ตอนที่ 6 มาพบใคร?
คัมภีร์โบราณเล่มนี้อาจารย์ของหลินหนานเป็นผู้มอบให้ และการที่เขาสามารถฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ได้ ก็เพราะของสำคัญชิ้นนี้
อาจารย์ของเขาเป็นคนแปลกประหลาดยิ่งนัก สวมใส่เพียงแค่ชุดสีขาวเนื้อผ้าหยาบกระด้าง จึงได้ฉายาว่า “ปรมาจารย์เสื้อขาว”
ทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศเข้าขั้นวิเศษของเขานั้น ล้วนผ่านการฝึกฝนมากับเนื้อและกระดูกจากร่างไร้วิญญาณทั้งสิ้น
เมื่อแปดปีก่อนหน้านี้ เขาได้ถ่ายทอดวิชาเก้าเข็มเปิดนภาให้กับหลินหนาน แต่หลังจากถ่ายทอดไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
และเหตุผลที่หลินหนานไปทำงานเป็นทหารรับจ้างนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อตามหาอาจารย์ของเขานั่นเอง แต่ด้วยความบังเอิญจากการทำงานเป็นทหารรับจ้างนี้ ทำให้หลินหนานสามารถก่อตั้งหน่วยมังกรซ่อนกายที่เก่งกาจขึ้นได้
หลินหนานค่อยๆ หยิบคัมภีร์โบราณเล่มนั้นออกมาจากกล่องไม้อย่างระมัดระวัง
‘เก้าเข็มเปิดนภา’
หลินหนานเปิดไปหน้ากลางของคัมภีร์เล่มนั้น และได้หยิบเอาเข็มเงินทั้งเก้าเล่มที่มีความยาวแตกต่างกันออกมา เข็มชุดนี้มีชื่อว่า ‘เข็มนภา’ ซึ่งอาจารย์ได้มอบให้เขาเป็นของขวัญ
เข็มทั้งเก้าเล่มนี้ทำจากอุกกาบาตเหล็กที่ร่วงหล่นลงมาจากห้วงอวกาศ และได้ส่งมอบต่อให้หลินหนานซึ่งเป็นศิษย์รุ่นที่สิบเก้า
แม้จะถูกใช้งานผ่านเวลาที่ล่วงเลยมานานหลายปี แต่เข็มที่ทำจากอุกกาบาตเหล็กนี้ก็มิได้สึกหรอลงเลยแม้แต่น้อย ตรงข้าม.. มันกลับยิ่งแข็งแกร่งและแหลมคมมากขึ้น
แม้ว่าภายในห้องจะมีแสงสว่างเพียงแค่สลัวๆเท่านั้น แต่ก็มิสามารถปกปิดแสงสว่างสีเงินของเข็มอุกกาบาตเหล็กทั้งเก้าเล่มได้
“ชี่เปิดนภา ยึดครองหยินแลหยางในธรรมชาติ ก่อเกิดตะวันจันทราในสวรรค์แลพิภพ หนาแลบางห่อหุ้มกายมวลมนุษยชาติ..”
หลินหนานพร่ำท่องประโยคเหล่านี้จนติดปาก จากนั้นจึงใช้เข็มเงินแทงเข้าไปที่จุดฝังเข็มสำคัญๆบนร่างกายของตนเอง
จุดเฟิงฉือ!
จุดจางเหมิน
จุดไท่หยวน
จุดฝังเข็มทั้งสามจุดนี้ เปรียบเสมือนประตูชีวิตบนร่างกายของมวลมนุษย์!
การกดเข็มลงด้วยความลึกในระดับที่แตกต่างกันของจุดฝังเข็มแต่ละจุดนั้น ย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน
มีเพียงการฝึกฝนซ้ำๆเท่านั้น ที่จะทำให้การฝังเข็มเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!
ความสามารถในการฝังเข็มของหลินหนานเวลานี้ เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศยิ่ง และอยู่ในระดับที่สามารถหลับตาฝังเข็มได้!
