ตอนที่ 7 หมู่บ้านต้องสาป อิสรัน(2)

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

อากาศในตอนนี้นั้นเย็นเฉียบ แม้จะมีเตาผิงให้ความอบอุ่นอยู่หลังเคาท์เตอร์ก็จริง แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าความอุ่นนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิดในยามคับขัน ที่คาดการณ์ว่าจะต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้นแน่นอน

 

 

“ ชู่ว ”อลัน

 

 

ทุกคนจ้องไปที่ประตูตาไม่กระพริบ ประตูไม้ขนาด 2.5 เมตรถูกทุบเสียงดังด้วยแรงที่เหนือมนุษย์ ไอ้เจ้าตัวนั้นมันทุบ กระแทก ประตูไม้บานนั้นซะแทบจะหักและพังลงมา พวกเราพยายามทำตัวให้เงียบ ไม่มีเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

 

 

เหงื่อเย็นๆเริ่มไหลลงมาบนใบหน้า ผมไม่เจอเหตุการณ์ระทึกขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต

 

 

ปึงๆ!! ปังๆๆ!!!! 

 

 

บางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่กำลังทุบประตูบานนั้นอยู่ มันกำลังส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาอย่างโหยหวน แล้วขณะที่ประตูกำลังจะพังลงมานั้น.. 

 

 

มันก็หยุดทุบ ไม่มีเสียงใดๆอีกเลย ผมโล่งอกที่ดูเหมือนว่ามันจะไปแล้ว และถอนหายใจออกมาอย่างไม่ระวัง

 

 

ฺ”เฮ้อ…. น่ากลัวโคตร.. “

 

 

จนกระทั่งผมได้เหลือบไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง.. 

 

 

มันกำลังยืนจ้องผมอยู่

 

 

ดวงตาสีแดงก่ำของมันส่องแสงสว่างในตอนกลางคืน 

 

 

ร่างของมันกำลังเกาะกระจกบานนั้นอยู่อย่างน่าขนลุก 

 

 

ก่อนที่ผมจะได้ยินน้ำเสียงอันน่าขนลุกของมัน..

 

 

เจอ…ตั..ว.. แ..ล้ว 

 

 

ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

โครมมม!!!!

 

 

ภายในชั่วอึดใจ กำแพงโรงเตี๊ยมพังทลายลงมาและแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ มันพุ่งเข้ามากระชากคอผมทะลุกำแพงออกมา!

 

 

“ คุณนักเดินทาง!!! ”นาร์

 

 

“ นาร์ไปดูแม่กับน้อง เดี๋ยวพ่อไปตามหานักเดินทางคนนั้นเอง!!! ”อลัน

 

 

สถานการณ์ในตอนนั้นเริ่มแย่ลง ตอนนี้มีเพียงแค่นาร์ที่สามารถดูแลแม่และน้องสาวของเขาได้ ส่วนคนเป็นพ่ออย่างอลัน เขาไม่อยากให้มีใครตายอีกเขาจึงตามวีโกร์ฟที่กระชากบี๋ออกไป

 

 

 

 

“ ย๊าาาา!!! ”

 

 

ไม่รู้ทำไมแต่ผมกรี๊ดออกมาสุดเสียง เจ้าตัวนี้มันน่ากลัวโคตรๆ ผมไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวเท่านี้มาก่อน!!

 

 

มันลากผมมาเข้าในป่าใหญ่ ก่อนที่จะโยนผมอัดใส่ต้นไม้

 

 

“ โอ้ย!!- ”

 

 

การกระแทกกับต้นไม้ครั้งแรกในชีวิตนี่มัน.. เจ็บซะไม่มี

 

 

หลังจากที่ผมลุกขึ้นมา แล้วตั้งสติได้ ผมก็เห็นแต่ความมืดอยู่เบื้องหน้า ภายในป่าที่มันพาเข้ามามันมืดมิดไปหมด ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความมืดเท่านั้น

 

 

“ เหมือนว่าคืนนี้จะไม่มีพระจันทร์ซะด้วยสิ … ”

