ทั้งวันซู่เจินและซิฟไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่ในบ้าน

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กันแค่สองคนและนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด และเวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซู่เจินได้เล่าสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกให้กับเธอ ส่วนเธอก็เล่าเรื่องของแอสการ์ดให้เขาฟัง พวกเขานั่งแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างสนุกสนาน และถ้าเธอมองข้ามความประทับใจแย่ ๆ ของซู่เจินในตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอรู้สึกว่าซู่เจินเป็นคนที่น่าดึงดูดมาก ๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีรูปร่างที่ดูกำยำ แต่เขาก็มีหน้าตาที่หล่อเหลา โดยเฉพาะเทคนิคการพูดของซู่เจินที่แฝงไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์ ทำให้ซิฟรู้สึกหลงไหล

ผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองและเข้มแข็งจะเป็นคนที่ดูขี้เหร่ไปได้ยังไงจริงไหม?

โดยไม่รู้ตัวตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนเริ่มกลายเป็นความสนิทสนม แม้ว่ามันจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการทำสิ่งต่าง ๆ แต่เขาก็แค่จับมือของเธอและไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น แต่สำหรับความคิดนั้นแตกต่างออกไป

ตอนนี้ซู่เจินอยู่ที่บ้านของซิฟมาเป็นเวลาหลายวันแล้วและสามารถพูดได้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขาและซิฟก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามซู่เจินก็ไม่ใช่ชาวแอสการ์ดอยู่ดีและเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด ถึงแม้ว่าเมืองนี้มันจะสงบสุขดี แต่มันก็หน้าเบื่อเกินไป

“เจ้าจะไปแล้วงั้นหรอ?”

เมื่อซู่เจินบอกกับซิฟว่าเขากำลังจะจากไป ปฏิกิริยาของซิฟก็เปลี่ยนไปทันที

ซู่เจินพยักหน้าและพูดขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจว่า “ใช่ ผมอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้เพราะว่าผมยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าผมมีเวลาผมจะมาหาคุณแน่นอน”

“แต่ … แต่ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันได้ไหม” ซิฟรู้สึกเสียใจเล็กน้อยและไม่อยากให้ซู่เจินจากไปไหน

ในเวลานี้เธอตระหนักได้ว่าซู่เจินได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเธอเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ต้องการให้ซู่เจินจากไปไหน และเธอก็รู้ว่าคนอย่างซู่เจินคงจะไม่อยู่ในแอสการ์ดไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน แต่เธอก็ไม่สามารถตามซู่เจินไปที่โลกได้!

“มาเลคิธในตอนนี้กำลังซ่อนตัวและรักษาบาดแผลของเขาอยู่และในไม่ช้าเขาจะกลับมาล้างแค้นอย่างแน่นอน และผมจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรทั้งเก้าและพลังของอนุภาคอีเทอร์ใช้การเขาในรวดเดียว แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว!” ซู่เจินอธิบายออกมา

ซิฟตกใจมากและพูดขึ้นมาว่า “เจ้ากำลังจะไปจัดการมาเลคิธ? แล้วเจ้ารู้งั้นหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน!“

“อืม” ซู่เจินพยักหน้าตอบ

“ข้าจะไปกับเจ้า!” ซิฟพูดขึ้นมาโดยทันที

ซู่เจินส่ายหัวและพูดว่า “มันอันตรายเกินไป และมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะพาคุณออกไป”

“ข้าไม่ไว้ใจที่จะให้เจ้าไปคนเดียว และเจ้าอย่าลืมนะว่าข้าคือใคร…ข้าคือเทพีแห่งสงคราม ซิฟ!” ซิฟพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่น

“โอเค!”

ซู่เจินคิดอยู่สักพักหนึ่งและพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อเห็นว่าซู่เจินตกลงแล้ว ซิฟก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจและก็พูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วงว่า “ตอนนี้แอสการ์ดกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังสงคราม ทำให้เราไม่สามารถออกไปจากแอสการ์ดได้โดยง่าย!”

