บทที่ 6 มิใช่ว่าผู้อาวุโสที่เคารพคือเซียนหรอกนะ

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 6 มิใช่ว่าผู้อาวุโสที่เคารพคือเซียนหรอกนะ

สัมผัสแห่งฟ้าดินไยล้ำเลิศถึงเพียงนี้?

นี่ข้าเข้ามาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเซียนหรือไร?

ลวี่เหลียงสัมผัสได้ถึงแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพีอยู่ทั่วทุกที่ ขณะที่ปราณฟ้าดินในธรรมชาติช่างเลิศเลอและดีเยี่ยม มากพอที่จะให้เขาบ่มเพาะไปชั่วชีวิต!

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ชายชรายังคงถูกสรวงสวรรค์แห่งนี้ครอบงำอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาจมจ่อมในวิถีแห่งเต๋า ความเข้าใจในมรรคาก็เพิ่มมากขึ้น!

“บรรลุแล้ว!?”

ลวี่เหลียงนิ่งอึ้งไปในบัดดล ตนยังไม่ทันได้เข้าใจในวิถีแห่งเต๋าให้ดี กลับบรรลุขอบเขตซึ่งติดค้างมานานเหลือเกินได้แล้ว ลางสังหรณ์ของเขาช่างแม่นยำเสียจริง!

หากได้ทำความเข้าใจต่อไป มันจะดีขึ้นแค่ไหนกันหนอ?

คิด ๆ ดูแล้ว สำนักเมฆาลับฟ้าเองก็เป็นสำนักใหญ่เช่นกัน ยามเจ้าสำนักรู้แจ้งเห็นชัดในมรรคาแห่งฟ้าดินแล้วจึงสร้างวิถีแห่งเต๋าของตนเองขึ้นมา ครานั้นทั่วบูรพาทิศถึงกับตื่นตะลึง ผู้ฝึกตนต่างปรารถนาที่จะมาร่ำเรียนที่นี่

ผู้ฝึกตนมากมายต่างเรียกเจ้าสำนักว่าเป็นอัจฉริยะจากฟากฟ้า ซ้ำยังทำให้ผู้คนหันมาฝึกมรรคาแห่งฟ้าดินกันมากมาย ด้วยเหตุนี้ สำนักเมฆาลับฟ้าจึงเป็นสำนักแรกที่รุ่งเรืองและทรงพลังมาก!

ทว่าเมื่อเอามันมาเทียบกับวิถีแห่งเต๋าในภาพวาดนี้ มรรคาฟ้าดินของสำนักเมฆาลับฟ้ากลับไม่สามารถเทียบได้แม้แต่หนึ่งในล้านด้วยซ้ำ!

ช่องว่างนั้นกว้างใหญ่เกินไป และไม่ใช่ระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย!

สัมผัสแห่งฟ้าดินของภาพวาดนี้คือหนทางสู่โลกอันกว้างใหญ่ ตรงกันข้ามนั้น มรรคาแห่งฟ้าดินของสำนักเมฆาลับฟ้าเป็นได้เพียงหนทางสู่หลืบมุมของโลกเท่านั้น…

“พวกเราเคยรู้สึกพึงพอใจกับวิถีของตน หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงกบในก้นบ่อน้ำ!”

ลวี่เหลียงอับอายเป็นอย่างยิ่งเมื่อนึกทบทวน

ก่อนได้มาเจอกับวิถีแห่งเต๋าอันยอดเยี่ยมและเลิศเลอเช่นนี้ เขากับสมาชิกสำนักเมฆาลับฟ้าต่างภาคภูมิใจในมรรคาแห่งฟ้าดินของสำนักตนเองเป็นอย่างมาก

มาคิดตอนนี้แล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายยิ่ง พวกเขายังเรียกเมฆาลับฟ้าว่าเป็นสำนักวิถีแห่งเต๋า ทั้งที่ความเป็นจริงคือ พวกเขาเพียงแตะชายขอบของวิถีแห่งเต๋าเท่านั้น

“ท่านผู้เฒ่าชอบภาพวาดข้าหรือไม่”

เมื่อหลี่จิ่วเต้ากลับมา เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นลวี่เหลียงกำลังมองดูภาพวาดของเขาด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม มันเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ

นี่ผู้เฒ่าท่านนี้ฟื้นตัวเร็วจนสามารถลุกจากเตียง แล้วเดินมาได้ไกลถึงเพียงนี้เลย?

ดูท่าชายชราจะดีขึ้นแล้วจริง ๆ!

“ยิ่งกว่าชอบเสียอีก นี่มันสมบัติหาที่ใดเปรียบ! ข้าไม่เคยพบภาพวาดแบบใดที่เป็นเช่นนี้มาก่อนเลย”

ลวี่เหลียงกล่าวด้วยใจจริง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เพียงหนึ่งตวัดเส้นก็สร้างธรรมชาติ และเพียงหนึ่งหมึกแต่งแต้มกลับสร้างวิถีแห่งเต๋าได้ ไหนจะสัมผัสฟ้าดินที่ปรากฏขึ้นบนกระดาษอย่างสมจริง ท่านเอ๋ย ท่านช่างเป็นอัจฉริยะเสียจริง!”

