแม่น้ำที่หนาวเหน็บของเดือนสิบสองเหล่าองครักษ์แทบทั้งหมดต่างมาช่วยกันงมหาถึงช่วยนางขึ้นมาจากน้ำได้

หมอทหารกล่าวว่าที่ไป๋ชิงเหยียนรอดชีวิตมาได้นับว่าโชคดีมากแล้ว ทว่าเรื่องการมีทายาทสืบทอดนั้นหมดทนทางแล้ว เสิ่นชิงจู๋โทษตัวเองที่ไม่สามารถคุ้มครองไป๋ชิงเหยียนให้ดีต่อมาจึงอาสาไปฝึกฝนตัวเองในกองทัพ รองแม่ทัพเสิ่นถูกใจจึงรับนางเป็นบุตรบุญธรรม แต่หลังจากเรียนสำเร็จแล้วนางกลับยืนกรานจะกลับมาที่จวนไป๋เพื่ออยู่ปกป้องคุ้มครองไป๋ชิงเหยียน

“เข้ามาสิ!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ชุนเถาแหวกม่านให้เสิ่นชิงจู๋ด้วยตัวเอง “เชิญแม่นางเสิ่นเจ้าค่ะ”

เสิ่นชิงจู๋ในชุดเครื่องแต่งกายเรียบร้อยเดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในห้อง กำมือขึ้นเพื่อทำคาราวะ

“คุณหนูมีอันใดจะสั่งหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนถอดเสื้อคลุมส่งให้ชุนเถา วางเตาผิงในมือลงนั่งลงบนโต๊ะแล้วลงมือเขียนจดหมาย เสิ่นชิงจู๋ไม่ได้เข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนมากนัก เกรงว่าไอหนาวจากร่างของนางจะแผ่ไปโดนไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนเขียนอย่างรวดเร็ววางพูกันขนหมาป่าลงหันไปกำชับชุนเถา

“ชุนเถา เจ้าไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้ามาใกล้”

“เจ้าค่ะ” ชุนเถาแหวกม่านเดินออกไป

ไป๋ชิงเหยียนปิดผนึกซองจดหมายถือจดหมายเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นชิงจู๋

“ชิงจู๋ เจ้าพาคนที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่งไปที่หนานเจียงเดี๋ยวนี้เลย ยิ่งเร็วเท่าไรได้ยิ่งดี มอบจดหมายนี้แก่คนตระกูลไป๋! เรื่องนี้เร่งด่วนมาก นอกจากเจ้าแล้ว…ข้าไม่ไว้ใจผู้อื่น”

“เจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋ไม่ถามให้มากความ สองมือรับจดหมายมากำลังจะเดินออกไปก็ถูกไป๋ชิงเหยียนรั้งแขนไว้เสียก่อน

“คุณหนูมีอันใดจะสั่งอีกหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนจับแขนด้วยแรงค่อนข้างมาก ดวงตาแดงก่ำของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“หากว่าคนตระกูลไป๋ของข้าไม่หลงเหลืออยู่แล้ว เจ้าต้องนำบันทึกสถานการณ์การรบของกองทัพไป๋มาให้ได้นะ นำจดหมายนี้มอบให้แก่แม่ทัพเสิ่น พ่อบุญธรรมของเจ้าตามหารองแม่ทัพหลิ่วฮ่วนจางของท่านปู่…ฆ่าเขาซะ”

เสิ่นชิงจู๋มองไป๋ชิงเหยียนอย่างตกตะลึง คนตระกูลไป๋ไม่หลงเหลือแม้แต่ผู้เดียว หมายความว่าอย่างใดกัน!

ไป๋ชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นชิงจู๋รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากรับคำอย่างหนักแน่น “ชิงจู๋น้อมรับคำสั่ง!”

เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเดินหน้าซีดออกมาจากด้านใน ชุนเถารีบแหวกม่านเดินเข้าไปขมวดคิ้วด้วยความกังวล ”คุณหนูใหญ่…”

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างเตาผิง มองไปที่เตาซึ่งกำลังจะมอดดับความว้าวุ่นในใจค่อยๆ สงบลง

ทำให้เต็มที่…

ส่วนที่เหลือให้ชะตาฟ้าลิขิตแล้วกัน!

