วันต่อมา ฉันนอนอยู่บนเตียงที่ไหนไม่รู้

ถ้าจำไม่ผิด เมื่อวานนี้… อาจารย์จัดงานเลี้ยงฉลองให้ฉันสินะ?

ฉันจำเรื่องระหว่างนั้นไม่ได้เลยแฮะ แต่ก็หมายความว่า นี่ก็คงเป็นที่ร้านของอาจารย์ล่ะมั้ง?

หลังจากที่ฉันลุกออกมาจากเตียง แล้วเดินออกมาจากห้อง ฉันก็เห็นโถงทางเดินที่คุ้นเคย

อื้อ ว่าแล้วเชียว ใช่จริงๆ ด้วย

ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ฉันเข้ามาที่นี่ แต่ดูเหมือนที่นี่คือห้องของแขกที่ชั้น 2 ของร้านนะ

พอฉันเดินลงบันไดไปที่ส่วนพื้นที่อาศัยของร้านที่มีสัญญาณของคนอยู่ ตรงนั้นก็มีอาจารย์นั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะอย่างสบายๆ เลย

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ อาจารย์”

“โอ้ ตื่นแล้วเหรอ เมื่อวาน เธออยากทำให้ฉันหัวเราะเหรอ? ดื่มสาเกไปแค่จิบเดียวปุ๊บ ก็ล้มฟุบคาโต๊ะปั๊บเลยน่ะ ――― อุบ ฮุฮุฮุฮุ… อะฮะฮะฮะฮะฮ่า!”

 

พออาจารย์เริ่มระเบิดหัวเราะแล้ว อาจารย์ก็หัวเราะออกมาเสียงดังไม่หยุดเลย เหมือนกับว่าอาจารย์จะจำเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นได้ขึ้นมายังงั้นแหละ

มาคิดๆ ดูแล้วเนี่ย เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองดื่มแอลกอฮอล์เลย… ถ้าเป็นอย่างที่อาจารย์บอกล่ะก็ แสดงว่าฉันสลบไปเลยงั้นเหรอ?

―――ไม่น้า โหดร้ายไปมั้ยน่ะ?

ก็จริงอยู่นั่นแหละว่าการสลบเหมือนในอึกเดียวแบบนี้มันน่าสมเพชพอควรเลย แต่ก็ไม่เห็นต้องหัวเราะขนาดนั้นเลยนี่นา

พอสีหน้าของฉันอึ้งไปแล้ว อาจารย์ก็หยุดหัวเราะ แล้วกลับมายิ้มอีกครั้งนึง

 

“ยิ่งกว่านั้นเนี่ย ถึงเธอจะบอกไว้ว่า ‘ต้องรับผิดชอบแก้ปัญหาเองให้ได้’ แต่ก็กลายเป็นว่า เธอก็อยู่พักที่บ้านของพวกเราซะได้เนอะ?”

“อึก… เรื่องนั้นน่ะ…”

 

จริงด้วย

ถึงส่วนนึงจะเป็นเหตุสุดวิสัยมันบังคับก็เถอะ แต่ตั้งแต่วันแรกที่ฉันตัดสินใจว่าจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้ ฉันก็ต้องให้อาจารย์ช่วยดูแลทันทีเลยซะแล้ว

ต่อให้จะอ้างว่าเพราะฉันไม่คุ้นกับการดื่มก็เถอะ แต่นี่ถ้าฉันสลบอยู่ในบาร์ ก็จะกลายเป็นว่าไม่มีใครข่วยฉันเลยน่ะสิ

เพราะฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

 

“สาเกนั่นน่ะ มันแรงเกินไปแล้วนะคะ…”

“นั่นก็ออกจะแรงจริงๆ ล่ะนะ แล้วก็ ราคาก็ใช้ได้เลยด้วยนะ? แน่นอนว่า―――”

“หยุดก่อนค่ะ! อย่าพูดต่อเลยนะคะ! ฉันทนต่อไม่ไหวแล้วนะ…”

 

ฉันไม่อยากได้ฟังอะไรที่อาจารย์เรียกว่า ‘ของที่ใช้ได้เลย’ เลยน่ะ!

