ตอนที่ 7 ร้านอาหารที่หรูหราและมีเกียรติ

I Was Kidnapped By The Strongest Guild

ฉันคิดมาตลอดว่ากระต่ายมีเขามีมูลค่าอยู่ที่สามพันวอนต่อตัว แต่มูลค่าจริง ๆ ของมันอยู่ที่หนึ่งหมื่นวอนต่อตัว

 

ด้วยความรู้สึกอัปยศอดสูและอ้างว้าง ฉันอ้าปากค้างพร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสาว

 

“คุณเป็นผู้จัดการของที่นี่ไม่ใช่เหรอ…? ในพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่มันไม่ควรจะมีการโกงเงินลูกค้าแบบนี้สิ…”

 

จนถึงตอนนี้ฉันโดนโกงเงินไปมากเท่าไหร่แล้ว?

 

ฉันคิดเลขภายในหัว

 

ฉันออกล่าในพื้นที่ตรงนี้มาสามปีแล้ว แสดงว่าฉันต้องถูกโกงเงินแล้วอย่างน้อยหนึ่งล้านวอน

 

มันเป็นเงินจำนวนมากที่ฉันไม่เก็บถึงเลยในชีวิตนี้

 

“พี่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น…!”

 

หญิงสาวโบกมือของเธออย่างบ้าคลั่ง จนดูน่าสงสาร

 

“คุณเป็นผู้จัดการของที่นี่จริง ๆ ไม่ใช่เหรอ?”

 

“จริงอยู่ที่พี่เป็นผู้จัดการของที่นี่ แต่พี่ก็ไม่ได้เงินจากการทำงานตรงนี้เลยแม้แต่วอนเดียว…!”

 

ทำงานโดยที่ไม่ได้ค่าจ้างงั้นเหรอ?

 

ประมาณว่าเธอทำงานแบบอาสาสมัครใช่ไหม?

 

ฉันขวาดคิ้วของฉันขึ้นอย่างไม่พอใจและจ้องมองไปที่หญิงสาว

 

“ทำไมคุณถึงทำงานแบบฟรี ๆ ล่ะ?”

 

“มันเหมือนเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตน่ะ ค้นหานักผจญภัยที่มีแววรุ่งพร้อมกับสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วยการช่วยเหลือสังคม”

 

“สร้างภาพลักษณ์ที่ดี…?”

 

ภาพลักษณ์ที่ดีของแม่มด

 

มันไร้สาระพอ ๆ กับทำให้กระต่ายมีเขาเชื่องเลย

 

ฉันเงยหน้ามองหญิงสาวพร้อมกับทำท่าปากแบะ

 

“อ่า เอ่อ…พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง”

 

หญิงสาวก้มศีรษะลงเมื่อเห็นการแสดงออกของฉัน

 

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการขอโทษอย่างผิวเผินเพื่อที่จะได้ ‘ภาพลักษณ์ที่ดี’ จากผู้คนรอบ ๆ

 

แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ตัดสินใจให้อภัยเธอ

 

“โอเค แต่อย่าทำอีก ตกลงไหม?”

 

“ข-เข้าใจแล้ว…พี่จะไม่ทำเด็ดขาด”

 

หญิงสาวแสดงรอยยิ้มที่อึดอัดใจ

 

ไหล่ของเธอตกลง ราวกับคนที่ถูกสูบพลังงานทั้งหมดในร่างกายออกไป

 

มาหมดพลังเพราะการโกงของตัวเอง

 

ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริง ๆ

 

“ในทางกลับกัน ตั้งแต่นี้ไปฉันจะขายกระต่ายมีเขาตัวละหนึ่งหมื่นวอน ตกลงไหม?”

 

“ตกลง และพี่ก็จะคืนเงินทั้งหมดที่เธอถูกโกงไปด้วย”

 

“อะไรนะ?”

 

เธอไม่ใช่เจ้าหนี้นอกระบบสักหน่อย เธอจะไปเอาเงินมาจากที่ไหนกัน?

 

ก่อนที่ฉันจะได้ไขข้อสงสัยของตัวเอง หญิงสาวก็คว้ากระต่ายมีเขาและวิ่งไปที่จุดซื้อขาย

 

หวือ—

 

เธอวิ่งเร็วมากจนยากที่ฉันจะตามทัน

 

ฉันทำได้เพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังของเธอ

 

‘เธอวิ่งเร็วมากเลย’

 

จุดซื้อขายอยู่ห่างออกไปสองถึงสามกิโลเมตร

 

ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะวิ่งออกไป แต่หญิงสาวก็วิ่งไปถึงที่จุดซื้อขายแล้ว

 

มันดูห่างไกลอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ชัดเจนราวกับอยู่ตรงหน้าของฉัน

 

นี่สายตาของฉันดีขึ้นขนาดไหนกัน?

