บทที่ 6 – การตื่น

 

ชายหนึ่งหญิงหนึ่งรีบดึงเอา ‘คน’ ขึ้นมาบนเรือดำน้ำแทบจะทันที ถึงไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากขนาดไหนแต่ในโลกประหลาดในปัจจุบันนี้

การเกิดสิ่งเหนือความเข้าใจก็คงเป็นเรื่องปกติสุดแสนไปแล้ว.. เคนจิกับคาโอรุ เข้าไปในห้องคัดแยกซึ่งเอาไว้เก็บของเข้ามาในเรือดำน้ำ

ในนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกพาเข้ามาเมื่อกี้นอนสลบอยู่ แน่นอนว่าทั้งตัวของหญิงสาวปริศนาต้องเปียกไปหมดเพราะอยู่ใต้ทะเล

เหนือสิ่งอื่นใดผู้หญิงคนนี้สวยมาก.. เธอมีผมสีม่วงอมดำโดยที่มีไฮไลท์สีฟ้าอ่อนกว่านิดหน่อยเป็นไฮไลท์

ร่างกายดูเหมือนคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอ…

“ว่าแต่ เอ็งจะมองไปถึงเมื่อไหร่ห้ะ”

ว่าแล้วคาโอรุก็กำปั้นนวดหน้าเคนจิจนกระเด็นออกนอกห้องไปเลย คาโอรุรีบเดินเข้าไปเช็คว่าอีกฝ่ายหายใจไหมทันที

แน่นอนว่าเธอไม่รู้วิธีเช็คชีพจรหรอก ดังนั้นเธอจึงยื่นนิ้วไปจ่อที่จมูกอีกฝ่ายแล้วก็.. เช็คว่ายังมีลมหายใจไหมนั่นเอง

มือของหญิงสาวที่นอนสลบไม่ได้สติก็ยกขึ้นมาจับแขนเธอเอาไว้อย่างแรงจนทำให้เธอไม่สามารถขยับแขนได้

“กรี๊ด!!”

แน่นอนว่าคาโอรุตกใจนึกว่าผีหลอก เผลอร้องเสียงดังออกมา สะบัดมือจนหลุดออกจากการจับกุมของหญิงสาวปริศนา

เพราะเสียงกรีดร้องจองคาโอรุ ทำให้เคนจิที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงพร้อมถามว่า

“เกิดอะไรขึ้น?!”

ทว่าในสายตาของเคนจิตอนนี้ก็คือผู้หญิงผมสีน้ำเงินที่ถอยหลังจนติดผนังมือทั้งสองข้างตั้งท่าเหมือนพร้อมรับการโจมตี

คาโอรุรีบวิ่งถอยหลังออกจากห้องทันที.. ทำให้ในตอนนี้ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันด้วยความสับสนเล็กน้อย

หญิงสาวลึกลับเธอมองไปรอบๆ ตัวแล้วก็หันไปมองคนสองคนที่อยู่ตรงข้ามแล้วก็ก้มลงมองร่างกายตนเอง

“…….”

เหมือนเธอจะมีความรู้สึกงุนงงไม่มากก็น้อยเช่นเดียวกัน..

“เอ้ะ?”

เจ้าตัวอุทานออกมาเช่นนั้นพอหันไปมองอีกฝ่ายเธอก็พูดขึ้นด้วยความสับสนเล็กน้อยว่า

“ที่นี่.. ที่ไหน?”

“เอ่อ.. ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก…ครับ”

“แปซิฟิก…?”

หญิงสาวที่ได้ยินคำนั้นก็สับสนยิ่งกว่าเดิม

“เอ้ะ เดี๋ยวก่อนนะ.. พวกเธอพูดภาษาญี่ปุ่นเหรอ?”

ทั้งสองที่โดนถามแบบนั้นก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วก็หันมาพยักหน้าให้หญิงสาวปริศนา..

“เอ้ะ.. เอ๋!! นี่มันหมายความว่าไงฟระ!!”