 

 

นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้างนอกนี้นั้นไม่มีแสงจันทร์เลยแม้แต่น้อย

 

 

ทันทีที่ไอเย็นพัดผ่านร่างของผม รวมกับเสียงครวญครางอันน่าสยดสยองของเจ้าวีโกร์ฟตัวนั้น มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ผมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดที่ต้องมาอยู่ในป่านี่คนเดียว ระแวงรอบข้างไปหมด หันซ้ายที ขวาที ตามเสียงของปีศาจร้ายที่ผมได้ยิน

 

 

แกร็ก-

 

 

สวบ-

 

 

จนกระทั่งผมได้รู้สึกตัวอีกที ผมก็ถูกคมเล็บที่ยาวและแหลมคมของมันแทงทะลุจากต้นไม้ข้างหลังจนมาถึงหน้าท้องของผม ความรู้สึกเจ็บที่หน้าท้องแล่นเข้ามาในหัวอย่างกระทันหัน แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ร้องออกไปมันดึงกรงเล็บของมันออก นั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งกว่าเดิมอีก

 

 

“ อ๊ากกกก!!! ”

 

 

จากสกิลของผมที่พึ่งได้รับมา แม้ว่าแผลมันจะเริ่มสมานกันเองแล้ว มันก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นกับความรู้สึกอันเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นเอาไว้อยู่ บอกได้เลยว่าสำหรับผมที่พึ่งเคยโดนแทงที่ท้องเป็นครั้งแรกแล้ว นี่มันไม่สนุกเลยสักนิด

 

 

ลองคิดว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้ตลอดการเดินทางดูแล้ว จู่ๆมันก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเลย

 

 

แต่ว่าในตอนนี้ผมต้องหยุดคิดเรื่องหยุมหยิมพวกนั้นเอาไว้ก่อน ผมต้องโฟกัสกับการโจมตีของเจ้าวีโกร์ฟบ้านี่ ไม่งั้นผมลำบากแน่

 

 

“ยุทธศาสตร์จำลอง”

 

 

ทันทีที่ผมพูดชื่อสกิล ราวกับว่าสมองในตอนนี้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นอีก 40% ทำให้ในตอนนี้ผมสามารถคิด และคำนวณสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเห็นข้อมูลต่างๆที่ปรากฏขึ้นเป็นแผนที่ผ่านหน้าต่างสกิลนี่อีก

 

 

มันชี้ให้เห็นว่าหลังจากที่วีโกร์ฟแทงผมแล้ว เสียงของมันเงียบไป ก่อนที่จะเคลืื่อนที่ไปทางขวา และซ้าย บนพื้นบ้างบนต้นไม้บ้าง เพื่อทำให้ผมนั้นสับสน

 

 

และจากการที่ประสาทสัมผัสของผมเฉียบคมขึ้นนั้น เลยทำให้แค่ได้ฟังเสียงของมันก็รู้ได้เลยว่ามันจะเคลื่อนที่ไปทางไหน

 

 

คงจะเรียกได้ว่าเป็นการอ่านการโจมตีอย่างง่ายล่ะมั้ง

 

 

แกร็ก-

 

 

ฟังจากเสียงแล้วมันจะต้องอยู่บนต้นไม้ทาง 12 นาฬิกา ตรงหน้าผมแน่ๆ 

 

 

และจากนั้นมันก็จะพุ่งมาโจมตีผมจากด้านบนนั้น

 

 

ฟุบ!!

 

 

พอมันพุ่งมาแล้ว ก็ต้องก้าวเท้าออกจากตรงนั้นไปทางด้านซ้าย เพื่อให้มันโจมตีใส่ต้นไม้ก่อน

 

 

โครม!!

 

 

โห เหะ มันตัดต้นไม้ต้นใหญ่ขนาดนั้นขาดในฉับเดียวเลยแฮะ.. 