 

หางของฉันเริ่มกระดิกเอง เนื่องจากความสามารถทางกายภาพที่เพิ่มขึ้นของฉัน

 

ถึงแม้รูปลักษณ์ของฉันจะเปลี่ยนไป แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะฉันก็แข็งแกร่งขึ้น

 

‘ด้วยอัตรานี้ ฉันสามารถล่ากระต่ายมีเขาได้สองตัวต่อวัน’

 

กระต่ายมีเขาสองตัวต่อวันมันหมายถึงเงินสองหมื่นวอนต่อวัน

 

มันเป็นจำนวนเงินที่เปิดโอกาศให้ฉันทำอะไรได้อย่างมากมาย

 

ถ้าฉันได้เงินตรงนี้มา สิ่งแรกที่ฉันจะทำก็คือไปซื้อเทปกาวมาปิดรอยรั่วของเต็นท์

 

ในขณะที่ฉันกำลังเพลิดเพลินไปกับจินตนาการของตัวเองอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามาหาฉัน

 

“เด็กน้อย หนูหลงทางเหรอ?”

 

“คะ…?”

 

เมื่อหันมองด้านข้าง ฉันก็พบผู้หญิงวัยกลางคนที่ฉันไม่รู้จัก

 

ด้วยความตกใจที่จู่ ๆ เธอก็เข้ามาหา ฉันจึงก้าวถอยหลังออกไป

 

“ป้าก็แค่ห่วงว่าทำไมถึงได้มีมนุษย์สัตว์อยู่ตัวคนเดียว ผู้ปกครองของหนูอยู่ไหนงั้นเหรอ?”

 

“ฉ-ฉัน…”

 

เธอเข้ามาหาฉันด้วยความเป็นห่วงงั้นเหรอ?

 

หลังจากคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ฉันจึงสรุปได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

 

ไม่มีคนที่มีเจตนาที่บริสุทธิ์ในโลกใบนี้หรอก

 

“ฉันไม่รู้!”

 

ฉันวิ่งไปตามทุ่งหญ้ากว้างโดยที่ไม่สนใจผู้หญิงวัยกลางคน

 

ขอบคุณที่ดัดแปลงร่างกายของฉัน ฉันเลยวิ่งได้เร็วกว่าปกติ

 

“แฮ่ก แฮ่ก”

 

จุดหมายที่ฉันจะไปคือป่า ป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้

 

เมื่อลึกเข้าไปในป่า ฉันก็ไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ที่เงียบสงบและอ้าปากเพื่อรับอากาศ

 

“แฮ่ก”

 

ทำไมต้องแสร้งทำตัวดีด้วย หน้าฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อนแท้ ๆ ?

 

ฉันหยิบหินที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาและขว้างมันออกไปด้วยความหงุดหงิด

 

เปรี้ยง—

 

หินกลิ้งไปตามพื้นและไปหยุดอยู่ที่ร้องเท้าของใครบางคน

 

ฉันเงยหน้ามองหญิงสาวที่คุ้นเคยด้วยความตกใจ

 

“อ๊ะ”

 

ฮันยอรึม

 

ฉันโล่งใจที่เธอไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่แล้วฉันก็ตัวแข็งทื่อ

 

ก็แค่คนที่จะมาข่มขู่ฉันอีกคนหนึ่ง ดังนั้นฉันไม่มีเหตุผลให้โล่งใจหรอก

 

ไม่มีเหตุผลอะไรให้โล่งใจเลยสักนิด ในเมื่อเธอเองก็เป็นภัยคุกคามต่อฉัน

 

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้เหรอ?”

 

“…ไม่รู้ ฉันไม่บอกคุณหรอก”

 

ฉันขว้างหินอีกก้อนหนึ่งไปที่พื้นอย่างหยาบคาย แต่ก็ขว้างอย่างแน่ใจว่ามันจะไม่โดนเธอ

 

“พี่มีของขวัญดี ๆ มาให้เธอด้วยนะ เธอจะบอกพี่ไหมถ้าพี่เอามันมาให้ดู?”

 

“ของขวัญดี ๆ ?”