มั่นใจได้เลยว่ามันต้องไม่ได้มีราคาแบบที่ฉันจะเอาใส่ปากของตัวเองได้อย่างเป็นเรื่องปกติแน่นอน!

ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองดื่มอะไรไป ไม่ต้องพูดถึงรสชาติของมันเลยนะ แต่มันเจ็บในใจมากเลยพอนึกถึงเงินที่ฉันทำเสียเปล่าไปน่ะ

 

“…โธ่ ฉันจะไม่ดื่มไปอีกซักพักเลยแล้วกันค่ะ”

“แบบนั้นดีแล้วล่ะ ไว้จะดื่มอีกเมื่อไหรก็ช่วยให้ฉันได้หัวเราะอีกซักทีก็แล้วกันนะ!”

 

พอพูดแบบนั้น อาจารย์ก็หัวเราะ ‘ฮุฮุฮุ’ อีกแล้ว

หมายความว่า ถ้าฉันจะดื่มอีก ฉันก็จะสลบอีกงั้นสินะ? เข้าใจแล้วค่ะ

―――อย่างน้อยที่สุดก็ เลี่ยงการดื่มในที่สาธารณะก็แล้วกัน

ฉันก็เป็นผู้หญิงด้วย นี่อาจไม่ใช่แค่เรื่องตลกเลยก็ได้

 

“แต่เมื่อวานนี้ ตอนที่คุณซาราสะล้มฟุบไป ผู้จัดการเองก็ลนลานใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ? ผู้จัดการเป็นคนพาเธอไปพักที่ห้องเอง แล้วก็คอยเฝ้าอยู่ข้างๆ จนอาการเธอดีขึ้นเลยนี่”

“อ๊ะ คุณมาเรีย”

 

ตอนที่ฉันยังซึมอยู่ คุณมาเรียที่ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วใบนึง ก็เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้

 

“มาเรีย! อย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องสิ!”

“อาระ ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นา คุณรีบออกไปจัดการเองเลยด้วย ไม่ใช่เหรอ?”

 

คุณมาเรียยิ้ม ก่อนจะยื่นแก้วน้ำมาให้ฉัน พร้อมบอกให้รู้ตัวด้วยว่า “นี่นะ”

ฉันที่คอแห้งก็รับแก้วและพูดขอบคุณ เอียงแก้วพลางมองอาจารย์อยู่เงียบๆ อาจารย์ที่หัวเราะอยู่ตรงถึงเมื่อกี้ ก็เบะปากทำสีหน้าเซ็งๆ ยังไงไม่รู้

 

“น- น่า! ยังไงซะ เราก็ปล่อยให้มีใครมาตายในร้านไม่ได้อยู่แล้วนี่!”

 

พอรู้ตัวว่าฉันกำลังมองอยู่ อาจารย์ก็กระแอมให้คอโล่งพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย แต่คุณมาเรียเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ออกมา

 

“ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ เลยน้า เอาเถอะ ยังไงก็ดีแล้ว เอาล่ะ อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วนะ คุณซาราสะเองก็อยู่ทานด้วยใช่มั้ยเอ่ย?”

“เออ คือ…”

“อยู่ทานที่นี่นี่แหละ ต้องกังวลเรื่องมื้อเช้าขนาดนั้นเลยหรือไงเล่า?”

