สายลมยามเช้าพัดผ่านเข้าไปในเต็นท์ที่ฉีกขาด
ด้วยความหนาวเย็นที่ทะลุผ่านเข้าไปในผ้าห่มของฉัน ฉันเลยตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนาวสั่น
“อึ๋ย”
เช้าของอีกวันหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฉันขยี้ตาของตัวเองและมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบร่างของหญิงสาวอยู่ภายในเต็นท์เลย
บางทีเธออาจจะหนีไปแล้วในตอนกลางคืนเพราะกลัวแมลง
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง การหายตัวไปของเธอทำให้ฉันยิ้มอย่างพึงพอใจได้
“เอเฮะเฮะ”
ฉันบิดขี้เกียจและหัวเราะออกมาเบา ๆ จนทำให้เกิดเสียงแปลก ๆ ขึ้นมา ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจในเสียงนั้นเท่าไหร่ เนื่องจากในตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขอยู่สุด ๆ
การใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนที่มีจิตใจอ่อนแอจะทนอยู่ได้
ฉันรู้สึกภูมิใจที่จิตใจของฉันแข็งแกร่งกว่าของหญิงสาว…
หวืด—
มีคนเปิดประตูเต็นท์และเดินเข้ามา
“โอ้ ตื่นแล้วเหรอ?”
มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฉันคุ้นเคยดี
ฉันยืดตัวตรงด้วยความตกใจ
“ค-คุณไปไหนมา…?”
“พี่ไปล้างหน้าด้วยน้ำที่ลำธารมา น้ำเย็นมากจนพี่หายง่วงเลย”
“อ่า…”
ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในตอนเช้า
เธอแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก
อนาคตของฉันดูไม่ง่ายเลยเมื่อมีเธออยู่
“เมื่อกี้นี้เธอขำทำไมเหรอ?”
หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดหน้าของตัวเอง และเดินเข้ามาหาฉัน
คำถามที่โจ่งแจ้งของเธอทำให้ฉันสำลัก
เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันหัวเราะทำไม เธอคงอยากจะแกล้งฉันเลยถามหาเหตุผล
ในขณะที่ฉันกำลังหาข้อแก้ตัวอยู่นั้น ฉันก็จับหางที่อยู่ข้างหลังฉัน
“ต-ตอนฉันหลับ สิ่งนี้มันมาจั๊กจี้ฉัน…”
“อ่า เพราะหางนี่เอง”
หญิงสาวเอื้อมมือของเธอไปที่หางของฉัน
ราวกับกลไกป้องกันตัวถูกกระตุ้นให้ทำงาน จู่ ๆ หางของฉันก็ฟุบกลับไปที่หลังของฉันด้วยตัวของมันเอง
“อ่า”
ทำไมจู่ ๆ มันถึงขยับไปเองล่ะ?
ฉันมองไปที่เด็กสาวอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตึงเครียด
“ขอโทษ พี่คงจะล้ำเส้นเกินไปใช่ไหม?”
เธอขอโทษฉันและก้าวถอยหลังออกไป
แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นการขอโทษแบบแกล้งทำ
เศร้า โกรธ ปละหลาดใจ
เธอคงจะสงสัยใคร่รู้ปฏิกิริยาทางจิตวิทยาของหนูทดลองของเธอเองในสถานการณ์ต่าง ๆ
เมื่อฉันคิดได้ดังนั้น ฉันก็ตัดสินใจที่จะไม่เล่นไปตามเกมของเธอ
“ฉันต้องไปแล้ว…”
ฉันลุกขึ้นยืนและทิ้งหญิงสาวไว้ข้างหลัง
ฉันเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันเพื่อความอยู่รอดของฉันขึ้นอีกครั้ง
“เธอจะไปไหนเหรอ?”
“…ไปล่าแรบบิทฮอร์น”
“ร-แรบบิทฮอร์น…?”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างงุนงง
มันก็คงจะดูไร้สาระมาก ที่คนที่เกือบโดนแรบบิทฮอร์นฆ่าตายคิดจะไปล่ามัน
เพราะมันดูเหมือนกับว่าฉันตั้งใจจะไปสร้างปัญหาให้กับกิลด์อีกครั้ง
ฉันรู้ตัวดีว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้ยางอาย แต่ถ้าหากความไร้ยางอายมันทำให้ฉันมีชีวิตรอดต่อไปได้ ฉันก็จะเป็นคนไร้ยางอาย
“ถ้าฉันไม่ไปล่าแรบบิทฮอร์น ยังไงฉันก็ตายอยู่ดี…”
“ถ้างั้นพี่ขอไปด้วยได้ไหม?”
