ในที่สุดวันงานคอนเสิร์ตของ DDG ก็ได้มาถึง
ผมสวมเสื้อผ้าใหม่ที่ซื้อด้วยเงินที่ผมได้มาจากการทำงานและตรงไปยังจุดที่ผมกับทาคายูกินัดพบกัน
ผมไม่รู้สึกอายเพราะว่าผมได้สวมเสื้อผ้าตัวใหม่ จากยี่ห้อดังพอตัว
ที่สำคัญกว่านั้น ผมทำงานอย่างหนักสำหรับเวลาแบบนี้นี่แหละ
เพราะชีวิตมันคือความสนุกยังไงล่ะ!
“นายดูจะจริงจังมากเลยนะเนี่ยทาคุยะ!”
“นายก็ด้วยทาคายูกิ”
พวกเราหัวเราะกันเนื่องจากพวกเราทั้งคู่สวมเสื้อผ้าที่ชาตินึงจะได้ใส่ที ก่อนที่จะตรงไปที่ฮอลล์จัดคอนเสิร์ต
เมื่อเรามาถึงผู้คนก็เริ่มเยอะแล้ว สัดส่วนของแฟนๆทั้งชายและหญิงคือ 50/50 เนื่องจาก DDG เป็นวงที่มีฐานแฟนคลับฝั่งผู้หญิงมากพอๆกับผู้ชาย
พวกเรามอบตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ๆอยู่หน้าทางเข้า ก่อนที่อีกฝ่ายจะให้สายรัดข้อมือสำหรับเข้างานมา
บรรยากาศในงานนั้นทำให้พวกเรารับรู้ได้เลยว่าพวกเรามาถึงงานคอนเสิร์ตแล้ว
ทาคายูกิเดินไปที่บูทขายสินค้าเผื่อว่าจะหาซื้ออะไรเพิ่มเติม
ด้วยแรงผลักดันจากบรรยากาศในฮอลล์ ผมเอาผ้าที่มีโลโก้ของ DDG ขึ้นมาพันคอ
ที่จริงพวกเราซื้อของกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วจึงรีบตรงไปที่ด้านหน้าเวทีโดยทันที
ความจุของฮอลล์จัดคอนเสิร์ตคือ 1,800 คนเพราะงั้นจึงมีที่เหลืออยู่พอควร
“พวกเรามาถึงแล้ว!”
“ใช่ๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้มาคอนเสิร์ตแบบนี้ รู้สึกตื่นเต้นจัง”
ใช่ครับ ที่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้มางานคอนเสิร์ตแบบนี้ ผมจึงตื่นเต้นสุดๆ
จากตรงนี้ผมสามารถได้ยินเสียงเครื่องคนดรีขึ้นเป็นช่วงๆ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจัดการเรื่องเสียงอยู่ล่ะนะ และบรรยากาศตอนที่คอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มนั้นทำให้ผมตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมอีก
พูดตามตรงผมเคยคิดมาตลอดว่าผมนั้นเย็นชากว่าคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าผมนั้นไม่ได้แตกต่างจากพวกเขาเลย
ผมคิดว่าจะจะเลิกใช้ชีวิตแบบเก่าและเริ่มคิดว่าการไปคาราโอเกะกับทุกคนอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็ได้นะ
ทันใดนั้นแสงไฟในงานก็ได้ดับลง
ผู้ชมต่างส่งเสียงกู่ร้องด้วยความตื่นเต้น
ผมรับรู้ได้เลยว่าการแสดงสดกำลังจะเริ่มแล้ว
จากนั้นไม่นาน แสงไฟก็ได้ฉายไปที่บนเวทีพร้อมๆกัน
และผู้คนที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟนั้นก็คือสมาชิกทั้งห้าของ DDG ที่ประจำที่เครื่องดนตรีของตนเรียบร้อย
ตอนนี้เองที่ผู้ชมต่างส่งเสียงร้องอีดครั้งราวกับภูเขาไฟระเบิด
ผมที่ไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นเมื่อได้เห็น DDG อยู่ตรงหน้าก็ทำแบบนั้นเช่นกัน
ตั้งแต่ทาคายูกิแนะนำ DDG ให้ผมได้รู้จัก ผมก็เริ่มฟังเพลงของพวกเธอเป็นประจำและตอนนี้พวกเธอก็ได้มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
การแสดงได้เริ่มขึ้นทันที มันไม่เหมือนกับเสียงเพลงที่ได้ยินในหูฟัง เสียงมันดังและส่งพลังมากกว่าจนเสียงเบสสั่นสะเทือนมาหาตัวผมได้เลย
“ขอบคุณทุกคนที่มางานวันนี้นะคะ! พวกเราจะทำโชว์นี้ให้ดีที่สุดค่ะ!”