“ชุนเถา ข้าเหนื่อยแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมึนศีรษะเล็กน้อย

“บ่าวพาคุณหนูเข้าไปพักนะเจ้าคะ”

ชุนเถาถอดปิ่นไข่มุกบนศีรษะของไป๋ชิงเหยียนออก เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดใส่สบาย นางนอนพักบนเตียงอยู่สองสามชั่วยาม จากนั้นก็ถูกฉินหมัวมัวบ่าวรับใช้ข้างกายของต่งซื่อปลุกขึ้นมาดื่มยาขม

เห็นท่าทีขมวดคิ้วอย่างทรมานของไป๋ชิงเหยียนหลังดื่มยาขมเสร็จ ฉินหมัวมัวก็สงสารจับใจรีบนำน้ำอุ่นไปให้ไป๋ชิงเหยียนกลั้วปาก

“คุณหนูใหญ่อดทนหน่อยนะเจ้าคะ หมอหงบอกว่าหากดื่มยาขมนี้ไปอีกสักสองสามเดือนอาการทนหนาวไม่ได้ของคุณหนูจะดีขึ้นเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดที่มุมปากหยิบลูกกวาดจากกล่องที่ชุนเถาถืออยู่ใส่เข้าปากจึงรู้สึกดีขึ้น

“พรุ่งนี้น้องรองจะออกเรือนแล้ว ท่านแม่ต้องยุ่งอีกหลายเรื่อง ฉินหมัวมัวเป็นดั่งมือซ้ายขวาของท่าน ท่านแม่ต้องการฉินหมัวมัว เขาไม่ต้องมาหาข้าวันละหลายรอบเช่นนี้หรอกช่วยไปบอกท่านแม่ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

ฉินหมัวมัว พยักหน้ารับ “เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปบอกให้เจ้าค่ะ”

เห็นไป๋ชิงเหยียนหยิบตำราพิชัยสงครามขึ้นมา ชุนเถาวางกล่องที่ถือไว้ลงอย่างรู้งานกล่าวยิ้มๆ

“ฉินหมัวมัว ชุนเถาไปส่งท่านเจ้าค่ะ”

ฉินหมัวมัวทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเดินไปด้านนอกพลางกำชับชุนเถา

“พรุ่งนี้ที่จวนมีงานใหญ่ พวกบ่าวรับใช้อาจเอาแต่คึกคะนองจนละเลยหน้าที่ ฉินหมัวมัวที่ดูแลข้างกายคุณหนูใหญ่จะกลับมาวันพรุ่งนี้ เจ้าอย่าลืมกำชับให้คนผิงเตาถ่านเติมถ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วย เตาผิงในห้องก็ต้องผิงให้อุ่นอยู่ตลอดเวลา คุณหนูใหญ่ทนหนาวไม่ได้ แล้วเตือนพวกที่เฝ้ายามกลางคืนด้วย”

“ฉินหมัวมัว วางใจได้เจ้าค่ะ” ชุนเถาแหวกม่านให้ฉินหมัวมัว “ชุนเถาจะคอยดูด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

ส่งฉินหมัวมัวกลับไป ชุนเถายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินยังไม่ทันจะกลับเข้าไปในห้องก็เห็นชุนเหยียนที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยหิมะวิ่งจากประตูเข้ามาที่ระเบียงทางเดิน นางปัดหิมะออกจากร่างพร้อมเอ่ยถามชุนเถา

“คุณหนูใหญ่ตื่นหรือยัง”

“ตื่นแล้วเพิ่งดื่มยาเสร็จ กำลังอ่านตำราอยู่” ชุนเถาช่วยปัดหิมะบนศีรษะของชุนเหยียนออกให้

“เจ้าไปทำอันใดมาถึงได้ตัวเย็นไปทั้งร่างแบบนี้ไม่กลัวแผ่ไปโดนคุณหนูหรือไง”

ชุนเหยียนยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ข่าวดี ข้าเข้าไปรายงานคุณหนูก่อนนะ คุณหนูจะได้อารมณ์ดีขึ้น!”

กล่าวจบชุนเหยียนแหวกม่านเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อนชุนเถาห้ามไว้ไม่ทัน

“คุณหนู!” ชุนเหยียนเห็นไป๋ชิงเหยียนเอนพิงหมอนใบใหญ่ซึ่งปักด้วยลวดลายเมฆสีทองพลางอ่านตำราอยู่ นางโค้งคำนับจากนั้นกล่าวออกมายิ้มๆ

“คุณหนูเจ้าคะ เช้าวันนี้พอเหลียงอ๋องรู้ข่าวเรื่องที่หมอหงมาที่จวน ท่านเป็นห่วงกลัวคุณหนูไม่สบาย เลยแอบมารออยู่ประตูหลังบ่าวรู้เข้าจึงรีบไปดู เหลียงอ๋องอึกอักกล่าวว่ามาเอาตำราพิชัยสงครามที่นายท่านกั๋วกงเคยเขียนบันทึกไว้เจ้าค่ะ…”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำว่าเหลียงอ๋องนางแข็งทื่อไปทั้งร่างแทบกลั้นโทสะเอาไว้ไม่อยู่มือที่วางอยู่บนโต๊ะจิกเข้ากับโต๊ะแน่นราวกับจะให้มันทะลุเข้าไปเนื้อไม้ ชาติที่แล้วนางก็มอบตำราพิชัยสงครามที่ท่านปู่เขียนบันทึกให้เหลียงอ๋องด้วยมือของนางเองแบบนี้