“ท่านผู้เฒ่ากล่าวชมกันเกินไปแล้ว มิไม่สมควรได้รับคำชมมากมายถึงเพียงนี้จากท่านผู้เฒ่าเลยสักนิด”

หลี่จิ่วเต้าเอ่ยอยากถ่อมตน

ถึงอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็ยังดูภาคภูมิใจไม่น้อย

นอกจากเรื่องบ่มเพาะแล้ว ชายหนุ่มภูมิใจกับทักษะมากมายของตนเป็นอย่างมาก เพราะสำหรับเรื่องนี้แล้ว มีเพียงคนน้อยนิดที่สามารถสู้กับเขาได้จริง ๆ

‘มันเป็นไปได้ด้วยหรือที่จะเผยให้เห็นวิถีแห่งเต๋าอันน่าตื่นตาและเลิศเลอได้ในภาพวาดภาพเดียว?’

‘การบ่มเพาะของผู้อาวุโสช่างน่าตกตะลึงเสียจริง…’

ลวี่เหลียงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่ง!

“เช่นนั้น ข้าขอไปทำอาหารให้ท่านผู้เฒ่าก่อนแล้ว”

หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับของบางอย่าง และเริ่มทำอาหารด้วยทักษะที่มีในระบบ

ทักษะการทำอาหารของเขาเองก็อยู่ใน ‘ขั้นเทวะ’ ด้วยเหตุนี้ ฝีมือการทำอาหารของหลี่จิ่วเต้าจึงถือว่าอร่อยยิ่ง หากยังอยู่ที่ดาวเคราะห์สีฟ้า แน่นอนว่าเขาต้องโดนสรรเสริญว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการทำอาหาร สังหารพ่อครัวทุกคนในไม่กี่วินาทีเป็นแน่

‘ผู้อาวุโสจะทำอาหารอะไรนะ’

ลวี่เหลียงอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย เขาแอบมายังลานเล็กเพื่อดูหลี่จิ่วเต้าทำอาหาร

ด้วยหน้าต่างครัวเปิดอยู่ ทำให้ชายชราเห็นข้างในได้ชัดเจนมาก

ทักษะมีดของหลี่จิ่วเต้าทำให้เขาตื่นตาตื่นใจยิ่ง มิหนำซ้ำเครื่องเคียงต่าง ๆ ยังถูกหลี่จิ่วเต้าตัดอย่างประณีตบรรจง เมื่อมีดถูกเงื้อขึ้น มันกลับมีจังหวะวิถีเต๋าอันเลิศล้ำอยู่ ซึ่งดูน่ามหัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก!

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ฝึกวิถีแห่งกระบี่ หากมีผู้ฝึกวิถีกระบี่อยู่ที่นี่ ไม่แคล้วพวกเขาต้องกระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้นเป็นแน่ สำหรับผู้ฝึกวิถีกระบี่แล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดียิ่ง!’

ลวี่เหลียงมองภาพนี้ด้วยนัยน์ตาเปี่ยมอารมณ์ และความเคารพนับถือที่มีต่อหลี่จิ่วเต้าก็เพิ่มขึ้นไปอีก

‘เดี๋ยวนะ…วัสดุของมีดเล่มนี้…’

ดวงตาของชายชราจดจ้องไปยังมีดที่ผู้อาวุโสใช้ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นตกใจ วัสดุของมีดดูคล้ายกับทองจักรพรรดิซึ่งมีบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณบางเล่ม!

แสงประกายเย็นวาบและกลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายได้พลันแผ่ขยายออกมา ซ้ำแล้วมันยังพร้อมกับแรงกดข่มที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ลวี่เหลียงอ้าปากค้างนิ่งอึ้งไปในบัดดล!

‘ปราณมังกร…! นี่มันมีดทำครัวซึ่งทำจากลวดลายมังกรทองจักรพรรดินี่นา!?’

กลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายได้นั้นมีรูปร่างเหมือนมังกรสวรรค์ที่มีพลังมังกร ลวี่เหลียงตัดสินใจทันทีว่า วัสดุทำมีดทำครัวนั้นคือทองจักรพรรดิลายมังกรอันหายากที่สุดนับตั้งแต่อดีตกาลมา!

‘สวรรค์ ภูมิหลังและรากเหง้าของผู้อาวุโสท่านนี้อยู่ที่ไหนกันแน่!?’

ลวี่เหลียงตกใจจนไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ออกมา ดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ขณะที่ร่างกายของเขาสั่นเทาราวกับฟางข้าว

สำหรับทองจักรพรรดิลายมังกร บนโลกใบนี้มันนับเป็นสิ่งที่ได้หายากซึ่งมากด้วยพลังอันมหาศาล

แม้แต่จักรพรรดิเก้าชั้นฟ้า ผู้ซึ่งอยู่ยงคงกระพันเหนือทุกช่วงวัยและเป็นตัวตนเหนือโลกหล้าออกค้นหามัน ยังเจอเพียงแค่ทองจักรพรรดิลายมังกรขนาดเท่าเล็บมือเท่านั้น

ภายหลังนั้น จักรพรรดิเก้าชั้นฟ้าได้นำทองจักรพรรดิลายมังกรขนาดเท่าเล็บตีเป็นกระบี่เล่มเล็ก ซึ่งถูกเรียกว่า กระบี่ลายมังกรทอง 

กระบี่เล่มนี้ขนาดไม่ได้ใหญ่มากไปกว่าเล็บ แต่ถึงกระนั้น มันยังน่าหวาดหวั่นจนแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ทนไม่ได้ เขาถึงขั้นแบ่งกระบี่เล่มนี้ออกเป็นสองส่วน!

“มีดทำครัวใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วทองจักรพรรดิลายมังกรจะใหญ่ขนาดไหน…”

แต่เดี๋ยวก่อน…

มีดในครัวกลับทำมาจากทองจักรพรรดิลายมังกร!?

สวรรค์ ช่างสิ้นเปลืองโดย!

ลวี่เหลียงถึงกับอับจนคำพูด เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอันยากจะเชื่อได้

ชายชรายืนอยู่ ณ ที่นั้นราวกับได้กลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว สีหน้าของเขาดูซับซ้อนและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

“ถึงเวลาทำอาหารแล้ว”

หลังจากหลี่จิ่วเต้าใช้มีดทำครัวแปรสภาพวัตถุดิบทำอาหารเสร็จแล้ว เขาก็มองไปยังมีดทำครัวในมือด้วยความพอใจ

ต่อให้ระบบที่เขาได้มาจะไม่ตรงกัน แต่รางวัลมากมายยังถือว่ารับได้ และเขาก็พึงพอใจกับมันเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ทักษะมากมายขึ้นไปถึง ‘ขั้นเทวะ’ ระบบก็ให้รางวัลกับหลี่จิ่วเต้าไม่น้อย

เช่นเดียวกับธนูคันใหญ่ มีดทำครัวเล่มนี้เองก็เป็นรางวัลของระบบ และเขาใช้มันเข้ามือมาก

นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่มีดทำครัวเท่านั้น แม้แต่หม้อต้มอาหาร ช้อนและชุดทำครัวเองก็เป็นรางวัลจากระบบเช่นกัน

หลี่จิ่วเต้าปรุงผักด้วยทักษะที่มี ขณะที่การเคลื่อนไหวของเขาเองก็ไหลลื่นดุจเมฆาเคลื่อนคล้อยและสายน้ำไหล เมื่อลวี่เหลียงเห็นชุดทำครัวเช่นกระทะและตะหลิว เขาก็นิ่งอึ้งมากกว่าเดิม

‘มันทำจากวัสดุระดับเดียวกับทองจักรพรรดิทั้งหมดเลย…!’

ชายชราถึงกับพูดไม่ออก หลังจากตรวจสอบดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาพบว่าทั้งกระทะและสิ่งของอื่น ๆ ล้วนเหมือนกับทองจักรพรรดิที่บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ นี่คือชุดทำครัวทองจักรพรรดิชัด ๆ!

‘ใช้ชุดทำครัวทองจักรพรรดิปรุงผักอย่างสบายใจเช่นนี้ มิใช่ว่าผู้อาวุโสที่เคารพเป็นเซียนหรอกนะ!’

‘จักรพรรดิจริง ๆ คงมิกล้าทำตัวฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองถึงเพียงนี้หรอกใช่หรือไม่?’

ลวี่เหลียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผู้อาวุโสท่านนี้ดูจะทรงอำนาจยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียแล้ว!

“ท่านผู้เฒ่าหิวแล้วหรือ? รอประเดี๋ยว ทุกอย่างใกล้เสร็จแล้ว”

หลี่จิ่วเต้าเพิ่งเห็นลวี่เหลียงยืนกลืนน้ำลาย จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“มิต้องรีบ มิต้องรีบ”

ลวี่เหลียงรีบตอบกลับทันที

ทว่ามุมปากของเขากลับมีน้ำลายสอตลอด แน่นอนว่ามันทรยศเขาสุด ๆ

‘อาหารที่ทำจากชุดทำครัวทองจักรพรรดิจะรสชาติเป็นอย่างไรกันนะ?’

เขาตั้งตารอเลยทีเดียว!

หลี่จิ่วเต้ายิ้มและไม่เอ่ยคำใดอีก ชายหนุ่มหันกลับไปจดจ่อกับการทำอาหาร ไม่นานจากนั้น กลิ่นอันโอชะก็โชยออกมายั่วน้ำลาย

ลวี่เหลียงได้กลิ่นนั้นก็เคลิบเคลิ้มในทันที มุมปากมีน้ำลายไหลออกมามากกว่าเดิมเสียอีก