จากคำพูดของยุยจังตัวจริงเสียงจริง ความดุเดือดในฮอลล์ก็มาถึงจุดสูงสุด
หลังจากนั้น มันก็โคตรเจ๋งไปเลยล่ะ
การแสดงของ DDG คือความอัศจรรย์ จนผมสงสัยเลยว่าพวกเราอายุเท่ากันจริงๆเหรอ
“ทาคุยะ….ฉันอยากร้องไห้อะ…”
“ฉันเข้าใจ…..มันเจ๋งสุดๆไปเลย….”
ไม่ใช่แค่พวกเรา ทุกต่างคล้อยไปตามบรรยากาศเสียงเพลงจาก DDG
ตอนแรกพวกเราแค่อยากจะเห็นยุยจังตัวเป็นๆเท่านั้น
แต่ตอนนี้พวกเราถูกดึงดูดจากสมาชิกทั้งห้าคนของวงเข้าซะแล้วล่ะ
“ทุกคนมีความสุขกันมั้ยเอ่ย? ตอนนี้พวกเราขอพักก่อนะคะ!”
หลังจากเล่นมาต่อเนื่องห้าเพลง สาวๆจึงหยุดพักและเริ่มพูดคุยกัน
“ยุยจังพวกเรามาที่นี่กันทำไมเหรอ?”
“หืม? ก็มาโปรโมทอัลบั้มใหม่แล้วพวกเราก็เดินทางไปหลายๆที่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นก็จริงอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกทุกคนอยู่เหรอ?”
เมคจังมือเบสและตามด้วยซาระจังมือกลอง พูดคุยกับยัยจัง
ทุกคนต่างตั้งใจฟังบนสนทนาของพวกเธอ
“จริงด้วยๆ พวกเรามีเซอร์ไพรส์สำหรับคอนเสิร์ตในวันนี้ด้วย!”
ยุยกบ่าวกับผู้ชมด้วยรอยยิ้ม
“ทุกคนคะ! เตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษของเราด้วยนะคะ! พร้อมกันมั้ยเอ่ย?”
ระหว่างที่เธอกำลังพูดสมาชิกคนอื่นก็เริ่มเล่นเพลงๆหนึ่ง ซึ่งเพลงๆนี้คุ้นหูผมมากๆ
แต่มันไม่ใช่เพลงของ DDG น่ะสิ — นี่มันท่อนอินโทรของ “Start” เพลงประจำวงของ Angel Girls!
“วันนี้ทุกคนจาก Angel Girls ก็จะมาแสดงที่นี่ด้วยนะคะ!”
สิ้นคำของยุย สมาชิกทุกคนของไอดอลชื่อดังอย่าง Angel Girls ก็ปรากฏตัวบนเวที
—อะไรเนี่ย? นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของไอดอลอันดับหนึ่ง สร้างทั้งความสับสนและตื่นเต้นให้กับเหล่าผู้ชม
ขณะที่ผมกำลังจมอยู่กับความตื่นเต้น ผมก็รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดหลัง
เมื่อผมหันมามองก็ตกแปลกใจ เพราะว่าเป็นซาเองุสะซังที่กำลังสวมแว่นหนาอยู่นั่นเอง
“หานายเจอสักที!”
แล้วซาเองุสะซังก็ยิ้มออกมาและถอดแว่นออก
กลายเป็นว่าผมกำลังรอดูคอนเสิร์ตของ Angel Girls ที่กำลังจะเริ่มขึ้นด้วยกันกับ ซาเองุสะซัง aka ชิโอริน ผู้ซึ่งเคยเป็นเซ็นเตอร์ของวงที่ว่านั่น
—เอิ่ม? นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?