 

 

ผมต้องไม่มัวมานั่งอึ้งในตอนนี้ เพราะเวลานี้มันคาบเกี่ยวไปถึงชีวิตของผมเลย

 

 

ผมใช้ยุทธศาสตร์จำลองซ้ำสอง เพื่อให้มันซ้อนทับกับของเก่า

 

 

‘ สวย!! มันช้าลง! แบบโคตรๆเลยด้วย!! ’

 

 

ยุธทศาสตร์จำลอง 2 สแต็ก เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง 80% ทำให้ประสาทสัมผัสทั้ง 6 เข้าขั้นดีเยี่ยม มองเห็นศัตรูเคลื่อนที่ช้าลงในมุมมองของตัวเอง แม้ว่าข้อดีมันจะเยอะ แต่ข้อเสียมันก็หนักเอาการอยู่

 

 

ถ้าใช้ยุทธศาสตร์จำลองที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมองโดยตรงบ่อยๆหรือนานเกินไปล่ะก็ จะทำให้เกิดอาการวิงเวียนอย่างหนัก เลือดออกทาง หู ตา จมูก เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมานั้นมันมหาศษลมากจนเกินไป เพราะฉะนั้นผมจึงต้องระวังเอาไว้หน่อย

 

 

แม้จะมีฟื้นฟูฉับพลันคอยช่วย แต่นั่นมันเรื่องของทางกายภาพ ถ้าหากจิตใจส่งผลกระทบอะไรมันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี

 

 

นั่นล่ะนะ ของบางอย่างที่ดีๆมันก็จำเป็นจะต้องมีข้อเสียกันบ้างล่ะ

 

 

คราวนี้แหละ! ที่จะเป็นโอกาสในการสวนกลับของผม

 

 

ปัก!!-

 

 

ผมต่อยเข้าหน้ามันเต็มแรง เป็นเวลาเดียวกันกับที่บัพของยุทธศาสตร์จำลองหายไปพอดี

 

 

แม้ว่าตัวของมันจะถูกซัดจนห่างออกไปถึง 5 เมตรด้วยแรงหมัดจากนามแท้เพียวๆ แต่ดูมันจะไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ผมที่เห็นดังนัั้นจึงอุทานออกมา ไม่นานนักมันก็เริ่มที่จะเริ่มคลุ้มคลั่ง

 

 

“ อะไรวะเนี่ย!! ไม่เป็นอะไรเลย!? ”

 

 

แต่ก็พอเข้าใจได้ล่ะนะที่หมัดผมแทบจะต่อยไม่เข้า.. ก็เพราะมันเป็นแค่หมัดเปล่าๆไงถึงได้ต่อยไม่เข้าน่ะ!!

 

 

“แย่แล้ว!!! ”

 

 

มันกำลังพุ่งมาหาผมด้วยความเร็วสูง ตัวของผมในตอนนี้เริ่มที่จะทำอะไรไม่ถูกแล้ว หลังจากที่สกิลหมดลง

 

 

เลยต้องยอมรับแรงกระแทกตรงๆ 

 

 

ทว่าในตอนนั้นคุณอลันก็มาเจอกับผมเข้าพอดี และดาบในมือของเขายังส่องประกายแสงสีม่วงออกมาอยู่ตลอดเลยด้วย

 

 

“ ตรึงปีศาจ! ”อลัน

 

 

วงแหวนเวทประกฏขึ้นดักหน้าวีโกร์ฟที่คุ้มคลั่ง และทันทีที่มันเข้ามาในเขตวงเวท วงแหวนเวทเหล่านั้นก็ปล่อยโซ่สีดำทมิฬออกมารัดตัววีโกร์ฟที่คุ้มคลั่งเอาไว้จากทุกทิศ

 

 

ผมสับสนไปไม่ถูก จนกระทั่งคุณอลันได้ตะโกนเรียกผม

 

 

“คุณนักเดินทาง!! สกิลของผมตรึงมันไว้ได้แค่ 5 นาทีเท่านั้น! เพราะงั้นรับดาบนี้ไปและฆ่ามันด้วย!! ”อลัน

 

 

ไม่นานจากที่คุณอลันพูดจบ ผมก็สังเกตเห็นรอยร้าว ปริแตกบนตัวของโซ่เล็กน้อย

 

 

เห้ย.. เห้ย!!! มันจะทนได้ไม่ถึง 5 นาทีเอานะเนี่ย!!