 

เธอเดินเข้ามาหาฉัน และยื่นมือที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา

 

ในมือของเธอเต็มไปด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจจินตนาการได้

 

“ท-ทั้งหมดนี่มันเท่าไหร่กัน?”

 

“พี่เอาเงินที่เธอถูกโกงไปมาคืนให้ มีพนักงานที่นิสัยไม่ดีอยู่ที่จุดซื้อขายคนหนึ่ง”

 

“อ่า…”

 

เธอคงจะหมายถึงผู้ชายที่มักจะเข้าหาฉันก่อนเสมอเมื่อฉันเอากระต่ายมาขาย

 

ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่การที่มาแทงข้างหลังฉันแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

 

“เงินทั้งหมดตรงนี้เป็นของเธอ”

 

“ท-ทั้งหมดเลยเหรอ?”

 

“ใช่ ทั้งหมดเลย”

 

เธอยื่นปึกธนบัตรมาให้ฉัน

 

มันเป็นปึกธนบัตรที่หนามาก จนยากที่จะยอมรับ

 

“ท-ทั้งหมดนี่เท่าไหร่?”

 

“สามล้านวอนและพนักงานที่โกงเธอถูกไล่ออกแล้วด้วย”

 

“ส-สามล้านวอน!”

 

ฉันรับเงินมาจากเธอและชูมันขึ้นไปในอากาศ จากนั้นฉันก็เริ่มนับมันบนพื้นทีละใบ

 

มีธนบัตรอยู่สามร้อยใบพอดี

 

มันเป็นจำนวนเงินที่ถ้าหากฉันไม่กินอาหารเลยและทำงานหนักตลอดสามปีก็ยังหาไม่ได้

 

‘รางวัลสูงถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยไม่ใช่เหรอ?’

 

มันเป็นเงินที่มีค่ามาก แต่เมื่อได้รับแล้วก็ต้องตอบแทนด้วย

 

ฉันแยกธนบัตรออกมาห้าสิบใบและยื่นพวกมันไปที่มือหญิงสาว

 

“เอานี่ไปสิ”

 

“อะไรเหรอ?”

 

“เงินรางวัล”

 

ฉันพยายามมอบเงินให้หญิงสาว แต่เธอก็ยกมือสูงขึ้นจนฉันเอื้อมไม่ถึง

 

มันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ต้องการเงินของฉัน

 

“ไม่ต้องให้รางวัลพี่หรอก”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“เพราะพวกเราต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอบคุณคยออุลที่ทำให้พวกเราสามารถจับคนไม่ดีไปได้”

 

เธอไม่เป็นไรเพราะจับคนไม่ดีได้

 

หมายความว่า ไม่เป็นไรเพราะเธอสามารถทรมานคนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

 

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปที่จุดซื้อขาย

 

เธอมีความสุขที่ได้คนทรมานเพิ่มใช่ไหม?

 

ฉันหนาวเย็นไปจนถึงกระดูกสันหลังเมื่อรับรู้ถึงความโหดร้ายโดยธรรมชาติของหญิงสาว

 

“ถ้างั้น ให้ฉันเลี้ยงอาหารคุณดีไหม…?”

 

“อาหาร?”

 

“ใช่ ฉันจะซื้อของอร่อย ๆ ให้คุณกิน”

 

บางทีถ้าหากเธอกินของอร่อย ๆ ลงไป มันอาจจะช่วยทำให้การคุกคามของเธอลดลงได้

 

“อืม…ถ้าอย่างนั้นพี่จะปล่อยให้คยออุลเลี้ยงพี่แค่วันนี้เท่านั้นนะ”

 

“ได้! มันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก!”

 

ฉันไม่ได้กินสิ่งนั้นมานานแค่ไหนแล้วนะ?

 

แค่คิดถึงมันน้ำหลายของฉันก็ไหลแล้ว

 

——————————————————————————————————————————

 

“เฮ้อ…”

 

ฉันยืนอยู่ที่หน้าร้านเบอร์เกอร์อันโด่งดัง

 

ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันกำลังเข้าไปในสถานที่ที่หรูหราขนาดนี้

 

มันคงจะไม่เป็นไรใช่ไหมที่ฉันจะปล่อยตัวไปกับความหรูหราเพียงเพราะแค่ฉันมีเงิน?

 

ฉันเดินกลับไปกลับมาด้วยความรู้สึกคับข้องใจ

 

“ไม่เข้าไปข้างในเหรอคยออุล?”

