ตอนที่ 6 รายได้หลักหมื่นครั้งแรก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 6 รายได้หลักหมื่นครั้งแรก (รีไรท์)

ตอนที่ 6 รายได้หลักหมื่นครั้งแรก (รีไรท์)

พ่อนิสัยเสียให้เงินเธอมา 3,000 เหลียนปัง รวมกับค่าเช่าที่สือจื่อจิ้นจ่ายล่วงหน้า มันทำให้ซูเถารู้สึกโล่งใจไม่น้อย

เมื่อกลับถึงบ้าน เธอสั่งซื้อเตียงไม้เนื้อแข็งสำหรับตัวเองทันที และเลือกชุดโซฟาผ้าไม้เนื้อแข็งสีขาวราคาถูกชุดหนึ่งเพื่อวางไว้ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า

ทั้งยังทุบกำแพงที่เชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นกับโถงทางเดินออกด้วย

เมื่อมีผู้เช่ามา เธอวางแผนที่จะใช้ห้องนั่งเล่นเป็นห้องประชุม และหารือเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่นี่

นอกจากนี้ห้องน้ำที่ว่างเปล่ายังเพิ่มความหรูหราด้วยโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ และห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง

ใช้เงินไปทั้งหมด 1,560 เหลียนปัง

เธอยังเปิดห้องเดี่ยว และใช้เงินอีก 1,000 เหลียนปัง

เพิ่มเตียงไม้ธรรมดา ฝักบัว โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในห้อง

ทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าไม้ขนาดใหญ่อย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียว และใช้จ่ายออกไปอีก 830 เหลียนปัง

สุดท้ายก็ตั้งค่าห้องนี้เป็นโหมดเช่ารายเดือน

เธอวางแผนที่จะเก็บเหรียญรัฐบาลกลางที่เหลืออีก 3,623 เหลียนปังไว้ หลังจากนั้นระบบจำเป็นต้องอัปเกรดเป็นเลเวล 2 ซึ่งต้องใช้เงินทั้งหมด 10,000 เหลียนปัง…

เพียงแค่ซูเถาคิดถึงมัน เธอก็รู้สึกปวดร้าว

[ห้องเดี่ยวหมายเลข 003 เปิดให้เช่ารายเดือน ตามระบบการตกแต่งภายใน ค่าเช่าระยะเดือนอยู่ที่ 10,000 เหลียนปัง หากคุณต้องการเพิ่มค่าเช่า ขอให้โฮสต์ซื้อของตกแต่งบ้านคุณภาพสูงขึ้น]

ซูเถายกยิ้มอย่างพึงพอใจ

ห้องนี้เธอจะเก็บไว้ให้พวกสือจื่อจิ้น

ทุกวันนี้นอกเขตเถาหยางนับวันยิ่งมีผู้คนมาสอบถามมากมาย แต่ซูเถากลับเพิกเฉยต่อคนพวกนั้น

เธอจะไม่ปล่อยเช่าจนกว่าจะจัดการที่อยู่ของพวกสือจื่อจิ้นให้เรียบร้อยก่อน

สำหรับอาหารค่ำ ซูเถาสั่งอาหารสุดหรูมูลค่า 16 เหลียนปังสำหรับตัวเอง และมีเศษเนื้อวัวอยู่ในนั้นด้วย!

เมื่อสือจื่อจิ้นและพรรคพวกของเขากลับมา ทันทีที่พวกเขาเข้าประตูเขตเถาหยาง พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับบ้านที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

ครั้งสุดท้ายที่มา มีเพียงทางเดินสั้น ๆ ที่มีห้องสองห้องอยู่ทางด้านซ้ายและขวา

ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงห้องรับแขกขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีห้องเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

“คุณจ้างทีมก่อสร้างระดับสูงมาสร้างบ้านในชั่วข้ามคืนหรือเปล่าเนี่ย” เฉินเทียนเจียวถาม

ซูเถาคุ้นเคยกับพวกเขาแล้ว จึงทำแค่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไร ราวกับว่าคุณไม่ต้องมาสนใจเรื่องของเจ้าของบ้านหรอก

สือจื่อจิ้นมองที่เธออีกสองสามครั้งด้วยดวงตาที่เรียวยาวโดยไม่พูดอะไรและเปลี่ยนเรื่องว่า

“คืนนี้น้องสาวของผมจะย้ายเข้ามา”

ปรากฏว่า 4,000 เหลียนปังถูกเตรียมไว้สำหรับน้องสาวของเขา

เมื่อเห็นว่าแขนขวาของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ซูเถาเดาว่าเขาน่าจะทำแขนเทียม ซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

เมื่อถึงเวลาเธอก็เปิดประตูห้องใหม่

“เตียงไม้เดี่ยว เครื่องนอนและหมอนครบชุด มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตรงข้ามเตียง สามารถเก็บเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิกได้ มีห้องน้ำอยู่อีกฝั่งของห้อง ห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง มีล็อกเกอร์และอ่างล้างหน้าแยกออกมา เป็นห้องเก็บเสียง ค่าเช่ารายเดือนเพียง 10,000 เหลียนปัง”