 

 

“ ส่งมาเร็วคุณอลัน!! ”

 

 

เนื่องจากเขาอยู่ไกลกับผมมาก เขาจึงต้องโยนดาบมาให้ 

 

 

ทว่าหากผมยืนรอรับดาบอยู่ทั้งแบบนี้ล่ะก็ ผมต้องตกเป็นอาหารของเจ้าควาย- เอ้ย กวางมูสเดินได้นั่นแน่ๆ 

 

 

เพราะงั้นเมื่อดาบมันมาอยู่เหนือหัวของผมแล้ว ผมใช้อำนาจจากนามแท้เสริมแรงกระโดดให้ผมกระโดดไปคว้าดาบถึง ทันทีที่ผมจับดาบผมไม่สนว่าผมจะต้องตกมาแล้วเจ็บขนาดไหนเพราะผมยังมีฟื้นฟูฉับพลันอยู่ ผมทิ้งตัวลงมาจากฟ้า ใช้สกิลยุทธศาสตร์จำลองครั้งสุดท้ายก่อนที่สมองจะรับไม่ไหวเพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำ

 

 

และผมก็ใช้ดาบที่มีใบดาบส่องประกายแสงเป็นไฟสีม่วง แทงทะลุหัวลงมาจนถึงลำตัวของวีโกร์ฟตัวนั้น

 

 

และเสียงของมันก็เงียบไป…

 

 

เปลวไฟสีม่วงลุกโชนท่วมร่างของวีโกร์ฟตัวนั้น เสียงกรี๊ด กรีดร้องจากวิญญาณที่ทุกข์ทรมาณจากการที่ถูกเข้านี่สังหารไปร้องดังระงมขึ้น ไม่นานมันก็สงบลง พร้อมกับร่างของวีโกร์ฟที่สลายกลายเป็นธุลีไป ด้วยอำนาจของเพลิงปราบปีศาจ

 

 

ถึงผมจะสามารถจัดการมันได้ เรื่องมันก็ยังไม่จบดี เพราะนี่เป็นแค่ตัวลูกกระจ๊อก ไม่ใช่ตัวหัวหน้าของพวกมัน มันจึงไม่ได้มีผลอะไรต่อคำสาปที่กัดกินหมู่บ้านนี้มากนัก

 

 

เพราะงั้นถ้าอยากปลดปล่อยหมู่บ้านนี้ และเหล่าคนที่กลายเป็นวีโกร์ฟทั้งหลายจากคำสาป ผมจะต้องฆ่าหัวหน้าของพวกมัน หรือ ลอกอช ให้ได้ซะก่อน..

 

 

ขณะที่ผมกำลังคิดทบทวนอยู่กับตัวเอง คุณอลันก็เรียกให้ผมไปดูบางอย่างที่เขาพบเจอ

 

 

มันเป็นเห็ดเรืองแสง ที่เรืองแสงสีฟ้าในตอนกลางคืน.. แต่ทำไมผมพึ่งหาเห็นมันเอาตอนนี้? ทั้งๆที่เมื่อกี้มันยังมืดสนิทอยู่เลย..

 

 

“ นั่นมัน… ”

 

 

“ นี่มันคือ.. อีซ่าร์.. ฮ่าๆ.. หาเจอแล้ว. .”อลัน

 

 

บางทีมันจะเป็นเพราะมันตอบสนองต่อไฟชนิดพิเศษในตอนกลางคืน? เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ให้ความสว่างอยู่ก็คือดาบฆ่าปีศาจที่สลักอักษรประหลาดที่คล้ายอักษรรูนของโลกเก่า มันส่องประกายแสงเพลิงสีม่วงออกมาตลอดเวลาที่อยู่ในเขตแดนต้องห้ามที่มีปีศาจเยอะ

 

 

หรือว่าเจ้าเห็นพวกนั้นมันกำลังตอบรับแสงจากดาบกันแน่? เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้หรอก แค่สันนิษฐานไปมั่วๆ

 

 

ยังไงซะตอนนี้ก็พบอีซ่าร์แล้ว คงกลับไปที่โรงเตี๊ยมได้แล้วล่ะ คืนนี้ไม่น่าจะมีอะไรอีกแล้วแฮะ.. 