“ผมรู้ทางลับที่จะสามารถพาเราออกจากแอสการ์ดและไปยังอาณาจักรสวาทาลฟ์ไฮม์ได้อย่างรวดเร็ว!” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“มันน่าจะไม่ใช่สถานที่ที่โลกิรู้จักมาก่อนใช่ไหม ? แล้วเจ้ารู้จักทางลับนี้ได้ยังไง?” ซิฟถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

ซู่เจินยิ้มออกมาและไม่ได้พูดตอบซิฟ

พวกเขาทั้งสองคนช่วยกันจัดเตรียมสัมภาระให้พร้อมและเตรียมตัวออกเดินทาง

เส้นทางลับที่ซู่เจินได้พูดถึงนั้นมันอยู่ไกลมากและโดยปกติแล้วถ้าพวกเขาเดินเท้ากันไปมันคงจะใช้เวลานานมากกว่าที่พวกเขาจะเดินทางไปถึง และตอนแรกซิฟก็ตั้งใจว่าจะใช้ยานบินของแอสการ์ดในการเดินทาง แต่ซู่เจินก็ยิ้มออกมาและเดินไปกอดเอวของเธออย่างรวดเร็วและเปลวเพลิงก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของซู่เจินและบินออกไปอย่างรวดเร็ว!

ซู่เจินบินด้วยความเร็วสูงและพวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงทางลับที่ซู่เจินได้บอก หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็บินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว และจู่ ๆ ซู่เจินก็ยิ้มออกมาและหันไปพูดกับซิฟว่า“คุณคิดไหมว่าพวกเราสองคนในตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังนี้ตามกันไปเลยว่าไหม?”

“ไม่ใช่ เพราะว่าเดี๋ยวข้าก็กลับมาอยู่ดี!” ซิฟพูดขึ้นมาพร้อมกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย

พวกเขาทั้งสองคนบินเข้าไปด้านในเรื่อย ๆ และอยู่ ๆ ทิวทัศน์เบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา จากสถานที่ที่มืดมิดในตอนแรก ตอนนี้มันสว่างไสวจนสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง!

“เรามาถึงแล้ว!”

ซู่เจินค่อย ๆ วางซิฟลงกับพื้นและพูดขึ้นมาเบา ๆ

“ยานบินของมาเคลิธอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ผมไม่รู้ว่ามันเหลือเผ่าดาร์กเอลฟ์อีกมากมายแค่ไหน ดังนั้นเดี๋ยวผมจะเป็นคนเดินนำเอง โอเคไหม?” ซู่เจินชี้ไปด้านหน้าและพูดขึ้นมา

ซิฟพยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ายานบินของมาเคลิธอยู่ตรงไหน

“ไปกันเถอะ!”

ซู่เจินเป็นคนเดินนำ ส่วนซิฟก็เดินตามซู่เจินมาอย่างไม่ห่าง

ด้วยความสามารถในการทำนายอนาคตของซู่เจิน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นยานบินของมาเลคิธได้ แต่เขาก็รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน

“แหลกไปซะ!”

ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ และต่อยไปที่กำแพงที่อยู่ข้างหน้าของเขาทันที

หมัดของซู่เจินแทงทะลุเข้ากับกำแพง ทำให้กำแพงแตกออกเป็นรูขนาดใหญ่ทันทีและมือของเขาก็แทงทะลุต่อเนื่องไปยังผนังด้านนอกของยานบิน จากนั้นเขาก็จับไปที่บริเวณที่เสียหายด้วยมือทั้งสองข้างของเขา แล้วดึงมันลงมาอย่างแรงทำให้มีเสียงคลิ๊กดังขึ้นมาและประตูของยานบินก็ถูกดึงลงมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นลักษณะภายในยาน!