“…ไปด้วย?”
เธอกลัวว่าร่างกายที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันของเธอจะถูกฆ่าอย่างงั้นเหรอ?
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่า เธอก็แค่อยากเก็บข้อมูลร่างกายที่เปลี่ยนไปของฉัน ดังนั้นเธอเลยอยากตามฉันไปพื้นที่ล่าด้วย
ถึงแม้ฉันจะรู้เจตนาของเธอแล้ว แต่ฉันก็สมเพชตัวเองเช่นกันที่ไม่สามารถปฏิเสธเธอได้
ฉันพยักหน้าตอบหญิงสาว และหยิบกรรไกรทื่อ ๆ ขึ้นมา
“งั้นฉันขอตัดผมก่อนแล้วค่อยไป”
“ตัดผมเหรอ?”
“ใช่ ฉันต้องตัดออกเพื่อให้ฉันดูเหมือนผู้ชาย”
ในขณะที่ฉันกำผมไว้ในมือและกำลังจะใช้กรรไกรตัดผมที่กำไว้ หญิงสาวก็เอานิ้วมาขั้นไว้ตรงระหว่างใบมีดของกรรไกร
มันเป็นช่วงเวลาที่อันตราย ฉันเกือบจะตัดผมไปพร้อมกับนิ้วของเธอแล้ว
‘เธอคงจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ‘
ฉันเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยความตกใจและตระหนักได้ว่า
ด้วยความอ่อนแอของฉันแล้ว ฉันคงไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดขวดให้กับผิวของเธอได้หรอก
มันเป็นการกังวลโดยไม่จำเป็น
“ฉันต้องตัดผม…”
“เดี๋ยวสิ ทำไมเธอต้องแต่งตัวเหมือนผู้ชายด้วย?”
“เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับฉัน”
“เรื่องเลวร้าย…? เคยมีคนทำเรื่องไม่ดีกับเธอมาก่อนงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของหญิงสาวซีดลง
เธอคงจะตกใจเมื่อคิดว่าร่างกายที่เธออุตส่าห์ดัดแปลงอย่างสุดความสามารถเคยเป็นของเล่นให้กับใครคนอื่นมาก่อน
“ฉันไม่เคยถูกทำเรื่องไม่ดี เนื่องจากฉันมักจะเดินไปรอบ ๆ ด้วยเนื้อตัวที่สกปรกอยู่ตลอด”
“อ่า…เพราะแบบนี้นี่เอง…”
หญิงสาวถอนหายใจ และจับกรรไกรที่อยู่ในมือของฉัน
เธอค่อย ๆ หยิบกรรไกรออกไปจากมือของฉัน ราวกับว่าเธอต้องการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับฉัน
“ก-กรรไกรของฉัน!”
ฉันไปพื้นที่ล่าโดยที่ยังไม่ได้ตัดผมไม่ได้หรอก
ฉันเอื้อมมือไปคว้ากรรไกรอย่างเร่งรีบ แต่เธอก็ยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้จับได้
“พี่จะปกป้องเธอเอง เพราะงั้นไม่ตัดผมได้ไหม?”
ทำไมฉันถึงตัดเส้นผมไม่ได้ล่ะ?
ฉันพยายามตีความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหญิงสาว
—อย่าบังอาจมาเจ็บเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวบนร่างกายที่ฉันสร้าง
มันน่าจะหมายความว่าอย่างนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการบีบบังคับ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายกับฉันในตอนนี้เลย
ด้วยความหลงใหลในระดับนี้เธอ เธอคงจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายฉันแน่
“ก-ก็ได้ ฉันจะไปทำตัวให้สกปรกขึ้นอีกนิดหน่อย แล้วค่อยไป”
“ไปโดยที่ไม่ต้องเนื้อตัวสกปรกไม่ได้เหรอ? พี่ขอสัญญาเลยว่าพี่จะปกป้องเธอ”
เธอคิดจะควบคุมฉันมากแค่ไหนกัน?