 

 

“ รีบเก็บรีบไปกันเถอะครับ ”

 

 

ผมขอถือวิสาสะช่วงเวลาที่อันตรายแบบนี้ในการเก็บดาบฆ่าปีศาจเอาไว้กับตัวก็แล้วกัน ผมเองก็ไม่ฟันธงว่ารอบต่อไปผมจะฆ่ามันได้รึเปล่า เพราะแค่ใช้ ยุทธศาสตร์จำลองไป 3 ครั้งผมก็แทบจะสลบไปแล้ว ตอนนี้ยังดีที่ผมยังประคองสติเอาไว้ได้อยู่ 

 

 

ไม่รู้ว่าถ้าหากเดินๆไปแล้วบังเอิญเจออีกตัว จะสามารถสู้ได้แบบนี้รึเปล่า เพราะแบบนั้นตอนนี้แหละ ที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทางกลับ

 

 

แล้วตอนกลับไปคุณอลันก็เก็บอีซ่าร์ไปอย่างระมัดระวังด้วยประมาณ 4-5 ดอก ถือว่าน่าจะพอดีในการใช้ทำโพชั่นแก้คำสาปให้ลูกสาวและเมียของเขา

 

 

ด้วยสกิลฟื้นฟูฉับพลันตอนนี้แรงกายผมค่อยๆฟื้นฟูกลับมาแล้วล่ะ

 

 

ซึ่งขณะนี้ผมเองก็ต้องระวังตัวเองตลอดเวลาด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นอาจจะมีใครตายไม่รู้ตัวก็ได้…

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ บัตรเชิญ? ”เมเดียร์

 

 

“ ใช่ รัชทายาทฝากบัตรเชิญไปงานเลี้ยงในปราสาทมาให้ครอบครัวของเธอน่ะ ”พานาร์

 

 

“นัดหมายคือวันที่ 9 เมษาฯนะ ”พานาร์

 

 

“เจ้าองค์ชายหน้าม่อนั่นน่ารำคาญชะมัด ”เมเดียร์

 

 

ฉันหยิบซองจดหมายที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา พลิกหน้าพลิกหลังตรวจสอบความผิดปกติ 

 

 

เปิดซองออกมาดูก็เป็นจดหมายเชิญปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ จดหมายเชิญที่มีชื่อฉันอยู่มันดันมีข้อความแปลกๆโผล่ขึ้นมา

 

 

“ ‘ด้วยรักจากองค์ชายของเธอ’ เรอะ… น่าขยะแขยงว่ะ ”เมเดียร์

 

 

ฉันทำหน้าแหยงแบบสุดๆ

 

 

“ หน่า~ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่นิสัยไม่ดีอะไรนะ ฮ่ะๆ ”พานาร์

 

 

ทันทีที่ยัยพานาร์พูดเรื่องพรรค์นั้นออกมา สีหน้าฉันที่ปรากฏคือสีหน้าตายของคนที่เฉยเมยและเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

 

 

“ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ไล่จีบผู้หญิงไปทั่วเนี่ยนะคนดี ถถถ อยากจะขำ ”เมเดียร์

 

 

“หน่านะ งานเลี้ยงนั้นไม่ได้มีแค่รัชทายาทสักหน่อย ใช่! ยังมีสการ์เล็ตด้วยนะ! องค์หญิงที่ 2 สการ์เล็ตไง! ”พานาร์

 

 

“อย่างน้อยพอพูดชื่อของยัยนั่นขึ้นมาก็ทำเอาใจชื้นหน่อย เอาเป็นว่าจะเก็บไปพิจารณาละกัน ”เมเดียร์

 

 

ฉันเก็บซองจดหมายลงไปในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกของฉัน

 

 

หลังจากนั้นทั้งฉันและพานาร์ ก็คุยเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อย จนกระทั่งระหว่างเดินในโถง ดันไปเห็นประตูห้องท่านแม่ที่กำลังแง้มอยู่หน่อยๆ ด้วยความสงสัยของทั้งฉันและพานาร์จึงถือวิสาสะแอบดูท่านหน่อยละกัน

 

 

ภาพตรงหน้าของพวกเราคือชื่อๆหนึ่ง

 

 

“ กอร์หรอ? ”พานาร์

 

 

ใช่ มันคือนามแท้ของบี๋

 

 

จริงๆแล้วการเรียกชื่อของนามแท้ มันจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่จะทำให้มันแสดงอำนาจ กดดันออกมาเหมือนกับตอนที่บี๋พูดออกมาเมื่อคราวนั้น

 

 

กรณีแรกเลยคือ การที่ออกเสียงพร้อมกับคำอื่น จะไม่ปรากฏอำนาจ

 

 

กรณีที่สอง หากมีชื่ออยู่ในรูปประโยค จะไม่ปรากฏอำนาจ

 

 

เพราะงั้นทางเดียวที่จะทำให้ชื่อนั้นแสดงอำนาจออกมา คือการออกเสียงเดี่ยวๆ ไม่ผสมคำอื่นเลย 

 

 

“ กอร์… ”เมเดียร์

 

 

ฉันตั้งใจพูดออกไปเพื่อให้ท่านแม่รู้สึกตัว แต่ว่าแทนที่ท่านจะหันมาด้วยความตกใจและโมโห ท่านกลับยค่อยๆหันมาหาด้วยความใจเย็น จนสุดท้ายท่านแม่ก็เชิญพวกเราเข้าไปข้างในกันก่อน

 

 

ในห้องของท่านแม่จะออกแบบเรียบง่าย ห้องขนาดใหญ่หน่อย มีเครื่องประดับเล็กน้อย เตียงติดระเบียงเหมือนกับห้องของข้า เพีงแต่ห้องของท่านแม่จะมีโซฟาและพื้นที่รับแขกเล็กน้อยด้วย

 

 

พวกเราก็กำลังนั่งกันอยู่ตรงนั้นแหละ

 

 

“พวกหนูคงจะเรื่องเกี่ยวกับกอร์มาบ้างใช่ไหมจ๊ะ? ”วิเวียน

 

 

เปิดมาแม่ก็ถามคำถามเลย 

 

 

“ รู้ ”เมเดียร์

 

 

“ รู้ค่ะ!! กอร์นี่ใช่อาชญากรในยุคมหาสงครามรึเปล่าคะ? ”พานาร์

 

 

“ ใช่จ้ะ~ แต่รู้อะไรไหมจ้ะ แท้จริงแล้ว ท่านกอร์เป็นบรรพบุรุษของตระกูลแม่เองจ้ะ~ ”

 

 

“ บ- บรรพบุรุษ!!? ”เมเดียร์

 

 

ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ… ว่าอดีตชาติของบี๋นั้นจะเป็นบรรพบุรุษของเรา นี่มันเหลือเชื่อโคตรๆ

 

 

“สำหรับตัวเขาน่าไม่มีทายาทโดยตรงหรอกนะ เพราะฉะนั้นพวกเราเลยเป็นลูกหลานของน้องชายของท่านกอร์น่ะ จำได้ใช่ไหมล่ะเม ที่แม่เคยเล่าให้ลูกฟังว่าบรรพบุรุษของเราชื่อโกรุมน่ะ คนนั้นแหละ น้องชายของท่านกอร์! ”วิเวียน

 

 

“ …. หา… ”เมเดียร์

 

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน

 

 

 

 

 

 

คอมเมนต์ติชมกันได้นะครับ ผมจะได้เอาคอมเมนต์ที่พวกคุณแนะนำมาไปปรับใช้ในตอนต่อๆไปครับ

 

 

 

ขอขอบคุณคนอ่านทุกท่านเลยนะครับ