สมาชิกทุกคนที่เห็นการตกแต่งนี้ต่างรู้สึกอิจฉา

สือจื่อจิ้นถามว่า “ต้องมีคะแนนสมทบหรือเปล่า”

คะแนนของเขาถูกใช้เพื่อซื้ออาวุธและยาที่หายากสำหรับคนอย่างพวกเขาที่ใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยง

“ไม่จำเป็น” ซูเถาตอบน้ำเสียงราบเรียบ

สายตาของสมาชิกทุกคนในทีมเป็นประกาย พวกเขาเหลือบไปมองกัปตันอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถที่จะขัดใจเขาได้ เพราะกัปตันเป็นผู้นำ

“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าอยู่วันนี้” สือจื่อจิ้นกล่าว

[+10,000 เหลียนปัง]

ดวงตาของเธอเป็นประกายราวกับมีดอกไม้ไฟปะทุตรงหน้า

มีทุนในการอัปเกรดแล้ว!

สือจื่อจิ้นยิ่งมองรอบห้องก็ยิ่งพอใจ จากนั้นกลับเข้าห้อง และคิดว่าจะอาบน้ำอุ่นชำระร่างกายให้สดชื่นสักหน่อย

แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของตนเองกำลังสร้างความอิจฉาให้กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ในหอพัก

เย็นวันนั้นซูเถาได้พบกับน้องสาวของน้องสาวของสือจื่อจิ้น ซึ่งเป็นผู้เช่ารายใหม่ของห้องเดี่ยวหมายเลข 002

สือจื่อเยว่น้องสาวของสือจื่อจิ้นดูเหมือนเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 14 ปี เป็นเด็กที่เชื่อฟังและยังขี้อายอีกด้วย

สือจื่อจิ้นพาเธอมาแนะนำตัวกับซูเถา

“นี่น้องสาวของผม ก่อนหน้านี้ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน เลยฝากเธอไว้ที่บ้านของคุณอา ครั้งนี้มีโอกาสเลยรับเธอออกมาด้วย ในอนาคตรบกวนคุณช่วยดูแลเธอด้วยนะ จื่อเยว่มานี่มา นี่คือพี่ซูเถา”

ใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยแดงระเรื่อ และเอ่ยเรียกพี่ซูเถา ทั้งแสดงรอยยิ้มที่เขินอายและดูเป็นมิตรส่งมาให้หญิงสาว

ซูเถาไม่ค่อยได้เห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอจะยอมรับน้องสาวตัวน้อยขึ้นมาเสียแล้ว และพูดเคล้ารอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ห้องของพี่อยู่ตรงนี้นะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาเคาะประตูเรียกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

สือจื่อเยว่มองเธอด้วยดวงตาเปล่งประกายสดใส และในเวลาไม่นานทั้งสองก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

วันต่อมาสือจื่อจิ้นก็ออกไปตั้งแต่เช้าเช่นเคย เนื่องจากวันนี้เป็นวันตรวจสอบสมรรถภาพร่างกายของกำลังพลใหม่

ผู้ที่สมัครเข้าร่วมกองทัพบุกเบิกจะต้องรายงานตัวที่ศูนย์ฝึก ผู้ตรวจสอบจะทดสอบความแข็งแรงทางร่างกายและความสามารถของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจะได้ถูกส่งไปประจำแต่ละกองพล

กัปตันมีหน้าที่นำผู้มาใหม่ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและชีวิตของกองทัพชายแดนโดยเร็วที่สุด

เฉินเทียนเจียวแบะริมฝีปาก “ผมรู้สึกว่ากำลังพลใหม่ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำไปเลย เมื่อวานมีหญิงสาวคนหนึ่งมาร้องไห้อยู่ที่ศูนย์บัญชาการ บอกว่าลูกสาวของเธอสุขภาพไม่ดี ส่งเธอไปก็เหมือนถูกส่งไปตาย วุ่นวายเป็นที่สุด”

ด้วยเหตุผลบางอย่างซูเถาจึงนึกถึงหลี่หรงเหลียนขึ้นมาทันที

หากเจียงจิ่นเวยเสียสละเพื่อเข้าร่วมกองทัพ หลี่หรงเหลียนจะต้องสร้างเรื่องวุ่นวายแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนิสัยของพ่อเธอ เขาจะไม่ปล่อยให้ลูกชายสองคนของเขาเข้าร่วมกองทัพอย่างแน่นอน และเจียงจินเว่ยทำได้เพียงเสียสละเท่านั้น

ซูเถารู้สึกว่าร่างกายของตนเย็นวาบขึ้นมา

ถึงจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่หลี่หรงเหลียนกลับรู้สึกเสียใจกับเจียงจิ่นเวย และกังวลว่าเจียงจิ่นเวยจะมีชีวิตรอดกลับมาไหม แต่เลือกทิ้งเธอไว้ข้างหลังอย่างโหดร้าย และสมัครเข้าร่วมกองทัพให้เธอ ไม่สนใจความเป็นความตายของเธอเลยแม้แต่น้อย

โชคดีที่เธอตัดขาดความเป็นแม่ลูกกับคนแบบนั้นแล้ว