ถึงแม้ว่ามันจะน่ากลัว แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการปฏิบัติตามคำสั่งของเธอแล้ว
“โอเค…”
——————————————————————————————————————————
ถ้าเดินจากที่นี่ไปยังพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่ ก็จะใช้เวลาประมาณสามสิบนาที
ฉันก็อยากจะเดินไปด้วยเท้าอยู่หรอก แต่ด้วยความหัวแข็งของหญิงสาว ทำให้ฉันขึ้นรถไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ขับรถไปมันไปถึงได้เร็วกว่า จริงไหม?”
“ใช่ มันเร็วกว่า”
พอเดินทางด้วยรถ ก็ไปถึงจุดหมายโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที
เมื่อฉันพอใจกับการประหยัดเวลาแล้ว ฉันก็มองไปรอบ ๆ ของพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่
‘วันนี้มีคนอยู่เยอะเลย’
พื้นที่ล่าของพวกมือใหม่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง
คนธรรมดาที่ออกล่าเป็นงานอดิเรก เด็กนักเรียนในคลาสฝึกซ้อม นักผจญภัยมือใหม่ที่กำลังสร้างรากฐานให้ตัวเอง
“เฮ้! ตรงนั้นมีสไลม์!”
ตุบ—!
สไลม์ที่ตัวใหญ่เท่าหัวคน พุ่งเข้าชนใส่ร่างกายของเด็กผู้ชาย
เด็กผู้ชายหงายหลังล้มกลิ้งไปกับพื้นสามรอบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ่า ถ้านายทำพลาด นายก็ควรบอกฉันให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ”
“โทษที โทษที”
พวกเขาหัวเราะกันคิกคัก
เด็กผู้ชายที่พลาดการโจมตีใส่สไล์พูดขอโทษพร้อมกับหัวเราะออกมา
เด็กชายที่กลิ้งไปกับพื้นก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน เขาจับไปที่ท้องราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงเรื่องที่น่าขัน
‘…สุดยอด’
ถ้าเป็นฉัน ฉันคงตายเพราะกะโหลกแตกแน่
พวกเขาล่ามอนสเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวความตาย ฉันอิจฉาพวกเขาในเรื่องนี้มาก ๆ
หากแต่เพียงฉันมีมานาเพียงสักนิดละก็
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเสียใจและเดินเข้าหามาฉัน
“สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย มีเรื่องอะไรที่กวนใจเธออยู่งั้นเหรอคยออุล?”
“มีคนอยู่เยอะเกินไป”
“ด้วยคู่แข่งที่มีอยู่เยอะ ทำให้การล่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก”
ใช่
ในขณะที่ฉันกำลังตอบคำถามของหญิงสาวอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อยู่ในพุ่มหญ้าที่อยู่ห่างไกล
มันเป็นเสียงของสัตว์สี่ขาที่กระโดดไปมา
“ฮืม?”
ถึงแม้ว่ามันจะโดนหญ้าปิดไว้ แต่ฉันก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามันคือแรบบิทฮอร์น
หูของฉันเริ่มขยับเอง ราวกับว่ามันกำลังติดตามแรบบิทฮอร์นอยู่
‘หูของฉันมันดีขึ้น…?’
ด้วยความที่มันเป็นหูของสัตว์ ยังไงมันก็ต้องดีกว่าหูของมนุษย์อยู่แล้ว
ฉันไม่ได้สนใจมันมากนัก และเริ่มทำการใส่ลูกบอลเหล็กลงไปในหนังสติ๊กที่ฉันทำเอง
ลูกบอลเหล็กมีราคาแพง ราคาของลูกบอลเหล็กแต่ละอันอยู่ที่สองร้อยวอน
จุดอ่อนของแรบบิทฮอร์นอยู่ที่เขาของมันที่มีขนาดเท่านิ้วหนึ่งนิ้ว
ถึงแม้จะยากไปสักนิด แต่มันก็บอบบางและการฆ่าแรบบิทฮอร์นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเขาของมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วเท่านั้น
ฉันจงใจส่งเสียงฝีเท้าให้แรบบิทฮอร์นได้ยิน
แรบบิทฮอร์นมีนิสัยชอบเงยหัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียง
—บี๊บ
แรบบิทฮอร์นเงยหัวขึ้นในพุ่มหญ้าที่กำลังสั่นไหว
เวลาที่พวกมันใช้ในการตัดสินใจว่าจะโจมตีหรือหนีอยู่ที่ประมาณหนึ่งวินาที
แต่ก่อนที่จะถึงเลานั้น ฉันก็ยิงลูกเหล็กไปที่เขาของมัน
แก๊ก—!