ยานบินของดาร์กเอลฟ์นั้นมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากยานบินลำอื่น ๆ เพราะว่ามันมีลิฟต์ที่เคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แถมยังมีขาตั้งที่ใช้สำหรับจอดยานบินคล้ายกับป้ายที่ติดอยู่บนหลังคารถแท็กซี่อยู่ที่ใต้ท้องของยานบิน

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปด้านใน พวกเขาก็ได้ยินสัญญาณเตือนดังขึ้นมาทันที ซู่เจินเดินไปอุ้มซิฟและบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

จะใช้ลิฟต์ไปทำไม ในเมื่อเขาสามารถบินได้เร็วกว่า!

ในพริบตาพวกเขาทั้งสองคนก็มาถึงชั้นบนสุดของยานอย่างรวดเร็ว และทันทีที่พวกเขาขึ้นมาถึง พวกเขาก็ถูกเหล่าดาร์กเอลฟ์ใช้ปืนพลังงานยิงมาที่พวกเขาทันที

ซู่เจินปล่อยสนามพลังจิตของเขาออกไปรอบ ๆ ทำให้คลื่นพลังงานจากปืนพลังงานถูกพลังจิตของเขาป้องกันไว้ได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นซู่เจินก็ใช้พลังจิตของเขาลากเหล่าดาร์กเอลฟ์ไปกับพื้น และยกมือของเขาขึ้นมาสร้างลูกบอลเพลิงและโจมตีไปที่พวกเขาอย่างแม่นยำ ทำให้เหล่าดาร์กเอลฟ์พวกนั้นถูกเผาไหม้และกลายเป็นเถ้าถ่านทันที

พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้หยุดพักและรีบวิ่งต่อไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างทางที่เจอศัตรูซู่เจินจะใช้พลังจิตของเขาควบคุมไม่ให้ศัตรูเคลื่อนไหวและปิดท้ายด้วยบอลเพลิงของเขา ซิฟที่เห็นแบบนั้นก็บ่นขึ้นมาด้วยความน้อยใจเล็กน้อยว่า “เจ้าจะไม่ให้ข้าทำอะไรเลยใช่ไหม!”

“ในเมื่อมีผมอยู่ ผมจะไม่ยอมให้คุณต่อสู้เด็ดขาด!”

ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม และไม่นานพวกเขาก็มาถึงศูนย์กลางของยานบินลำนี้ โดยที่มีเหล่าดาร์กเอลฟ์ประมาณหนึ่งโหลกำลังปกป้องมาเลคิธที่กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในแคปซูลตรงหน้าของพวกเขา

โดยที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเลยว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งของมาเลคิธถูกไฟไหม้จนเกรียมและเป็นแผลเหวอะวะจนน่ากลัว แต่เมื่อพวกเขามองแวบแรกมันก็ดูเหมือนกับว่าหน้าของเขามันเหมือนกับ หยินกับหยาง!

“หยุดพวกเขาซะ!”

เมื่อมาเลคิธเห็นซู่เจินและซิฟ เขาก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อยและเห็นได้ชัดเลยว่าซู่เจินเป็นคนที่ทิ้งบาจแผลอันนี้ไว้บนร่างกายของเขา ด้วยเสียงตะโกนของมาเลคิธทำให้ดาร์กเอลฟ์ที่อยู่รอบ ๆ พุ่งเข้ามาหาซู่เจินและซิฟอย่างรวดเร็ว ซิฟหยิบดาบและโล่ของเธอขึ้นมาและโจมตีไปที่ดาร์กเอลฟ์ที่กำลังวิ่งเข้ามาด้านหน้าของเธอทันที!

เทพีแห่งสงคราม!

เมื่อซู่เจินเห็นท่าทางที่กล้าหาญของซิฟในตอนนี้ และเอามันไปเปรียบเทียบกับท่าทางที่อ่อนโยนเมื่อเธออยู่กับเขา เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าพวกเขาไปถึงจุดนั้น ซิฟจะมีท่าทางอย่างไร เธออาจจะมีท่าทางดุร้ายเหมือนหมาป่า ? หรืออ่อนโยนเหมือนกุลสตรีกันแน่!