 

“ข-เข้าสิ”

 

ฉันผลักประตูใสที่อยู่ตรงหน้าและเดินเข้าไปในร้าน

 

เพราะมันเป็นวันธรรมดาในตอนเช้า เลยทำให้มีคนอยู่ไม่เยอะ

 

ฉันมองไปรอบ ๆ ภายในร้านอาหารและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมสุด

 

เนื่องจากหูและหางของฉัน ทำให้ฉันกลายเป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไม่ว่าฉันจะเดินไปที่ไหน

 

“คยออุลกินเบอร์เกอร์มาเยอะแล้วงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ ฉันกินเยอะมาก”

 

จริง ๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตนี้ของฉัน

 

แต่ฉันไม่อยากโดนดูถูกเพราะเพิ่งเคยกินครั้งแรก

 

เพื่อไม่ให้ดูโง่ ฉันจึงยกมือขึ้นอย่างมั่นใจ

 

“ข-ขอโทษนะคะ!”

 

ลูกค้าในร้านเบอร์เกอร์หันมามองฉัน

 

อย่างไรก็ตาม พนักงานไม่มาหาฉัน

 

นี่ไม่ใช่วิธีสั่งอาหารในร้านอาหารเหรอ?

 

ฉันมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ด้วยความสับสน

 

“คยออุล เธอต้องลุกขึ้นและไปสั่งอาหารที่ตรงนั้น”

 

“โอ้?”

 

พอมาคิดดูแล้ว ร้านเบอร์เกอร์ต้องไปสั่งอาหารที่หน้าเคาน์เตอร์

 

ฉันก้มหน้าลงด้วยความอับอายในขณะที่ผู้คนรอบ ๆ เริ่มหัวเราะกันคิกคัก

 

“หูตกด้วย น่ารักจังเลย”

 

“ใช่ เธอน่ารักมากเลยแต่ทำไมเธอถึงใส่ชุดแบบนั้นล่ะ?”

 

“เธอเป็นเด็กมนุษย์สัตว์ เพรางั้นเธอเลยดูเหมือนสัตว์”

 

ถึงแม้ว่าพวกเขากำลังกระซิบกันอยู่ แต่ด้วยหูที่ได้รับการปรับปรุงมาทำให้ฉันได้ยินทุกอย่าง

 

เสียงส่วนใหญ่จะเป็นเสียงที่ล้อเลียนพฤติกรรมโง่ ๆ ของฉัน

 

“อึก…”

 

แม้แต่เบอร์เกอร์ชิ้นเดียวฉันก็ไม่มีปัญญาสั่งงั้นเหรอ?

 

ในขณะที่ความนับถือในตนเองของฉันลดลง หญิงสาวก็มาแตะที่ไหล่ของฉัน

 

“คยออุล ให้พี่สั่งให้ไหม? เบอร์เกอร์กุ้งดูน่าอร่อยมากเลย”

 

“ขอรบกวนด้วย…”

 

ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ฉันจึงเอาแต่จ้องไปโต๊ะ

 

ในเวลาต่อมา หลังจากที่หญิงสาวสั่งอาหารเสร็จแล้วเธอกลับมานั่งที่เก้าอี้

 

เธอถือแผ่นกระดาษที่มีตัวเลขอยู่ไว้ในมือ

 

“ฉ-ฉันรู้จักอันนี้ เมื่อมีหมายเลขเดียวกันปรากฏขึ้นมาแสดงว่าให้ไปเอาอาหารที่สั่งไว้ได้เลย”

 

เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของฉัน ฉันจึงรีบอธิบายจุดประสงค์ของใบเสร็จรับเงิน

 

หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจที่ฉันตอบถูก

 

“ว้าว เธอรู้เยอะมากเลยนี่นา”

 

“ใช่ ฉันจำสิ่งนี้ได้”

 

ด้วยคำตอบนี้ ฉันก็ดูไม่เหมือนกับคนที่กินเบอร์เกอร์เป็นครั้งแรกแล้ว

 

ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

“ถ้างั้น คยออุลจะเป็นคนไปเอาเบอร์เกอร์เองในตอนที่มันเสร็จแล้วใช่ไหม?”

 

“ฉัน…?”

 

“ใช่ เธอนั่นแหละ คยออุล”

 

เพื่อที่จะไปเอาเบอร์เกอร์ ฉันจำเป็นต้องคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์

 

การคุยกับพนักงานในร้านอาหารชั้นยอดและมีความซับซ้อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

“ฉ-ฉันไม่อยาก…”

 

ฉันเปิดปากบอกหญิงสาวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว