ตอนที่ 5 ชุนเหยียน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

เหลียงอ๋องเป็นดั่งเนื้อเน่าเฟะอันเกิดจากยาพิษซึ่งติดอยู่กับบาดแผลฉกรรจ์ของไป๋ชิงเหยียน เมื่อนึกถึงก็พร้อมจะสำแดงอาการทุกเมื่อ แม้ไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกขยะแขยงอยู่เป็นเวลานาน มันช่างน่ากลัวเสียจริง

เมื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปยังชุนเหยียนที่กำลังกล่าวอย่างดีใจ

“บ่าวได้ยินถงจี๋ บ่าวรับใช้ของเหลียงอ๋องกล่าวว่าเหลียงอ๋องมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยเจ้าค่ะ ท่านรออยู่จนถึงตอนนี้ เมื่อครู่บ่าวเห็นใบหน้าของเหลียงอ๋องเย็นเฉียบไปหมดแล้ว” ชุนเหยียนแสดงท่าทีเห็นใจออกมา

ไป๋ชิงเหยียนพลิกตำราหน้าถัดไป ไม่ได้สนใจ

ชุนเหยียนไม่เข้าใจ องค์ชายสูงศักดิ์น่านับถืออย่างเหลียงอ๋อง ยอมลดเกียรติฝ่าหิมะมารออยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงทั้งวัน นางยังประทับใจขนาดนี้ ทว่ากลับเห็นแค่ท่าทีเย็นชาของคุณหนูใหญ่ หรือว่าคุณหนูใหญ่ยังตัดใจจากซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวไม่ได้กัน

น้ำเสียงของชุนเหยียนแผ่วลงเล็กน้อย “องค์ชายกลัวว่าวันพรุ่งนี้ เมื่อซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวมาสู่ขอคุณหนูรองจะทำให้คุณหนูเสียใจ เลยอ้างเรื่องขอยืมตำราเพื่อจะได้พูดคุยกับคุณหนูเจ้าค่ะ”

“เจ้าตอบตกลงแทนคุณหนูอย่างนั้นหรือ!” ชุนเถาโกรธจนหน้าเขียว “เจ้านี่มันบังอาจเกินไปแล้ว! หากผู้อื่นล่วงรู้เข้าหาว่าเหลียงอ๋องกับคุณหนูใหญ่ลักลอบพบกัน ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ก็จบสิ้นกันพอดี!”

ชุนเหยียนมัวแต่ประทับใจ ลืมนึกถึงแง่ร้ายไปเสียสนิท ได้ยินชุนเถากล่าวเตือนแบบนี้ก็ตกใจในทันที “คุณหนู บ่าว…”

เกิดใหม่ชาตินี้ไป๋ชิงเหยียนถึงเข้าใจ ต่อมาชุนเหยียนแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายเหลียงอ๋องเต็มๆ เหมือนจะเป็นช่วงเวลานี้ที่นางพบกับเหลียงอ๋องและเกิดความรู้สึกดีๆ กับเขา

หญิงสาวถามเสียงนิ่ง “เหลียงอ๋องกล่าวอันใดบ้าง”

ชุนเหยียนกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ “องค์ชายกล่าวว่าจวนจงหย่งโหวใจแคบ แค่เพราะคุณหนูมีบุตรยากเลยให้ซื่อจื่อแต่งกับคุณหนูรองแทน จวนจงหย่งโหวแค่อยากแต่งงานกับคุณหนูแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเท่านั้น แต่งกับผู้ใดไม่สำคัญ แต่องค์ชายรู้สึกขอบคุณความใจแคบของจวนจงหย่งโหวที่เปิดโอกาสให้องค์ชายได้เผยความในใจกับคุณหนูเจ้าค่ะ”

เหลียงอ๋องหลอกลวงนางแบบนี้ หลอกสาวใช้ข้างกายผู้ภักดีต่อนาง หลอกมารดาของนาง คนตระกูลไป๋ต่างนึกว่าเหลียงอ๋องรักนางมากถึงขั้นไม่ใส่ใจเรื่องที่นางมีบุตรยาก

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง รังสีความเยือกเย็นแผ่ออกมาจากรอบๆ กายของหญิงสาว

ชุนเหยียนไม่รู้ว่าตนเองทำผิดไปหรือไม่ ยืนมึนงงอยู่กับที่ “คุณหนู บ่าว…บ่าวทำผิดไปหรือเจ้าคะ”

เหลียงอ๋องมาหาถึงที่เพื่อขอตำราพิชัยสงครามที่ท่านปู่ของนางเขียนบันทึกเอาไว้ หากนางไม่ให้ ด้วยนิสัยอยากเอาชนะของเหลียงอ๋อง เขาคงไม่ยอมจบง่ายๆ เป็นแน่ เกรงว่าต้องหาวิธีอื่นจนได้

เขาอยากคัดเลียนแบบลายมือของท่านปู่นางมิใช่หรือ ไป๋ชิงเหยียนมีตำราพิชัยสงครามที่ท่านปู่เคยมอบให้นางอยู่เล่มหนึ่งพอดี ในนั้นเขียนบันทึกโดยลายมือของจักรพรรดิเกาจู่ ไป๋ชิงเหยียนจึงมอบตำราเล่มนี้ให้เหลียงอ๋องไปคัดลอก

ไป๋ชิงเหยียนสะบัดผมยาวสีดำสลวยของตนเล็กน้อย สั่งให้ชุนเถาหยิบกล่องไม้สีแดงกล่องหนึ่งออกมาจากชั้นวางหนังสือ “เอาตำราพิชัยสงครามที่ท่านปู่เคยมอบให้ข้าเล่มนี้ไปให้เหลียงอ๋อง ฝากขอบพระทัยคำปลอบใจของเหลียงอ๋องแทนข้าด้วย”

“เจ้าค่ะ!” ชุนเหยียนรับกล่องไม้มาถือไว้ในมือ มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง รับคำอย่างว่องไว “บ่าวจะนำไปให้เหลียงอ๋องเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”

ชุนเถาไม่วางใจ ดึงรั้งชุนเหยียนเอาไว้พร้อมกำชับเสียงต่ำ “ตอนที่เจ้าไปพบเหลียงอ๋องระวังตัวสักหน่อย อย่าหาเรื่องเดือดร้อนมาให้คุณหนูเด็ดขาด! มิเช่นนั้น ต่อให้คุณหนูเมตตา แต่ทางฮูหยิน…เจ้าเกิดใหม่อีกหลายชีวิตก็ไม่พอชดใช้เป็นแน่”

“พี่ชุนเถาวางใจเถิดเจ้าค่ะ!”

ชุนเหยียนเป็นคนร่าเริงตรงไปตรงมา คิดเพียงว่าเหลียงอ๋องคงเอาชนะใจคุณหนูของนางได้แล้ว ประคองกายมั่นกอดกล่องไม้สีแดงเอาไว้แน่นจากนั้นวิ่งออกไป

ลมเหนือพัดจนเกล็ดหิมะปลิวว่อนไปทั่วในอากาศ แม้ว่าหน้าต่างไม้จะปิดแน่นสนิทแต่ก็ยังมีเสียงลมพัดดังแว่วมาจากด้านนอก

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับมาอ่านตำราพิชัยสงครามต่อ ตอนนี้นางไม่ใช่คนเดิมที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่เหมือนคราที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้เกิดใหม่แรกๆ แล้ว

หวนนึก…นึกย้อนไปเมื่อชาติที่แล้ว สิ่งที่ทำให้ตระกูลไป๋ตกอยู่ในจุดตกอับเช่นนั้น นั่นก็คือ จดหมายทรยศ ที่ถูกค้นเจอในห้องหนังสือของท่านปู่นั่นเอง

เห็นได้ชัดว่า คนของเหลียงอ๋องหรือคนของหลี่เม่าได้แฝงตัวเขามาอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ผู้ที่สามารถเข้ามาในห้องหนังสือของท่านปู่ได้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไป๋ชิงเหยียนไม่รีบร้อน นางยังมีเวลาที่จะจับตัวคนผู้นั้นออกมา

เป็นเวลานานทีเดียวในชาติที่แล้วที่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเหลียงอ๋องกับหลี่เม่าถึงได้ร่วมมือกับหลิวฮ่วนจางฆ่าผู้ชายในตระกูลไป๋ของนางจนหมดสิ้น ต่อมานางถึงเข้าใจ

สิ่งที่พวกเหลียงอ๋องต้องการคือกองทัพของตระกูลไป๋ แต่ตระกูลไป๋ไม่เหมือนกับตระกูลอื่นที่อนุญาตให้แค่บุรุษเรียนการสู้รบเท่านั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าตั้งแต่บุตรสาวคนโตอย่างไป๋ชิงเหยียนเป็นต้นมา…ลูกหลานทุกคนในตระกูลไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีต่างก็ต้องเรียนรู้ศิลปะการสู้รบ การขี่ม้า การยิงธนู

ต่อให้บุรุษในตระกูลไป๋จะไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ทว่า หากตระกูลไป๋ยังมีคนที่ยังมีชีวิตอยู่…ขอแค่คนผู้นั้นไม่ใช่คนอ่อนแอด้อยปัญญา ทหารกล้าแห่งกองทัพตระกูลไป๋ก็จะไม่มีวันฟังคำสั่งของผู้อื่นเป็นอันขาด

ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ไป๋ชิงเหยียน คุณหนูรอง ไป๋จิ่นซิ่ว คุณหนูสาม ไป๋จิ่นถง พวกนางล้วนเคยติดตามท่านปู่ไปออกรบ สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพไป๋ด้วยกันทั้งสิ้น

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง กำตำราที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น

ชาติที่แล้ว ทุกครั้งที่นางนึกถึงการนองเลือดของตระกูลไป๋ จิตใจของนางจะร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา โกรธแค้นที่ไม่อาจถลกหนังเลาะกระดูกของพวกหลิวฮ่วนจาง หลี่เม่าออกมาได้ แต่กลับหลงอยู่ในความรักเสแสร้งจอมปลอมของเหลียงอ๋อง ยอมรับใช้เขาอย่างเต็มใจ

ความเจ็บปวดในตอนนั้น บีบหัวใจจนนางใจแทบสลาย แต่นางยังผ่านมันมาได้เลย

บัดนี้สวรรค์เมตตาให้นางกลับมาอีกครั้ง แม้ไม่แน่ใจว่าจะทันเปลี่ยนโชคชะตาของท่านปู่และบิดาของนางได้หรือไม่ แต่นางสามารถแก้ไขเปลี่ยนตอนจบของตระกูลไป๋ได้

อย่าให้ความแค้นมาครอบงำจิตใจเด็ดขาด อดทนมาได้ตั้งหลายปี ตอนนี้ท่านย่า ท่านแม่และสตรีทุกคนในตระกูลไป๋ยังอยู่ครบ นางมีอะไรให้หวาดกลัวกัน

ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่รีบร้อน…

ต้องจัดการไปทีละเรื่อง

นางจะเป็นคนลากพวกคนถ่อยที่ใส่ร้ายจวนเจิ้นกั๋วกงของนางลงมาจากที่สูงด้วยตัวของนางเอง…

ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง จวนเจิ้นกั๋วกงซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นชั้นๆ บัดนี้เต็มไปด้วยควันไฟจากการเตรียมอาหาร

ประตูด้านหน้าของจวนเจิ้นกั๋วกงถูกแขวนประดับด้วยโคมไฟและผ้าไหมสีแดง ประตูถูกเปิดออกกว้าง

ลานด้านหน้า แม่บ้านชุลมุนวุ่นวาย บ่าวกวาดบ้าน บ่าวตักน้ำเดินเข้าๆ ออกๆ ประตูอย่างเป็นระเบียบ

ลานด้านหลัง เรือนชิงจู๋ของคุณหนูรอง ไป๋จิ่นซิ่วก็อึกทึกครื้นเครงแล้วเช่นกัน บรรดาหมัวมัว สาวใช้ต่างวุ่นวายกันทั่วหน้า ส่วนเรือนหลังอื่นยังคงสงบนิ่ง

เรือนชิงฮุย หญิงชราสองคนในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนถือบุ้งกี๋ไม้สานซึ่งบรรจุถ่านเอาไว้ พอเทถ่านลงไปในเตาเพื่อเพิ่มเชื้อเพลิงเสร็จ ก็เห็นไฟในเรือนนอนของไป๋ชิงเหยียนสว่างขึ้นพอดี

ยามเฉิน[1]

ไป๋ชิงเหยียนรับประทานอาหารเช้าเสร็จ สวมเสื้อคลุมซึ่งหนามาก สองมือประคองเตาอุ่นมือเอาไว้ เดินไปยังเรือนของไป๋จิ่นซิ่ว ชุนเถา ชุนเหยียนและบรรดาสาวใช้เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียน คอยรับใช้อย่างระมัดระวัง

เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินมาถึงเรือนนอนของไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นซิ่วเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดพิธีการเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมจะแต่งหน้า แต่ได้ยินเสียงสาวใช้ด้านนอกทักทาย “คุณหนูใหญ่” ไป๋จิ่นซิ่วผลักมือของหมัวมัว ที่กำลังเติมแป้งให้นางออกทันที จับชายกระโปรงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปต้อนรับ แววตาทั้งตะลึงทั้งดีใจ

“พี่หญิงใหญ่ หิมะตกหนักขนาดนี้ ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่กลัวจะไม่สบายหรือ!”

เตาผิงสองเตาในเรือนของไป๋จิ่นซิ่วไฟระอุดีมาก อบอุ่นกำลังดี พรมสีแดงห้าผืน ภายในเรือนเต็มไปด้วยลำไยและถั่วลิสง ทุกอย่างเป็นสีแดง ช่างเป็นมงคลยิ่งนัก

ไป๋ชิงเหยียนยื่นเตาอุ่นมือให้ชุนเถา ปลดเสื้อคลุมออก กุมมือของไป๋จิ่นซิ่วแล้วเดินจูงเข้าไปด้านใน ดันให้ไป๋จิ่นซิ่วนั่งลงตรงด้านหน้าโต๊ะประทินโฉม

“พี่มาส่งเจ้า ชุนเถานำของเข้ามา…”

ชุนเถารับกล่องผ้าใบยาวมาจากสาวใช้ เดินเข้ามาด้านใน ทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่ว จากนั้นเปิดกล่องผ้าออก

[1] ยามเฉิน ช่วงเวลาตั้งแต่ 7.00 – 9.00 น.