เธอตะโกนออกมา.. ไม่ว่าจะเรื่องที่ทำไมตอนนี้ตัวเองถึงอยู่โลกเดิม หรือเรื่องที่ทำไมตัวเองถึงเป็นหญิง…

ในความจริงแล้วสำหรับเธอ.. สำหรับคางารินั้นความทรงจำครั้งล่าสุดที่เธอจำได้ก็คือถูกจับใส่ผลึกบางอย่าง พอรู้สึกตัวอีกที.. ก็ตื่นมาที่นี่เลย

แม้จะเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมาก ทว่าสำหรับคางาริมันเหมือนกับเธอพึ่งนอนไปตื่นเดียว ดังนั้นเธอจึงสับสนมากว่านี่มันหมายความว่าไงกันแน่..?

…………

……..

….

ในเมืองลอยน้ำแห่งแปซิฟิก.. เมืองแห่งนี้กินพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร โดยที่ใจกลางของเมืองนั้นมีหอคอยสูงเสียดฟ้าตั้งอยู่

แม้จะไม่ค่อยเข้าใจหลักการของมัน แต่ทว่าหอคอยเองก็ไม่ได้จมลงใต้ผิวน้ำ เพราะชั้นแรกหรือทางเข้าหอคอยก็ตั้งอยู่บนผิวน้ำ

ซึ่งต่างจากหอคอยแห่งความพิศวงในเบอร์มิวด้าที่จมลงก้นทะเลเลย.. เมืองแห่งนี้มีผู้คนจากประเทศต่างๆ มากมายอาศัยอยู่

และมีทุกอย่างที่ควรมีในฐานะการเป็นเมือง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือมหาลัย มีทุกอย่าง แต่ที่มีไม่เหมือนเมืองอื่นก็คือร้านค้าที่ขายของจากในหอคอย

เมื่อเข้าไปใกล้หอคอยจะเห็นว่าบนหอคอยเหมือนมีภาพโฮโลแกรมสุดไฮเทควาดอยู่ โดยแสดงให้เห็นถึงอันดับของผู้ที่เคยเข้าหอคอยมาก่อน

โดยในอันดับจะมีตั้งแต่ 1 ถึง 100 ส่วนอันดับหลังจากนั้นจะไม่ยิ่งใหญ่ตระการตาแบบนี้หรอก

และแน่นอนว่าแม้จะเป็นร้อยอันดับแรกที่อยู่ในหอคอยอันดับก็เปลี่ยนแปลงอยู่แทบตลอดเวลา

และด้านนอกคนที่ยืนมุงดูอันดับนี้อยู่ก็มีมากกว่าร้อยพันคน และก็ตามมาด้วยเสียงการพนันมากมายว่าคนนี้ต้องร่วงแน่

คนนี้ต้องขึ้นแน่.. เกิดเป็นการลงทุนการพนันรูปแบบใหม่นั่นเอง.. อันที่จริงวันนี้เป็นวันพิเศษ ถึงจะบอกว่าเป็นวันพิเศษแต่ก็มีทุกสัปดาห์นั่นแหละ

วันแย่งชิงอันดับจะมีในทุกๆ วันพุทธของสัปดาห์ ดังนั้นวันนี้เลยมีการแย่งอันดับอะนะ

ถามว่าอันดับนี้มอบอะไรให้.. ก็หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเงินทอง หรือแม้แต่ยิ่งอันดับสูงยิ่งมีโอกาสได้ของจากในหอคอยเยอะขึ้น

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เล่าต่อปาก แต่เป็นเรื่องจริง.. พูดง่ายๆ เลยว่า หอคอยกำลังวัดระดับมนุษย์อยู่ ยิ่งใครแข็งแกร่งจะยิ่งได้เจอของที่ดีกว่า ได้ของตอบแทนที่เยอะกว่า

นั่นแหละกลไกของหอคอย ดังนั้น.. นิ่งอันดับสูงคนจะยิ่งรู้จัก ยิ่งมีชื่อเสียง งานไหลมาเทมา และได้ของจากหอคอยเยอะขึ้นด้วย

แต่ว่าแม้อันดับจะเพิ่มขึ้นหรือลดอยู่ตลอดเวลาแต่ก็มีแค่สิบอันดับต้นเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง.. ไม่สิ ถ้าบอกว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลยคงจะเกินไป

เพราะมันเปลี่ยนอยู่.. แค่อาจจะสัปดาห์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น แถมการเปลี่ยนนี้ก็เปลี่ยนไปมาแค่ในสิบอันดับแรกเท่านั้น

นอกจากนี้ตำแหน่งที่ไม่เคยมีใครเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงเลยก็คือ.. อันดับที่หนึ่ง.. และในตอนนั้นเองแสงสว่างสีทองก็พลันพุ่งจากหอคอยสูงทะยานเสียดฟ้า

วินาทีนั้นทุกคนที่เคยพนันอะไรไว้ หรือเคยพูดอะไรต่างพากันหุบปากลง.. และในวินาทีต่อมาก็มีพลุสีสันสวยงามแตกออกรอบๆ ทางเข้า

ภาพโฮโลแกรมใหญ่ปรากฏซ้อนทับกระดานจัดอันดับ.. เป็นภาพของคนคนหนึ่ง.. และในวินาทีเดียวกันก็มีคนเดินออกมาจากประตูทางเข้าหอคอย

ผมสีขาวสดใสอยู่แท้ๆ แต่กลับดูหมองหม่นลงเมื่อหลอมรวมกับบรรยากาศรอบตัว หญิงสาวนางหนึ่งเดินออกมานำพาบรรยากาศที่ตึงเครียดแผ่ซ่านตามมาด้วย ทุกคนต่างพากันสูดลมหายใจ

“เอาอีกแล้ว..!”

“เธอ…”

“เธอผ่านชั้น 10 แล้ว!!! นี่มันห้าสัปดาห์ติดเลยนะเฮ้ย หอคอยของเราไปไกลกว่าหอคอยอื่นแล้วนะเนี่ย!!”

“อันดับที่หนึ่งของกระดานจัดอันดับ.. องค์หญิงไร้เสียง!”

เธอเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่สนใจใคร.. ไม่มีทั้งอารมณ์ดี ไม่มีอะไรทั้งสิ้น.. ทุกคนที่ถูกเธอเดินผ่านต่างพากันสูดหายใจลึกแล้วกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

“ผู้หญิงเมื่อกี้…?”

ในฝูงชนที่ยืนมองดูอยู่จำนวนมาก ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองตามหลังคนที่พึ่งออกจากหอคอย.. แน่นอนว่าเธอคนนี้คือคางาริ

แต่เพราะสวมผ้าคลุมไว้อยู่เลยไม่เป็นที่สังเกตเท่าไหร่ เพราะคนแบบนั้นในเมืองนี้มีเยอะ.. พอเห็นคางาริสงสัย

เด็กสองคนด้านข้างเธอก็อธิบาย

“เธอคนนั้นคืออันดับหนึ่งของเมืองนี้น่ะ เป็นคนญี่ปุ่นด้วย รู้สึกจะชื่อว่า.. เรนะ มั้ง.. เห็นว่าเธอใช้อารยธรรมได้เก่งสุดๆ ไปเลย”

พอได้ยินชื่อ คางาริก็ขมวดคิ้วทันที

“เรนะ เหรอ?”

“ใช่.. ชื่อเธอน่ะ อีกอย่างผมได้ยินว่าเธอไม่ใช่คนของบอร์เดอร์ไลน์แท้ๆ แต่พลังจากแร่พิเศษในตัวของเธอมีมากกว่าสมาชิกอันดับท็อปของบอร์เดอร์ไลน์อีก”

“ว่าแต่ทำไมเหรอ.. คุณจำเธอได้เหรอ?”

คางาริครุ่นคิดแต่ก็ส่ายหน้า

“น่าจะคิดไปเอง.. อีกอย่างนะคนรู้จักของฉันไม่น่าจะมีสีผมที่เหมือนหลุดมาจากการ์ตูนแบบนั้นหรอกมั้ง”

พอคางาริพูดแบบนั้น เคนจิกับคาโอรุก็มองหน้ากันเหมือนจะบอกว่า..

“คุณว่าคนอื่นเขาได้เรอะ! คุณลองถอดผ้าคลุมออกดูสิ ทุกคนได้หันมามองแน่”