 

ฉันลังเลนิดหน่อยที่ต้องให้ดูแลเพิ่มอีก แต่อาจารย์ก็พูดยังงั้น แล้วก็บอกคุณมาเรียให้ช่วยเตรียมอาหาร 3 ที่

 

“ขอบคุณนะคะ”

 

ว่าตามตรงนะ พอคิดว่าฉันจะเริ่มออกเดินทางวันนี้ มันก็จริงที่ว่ามันจะช่วยประหยัดเวลาให้ฉันได้เยอะเลย

ฉันพูดขอบคุณ ทานมื้อเช้าแบบรีบกว่าปกตินิดหน่อย แล้วก็เริ่มเตรียมพร้อมจะออกเดินทางทันที

ถึงฉันจะใช้คำว่าเตรียมพร้อมก็เถอะ แต่ของใช้ส่วนตัวของฉันก็อยู่ในเป้ที่อาจารย์ให้ฉันหมดแล้ว ที่ฉันต้องเตรียมก็มีแค่อาหารนี่แหละ

ถึงยังงั้นก็เถอะ จริงๆ ทั้งหมดที่ฉันต้องทำ ก็คือไปซื้อจากร้านตามทางเท่านั้นเอง เพราะงั้น ฉันแค่แต่งเนื้อแต่งตัว แล้วสะพายกระเป๋าซะ แค่นี้ก็เรียบร้อย

พอฉันจะบอกลาอาจารย์ แล้วกำลังจะออกจากร้านแล้ว อาจารย์ก็บอกว่า ‘เอานี่ไปด้วยสิ ของขวัญอำลาไงล่ะ’ ก่อนจะยื่นชุดเครื่องมือสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุ, วัตถุดิบหลากหลายชิ้น แล้วก็หนังสือเล่มเล็กที่เหมือนจะเกี่ยวกับเรื่องของข้อแนะนำในการบริหารมาให้ฉัน

หนังสือนี่ต่างหากแล้วกัน แต่พวกเครื่องมือนี่ราคาไม่ได้ถูกเลยนะ

อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ใช่เงินที่คนทั่วไปจะซื้อได้ง่ายๆ นั่นแหละ

ได้กระเป๋าเป้ราคาแพงมา, จ่ายค่าร้านให้, ไหนจะของขวัญอำลานี่อีก… ตอนที่ฉันอึกอักนิดหน่อยที่จะรับมัน อาจารย์ก็พูดมาแบบติดตลกว่า ‘ฉันยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับปรมาจารย์นะ รู้ใช่มั้ย? นี่มันไม่ได้มากมายอะไรเลย ไม่ต้องคิดมากหรอก ถึงจะแปลกๆ ไปบ้าง แต่เธอก็เป็นลูกศิษย์ที่กำลังจะแยกตัวไปจากพวกเรา แล้วไปมีร้านเป็นของตัวเองแล้วนี่นา ของขวัญอำลาระดับแค่นี้น่ะถูกจะตายไป’

ใช้คำว่า [ระดับแค่นี้] กับราคาที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึงเนี่ย สมกับเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุจริงๆ เลยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย

 

เพิ่มอีกนิดแล้วกัน จากที่คุณมาเรียแอบบอกฉันระหว่างที่ออกมาส่งเนี่ย เหมือนว่าหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้ อาจารย์จะเป็นคนเขียนเองในระหว่างที่ฉันสลบอยู่จนถึงตอนเช้าเลยด้วยนะ

อืม อาจจะเพราะแบบนี้มั้ง เมื่อเช้านี้ อาจารย์ก็เลยดูง่วงๆ นิดนึง

ถ้ายังงั้น ฉันจะยกโทษเรื่องที่อาจารย์หัวเราะเยาะฉันให้ก็แล้วกันนะ

ก็อาจารย์คอยตื่นอยู่ตลอดทั้งคืนเลยนี่นา

…อื้อ ฉันต้องพยายามเยอะๆ แล้วประสบความสำเร็จให้ได้เลย

ฉันตั้งเป้าไว้แบบนั้นอยู่ในใจ ในขณะที่เดินทางออกจากเมืองหลวง

 

โดยที่ไม่รู้เลยว่า ในหมู่บ้านที่ไกลลิบนั่น มีความเป็นจริงอะไรรอฉันอยู่…

 

TN: เนี่ย แล้วจะไม่ให้รักอาจารย์โอฟิเลียได้ยังไงล่ะ ^^