หลังจากร่างกายของเขาเกิดการกรุตุ้นด้วยการฝังเข็มที่ทำจากอุกกาบาตเหล็กนี้ พลังปราณภายในร่างของหลินหนาน ก็ได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย ประหนึ่งว่าบ่อน้ำที่เคยแห้งมากนั้น จู่ๆก็มีน้ำเอ่อล้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพลังปราณที่อยู่ภายในจะมิได้ไหลเวียนในปริมาณที่มากมายอะไรนัก แต่ก็ทำให้เขารู้สึกมีความหวังใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น
จากที่ท่านอาจารย์บอก ชี่ลี้ลับที่เรียกว่าเทียนชี่หรือชี่สวรรค์นั้น แท้จริงก็คือชี่โดยกำเนิด เป็นพลังชี่ที่โดดเด่นเหนือพลังชี่ของทุกสรรพสิ่ง
หลังจากที่พลังปราณได้หมุนเวียนทั่วร่างแล้ว หลินหนานก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าเป็นช่วงเวลายามเย็นพอดี
แม้ว่าทะเลชี่กลางจุดตันเถียนจะได้รับการรักษาฟื้นฟูแล้ว แต่พลังปราณยังคงอ่อนกำลังอยู่ และหากต้องการที่จะฟื้นฟูเส้นลมปราณให้ดีขึ้นโดยเร็ว จำเป็นที่หลินหนานจะต้องกินสมุนไพรบางชนิดเข้าไปเพื่อกระตุ้น
“แต่สมุนไพรที่ว่านี้ก็มีราคาสูงอย่างมาก ฉันเองก็ไม่มีเงินทองมากมายในตอนนี้..”
หลินหนานรำพึงรำพันออกมาด้วยความรู้สึกท้อแท้ทุกครั้ง ที่คิดถึงเรื่องสภาพการเงินของตัวเอง
ก่อนหน้านี้เย่จิงเฉิงเคยให้บริษัทของเธอจ่ายเงินเดือนให้กับเขาทุกๆเดือน หลินหนานจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล แต่เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ เย่จิงเฉิงได้สั่งให้ตัดเงินส่วนนี้ของเขาออก เขาจึงไม่มีเงินใช้มาสองเดือนแล้ว
และเรื่องนี้ก็ทำให้หลินหนานเศร้าใจไม่น้อยเลยทีเดียว เวลานี้แม้แต่ค่าเช่าห้องเขายังแทบไม่มีปัญญาจ่าย แล้วจะหาเงินที่ไหนไปซื้อสมุนไพรราคาแพงได้อีกล่ะ?
ก่อนหน้านี้ที่หลินหนานทำงานเป็นทหารรับจ้างอยู่นั้น เงินค่าจ้างที่ได้รับจากการปฏิบัติภารกิจต่าง ซึ่งเขาได้เก็บหอมรอมริบไว้นั้นก็มีอยู่มากมาย ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยเทียบเท่าเศรษฐีระดับต้นๆของเมืองเจียงไฮวก็ตาม
ก่อนหน้าที่เขาทำงานเป็นทหารรับจ้างอยู่นั้น เขาก็มีเงินค่าจ้างที่ได้จากการปฏิบัติภารกิจต่างๆ และได้เก็บหอมรอมริบไว้มากมาย แม้จะไม่ร่ำรวยเท่ากับเศรษฐีระดับต้นๆในเมืองเจียงไฮวก็ตาม
แต่เขาก็ไม่สามารถใช้เงินก้อนนี้ได้ เพราะหากเขาทำการเบิกเงนในบัญชีออกมาใช้เมื่อใด ศัตรูในที่ลับของเขาย่อมต้องสามารถสืบรู้ร่องรอยของเขาได้อย่างแน่นอน หลินหนานจึงใช่ว่าจะยากจนข้นแค้นไม่มีเงินทองเอาเสียเลย เพียงแต่ในเวลานี้เขาไม่สามารถใช้เงินของตนเองได้เท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้ฐานะของตนเองถูกเปิดเผยขึ้นในวันที่เขาเองก็ยังไม่พร้อม
“เฮ้อ.. คิดไม่ถึงว่าคนหล่อเหลาอย่างฉันจะต้องกลายเป็นคนที่ยากจนข้นแค้นขนาดนี้!” หลินหนานนอนคร่ำครวญอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกท้อแท้
แต่ในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิดหาหนทางหาเงินอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือเก่าๆตกรุ่นของเขาก็ดังขึ้น หลินหนานหยิบขึ้นมาดู และเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเย่เข่อเอ๋อ
“ยัยเด็กนี่คิดจะปิดเกมแล้วสินะ?”
หลินหนานยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะกดรับสายทันที
“นี่หลินหนาน.. ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนถามขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย
“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?” หลินหนานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวน และดูไม่เดือดร้อนใจนัก
“คืนนี้พ่อของฉันจะบินกลับมาจากยุโรป น่าจะถึงประมาณหนึ่งทุ่มตรง พี่ใหญ่อยากให้นายกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้ จะได้สะสางปัญหาที่ค้างคาอยู่ให้จบๆ” เย่เข่อเอ๋อรีบพูดสิ่งที่เธอต้องการพูดจนจบในคราวเดียว เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตัดสายทิ้งเสียก่อน
“อืมม..” หลินหนานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจนัก
“อ่อ.. ฉันลืมบอกนายไปว่า วันนี้แม่ของฉันก็จะมาด้วย!” เย่เข่อเอ๋อรีบบอกอีกฝ่ายทันที
“อะไรนะ?!”
หลินหนานถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและร้องอุทานออกมาทันที แล้วจึงรีบถามต่อไปว่า “ยายป้าปีศาจ.. เอ่อ.. ไม่ใช่สิ.. คุณแม่ยายของผมก็จะมาด้วยเหรอ?”
หลินหนานถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที และรีบถามกลับไปว่า “นางปีศาจ.. เอ่อ..ไม่ใช่.. คุณแม่ยายก็จะมาด้วยงั้นเหรอ?”
เย่เข่อเอ๋อไม่สนใจฉายาที่หลินหนานใช้เรียกแม่ของเธอ และตอบเขากลับไปอย่างผู้กุมชัยชนะ “ใช่!! นายรีบๆกลับมาล่ะ อย่าให้แม่ของฉันต้องรอนาน!”
หลังจากพูดจบ เย่เข่อเอ๋อก็รีบตัดสายทิ้งทันที จากนั้นจึงหันไปพูดกับเย่จิงเฉิงที่กำลังนั่งอ่านหนังสือ ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น
“พี่ใหญ่! ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน ครั้งนี้แม่มาด้วย รับรองได้ว่าไอ้ขยะนั่นไม่มีทางรอดมาสร้างปัญหาให้กับพวกเราได้อีกแน่!”
“ก็ดี..” เย่จิงเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แม้สีหน้าของเธอจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ภายในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
ครั้งนี้จะสามารถกำจัดหมอนั่นออกไปจากชีวิตของเธอได้จริงๆเสียทีสินะ?
หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี!
……
“จบเห่แน่!! ยายป้าปีศาจนั่นก็มาด้วย คราวนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?” หลินหนานรำพึงรำพันออกมา สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังกังวลใจไม่น้อย
แม่ยายของเขาไม่ใช่ผู้หญิงเมตตาอ่อนโยน และเมื่อเกือบสามปีก่อนหน้านี้ แม่ยายของเขาก็เกือบจะทำลายการแต่งงานระหว่างเขากับเย่จิงเฉิงไปครั้งหนึ่งแล้ว
และทุกวันนี้ เธอก็เป็นคนเดียวที่หลินหนานไม่อยากจะพบเจอแม้แต่เงา..
หลังจากที่ตั้งสติได้ หลินหนานก็รีบโทรหาพ่อตาของเขาทันที แต่ปรากฏว่าพ่อตาของเขาปิดโทรศัพท์มือถือ
“เฮ้อ.. สงสัยพ่อตากำลังอยู่บนเครื่องแน่!”