“เพล้ง!”
ลูกบอลเหล็กขนาดเท่าเหรียญทำให้เขาของแรบบิทฮอร์นแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ
มันเป็นความแม่นยำที่น่าเหลือเชื่อมาก
“ว้าว”
ความสามารถทางกายภาพของฉันเพิ่มขึ้นหลังจากที่ถูกดัดแปลง?
ฉันเบิกตากว้างและมองไปที่หญิงสาวด้วยความประหลาดใจ
เธอมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว น่าทึ่งมากเลย เธอจับมันได้แล้วเหรอ?”
แปะ แปะ แปะ—
เธอปลบมือให้ฉันอย่างเบา ๆ
เนื่องจากฉันไม่คุ้ยเคยกับคำสรรเสริญ ฉันจึงก้มหน้ามองลงพื้น
การได้ยินคำชมที่ไม่ได้ยินมานานแล้วหลายปีมันไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย
“เฮะเฮะ”
ฉันเกาหลังศีรษะด้วยความเขินอาย และเงยหน้าขึ้น
ฉันรู้ตัวช้าเกินไปว่าเธอไม่ได้ชมฉัน แต่เธอชมร่างกายที่ถูกดัดแปลงต่างหาก
‘เธอกำลังเล่นกับหัวใจของผู้คน’
ฮึ่ม
ฉันวิ่งไปหาแรบบิทฮอร์นโดยที่ทิ้งหญิงสาวไว้ข้างหลัง
หญิงสาวเดินตามฉันไป
“คยออุลจับแรบบิทฮอร์นได้กี่ตัวต่อวันงั้นเหรอ?”
“ฉ-ฉันเหรอ?”
“ใช่”
ถ้าโชคดีก็จับได้หนึ่งตัวต่อสามวัน แต่ถ้าโชคไม่ดีก็จะจับได้หนี่งตัวต่อสัปดาห์
ฉันชั่งใจตัวเองว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาวดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจที่จะพูดโกหกออกไป
เพื่อไม่ให้ตฉันดูอ่อนแอในสายตาของเธอ
“ฉันจับได้หนี่งตัวในทุก ๆ สองวัน”
“หนึ่งตัวต่อสองวัน?”
“ใช่…”
ทุก ๆ สองวัน
ฉันโกหกมากเกินไปหรือเปล่า?
ฉันมองไปที่หญิงสาวอย่างกังวลใจ โดยที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บศพของแรบบิทฮอร์น
“คยออุลมีรายได้วันละห้าพันวอนงั้นเหรอ?”
“ห้าพันวอน?”
“ใช่ ก็แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละหนึ่งหมื่นวอน”
แรบบิทฮอร์นตัวละหนึ่งหมื่นวอน?
เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงเอาซะเลย
“พูดเรื่องอะไรของคุณ? แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละสามพันวอนต่างหาก”
“…อะไรนะ?”
“จุดซื้อขายที่อยู่ตรงนั้น พวกเขารับซื้อแค่ตัวละสามพันวอน”
สายตาของเธอเปลี่ยนไปจ้องมองที่จุดซื้อขาย
แม้จะมองจากระยะไกล แต่ด้วยการเพิ่มวิสัยทัศน์ของตัวเองให้มากขึ้น ทำให้เธอสามารถมองเห็นตัวอักษรที่อยู่บนป้ายได้
——— ซื้อขาย ———
—แรบบิทฮอร์น [ราคาตลาด]
—สไลม์ [ราคาตลาด]
—กระรอกดิน [ราคาตลาด]
———————
“เห็นตรงที่เขียนว่าราคาตลาดไหม? ในวันดี ๆ บางครั้งพวกเขาก็รับซื้อแรบบิทฮอร์นในราคาสามพันห้าร้อยวอน”
ฉันหวังว่าจะได้รับเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยวอนในวันนี้
ในขณะที่ฉันกำลังจับแรบบิทฮอร์นขึ้นมา หญิงสาวก็พูดอะไรบางอย่างที่น่าตกตะลึงออกมา
“ไม่หรอก เธอโดนหลอกแล้ว…”
“ฮะ…?”
เป็นไปไม่ได้หรอก
แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละสามพันวอนไม่ใช่เหรอ?
ฉันยืนตัวแข็งทื่อด้วยความสับสน ในขณะที่จับแรบบิทฮอร์นขึ้นมา