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เขาจึงคร้านที่จะสนใจอะไรอีก หลินหนานจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วรีบเปิดประตูห้องเดินออกไปทันที และเมื่อเดินผ่านห้องทางด้านตะวันออก เขาก็เห็นแสงไฟยังคงสว่างออกมาจากห้องนั้น และรู้ว่าเฉิงซินเย่วกำลังทบทวนหนังสืออยู่
หลินหนานไม่อยากรบกวนการอ่านหนังสือของเฉิงซินเย่ว จึงได้เดินผ่านไป และเร่งรีบตรงไปที่ถนนอู่หลงเรียกแท๊กซี่ออกไปทันที
รถแท๊กซี่คันนั้นแล่นไปจอดอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านหมิงเหมิน คนขับรถหันไปมองหลงเฉินพร้อมกับร้องบอกเขาว่า “ค่ารถ 68 หยวนครับ”
“ห๊ะ!! แพงขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลินหนานร้องอุทานออกมา พร้อมกับควานหาเงินทั่วทั้งตัว แต่สุดท้ายก็รวบรวมได้เพียงแค่ 65 หยวนเท่านั้น เขายื่นเงินจำนวนนั้นให้กับคนขับแท๊กซี่ พร้อมกับยิ้มกว้างและพูดขึ้นว่า
“พี่ชาย.. ลดให้ผมสักสามหยวนได้มั๊ยครับ? ผมมีเงินอยู่แค่นี้จริงๆ”
คนขับแท๊กซี่หันมามองหลินหนานด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนจะรับเงินมาพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “วันหลังไม่มีเงินก็อย่านั่งแท๊กซี่สิ? วันนี้ซวยชะมัด..”
หลังจากบ่นจบ คนขับแท๊กซี่ก็เหยียบคันเร่งพุ่งออกไปทันที
หลินหนานโกรธมาก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ มีที่ไหนกัน.. เขาเป็นถึงลูกเขยตระกูลเย่ แต่กลับไม่มีแม้แต่เงินจะจ่ายค่าแท๊กซี่ บอกกับใครไปใครเขาจะเชื่อ?
หลินหนานเดินเข้าไปในหมู่บ้านหมิงเหมินด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก หมู่บ้านหมิงเหมินแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของบรรดาเศรษฐี ตั้งอยู่บนทำเลทองของเมืองเจียงไฮวเลยทีเดียว ราคาบ้านที่นี่จึงค่อนข้างสูงยิ่งนัก
และแน่นอนว่า คนที่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ ย่อมต้องเป็นคนร่ำรวยมีฐานะ..
ทางด้านตะออกเฉียงใต้ของหมู่บ้านนั้น นอกจากจะมีคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าหนึ่งพันตารางเมตรแล้ว ยังมีสวนขนาดใหญ่รอบบ้าน และน้ำพุจำลองซึ่งตกแต่งประดับดาด้วยหินงดงาม
ประตูของคฤหาสน์ใหญ่หลังนี้มีความสูงมากกว่าสามเมตร ทำให้ดูโอ่อ่าอลังการยิ่ง ทั่วทุกมุมของบ้านมีกล้องวงจรปิดติดอยู่เต็มไปหมด อย่าว่าแต่ขโมยเลย แม้แต่แมลงวันก็คงยากที่จะบินเข้าไปได้
และที่สำคัญ คฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้ควบคุมด้วยระบบไฮเทค ทุกคนในบ้านสามารถเข้าออกได้ด้วยการสแกนใบหน้า – เว้นเพียงหลินหนานคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถสแกนใบหน้าเข้าได้!
เขาจึงต้องเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านดังเช่นคนนอกที่มาเยี่ยมเยียนทั่วไป..
ไม่นานนัก ก็มีชายชราผมดอกเรา สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเรียบร้องคนหนึ่งเดินออกมา ชายชราค่อยๆก้าวเดินออกมา และเมื่อมาถึงประตูเขาก็ถามคำถามที่ทำให้หลินหนานถึงกับพูดไม่ออก
“สวัสดีครับ ไม่ทราบมาพบใครหรือครับ?”