เช้าวันรุ่งขึ้นยูริก็ขอให้ฮันน่าสอนภาษาให้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากกินอาหารจนเสร็จสรรพทั้งสองก็มานั่งบนโซฟาเหมือนเคย ด้วยความเร็วในการจดจำของเด็กสาวที่สูงพอสมควร ในที่สุดเธอก็รู้วิธีการอ่านและเขียนภาษาสุริยันไปแล้วทั้งสิ้นสามสิบคำจากคำศัพท์ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยคำ
“ยูริจังเก่งจังเลย” ฮันน่าปรบมือเบาๆอย่างประทับใจ เธอไม่เคยเห็นเด็กคนไหนเรียนรู้ได้ไวขนาดนี้มาก่อน หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธออยู่เพียงคนเดียวมาตลอดก็ได้ เลยไม่อาจรู้ได้ว่าความเร็วในการเรียนรู้ระดับนี้มันอยู่ในระดับมาตราฐานหรือไม่
วาคาดะ ซายูริมีเป้าหมายที่จะเรียนรู้การเขียนคำศัพท์ทั้งหมดของภาษาสุริยัน ทั้งตัวอักษร สระ และวิธีการอ่านและเขียน เพื่อที่จะได้นำความรู้พวกนี้ไปต่อยอดกับแผนการในอนาคต
ฆาตกรต่อเนื่องที่มุ่งหวังจะทำลายโลกแต่อ่านหรือเขียนไม่ได้น่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอกนะ
เด็กสาวมองหน้าฮันน่า เธอกำลังคิดว่าควรจะเริ่มทดสอบตอนนี้เลยดีรึเปล่า เด็กสาวสงสัยเรื่องความสามารถในการพูดของตัวเอง มันแปลกประหลาดเหลือเกินที่เธอสามารถพูดภาษาสุริยันได้ แต่กลับเขียนหรืออ่านไม่ได้
สมมุติถ้าทฤษฏีที่เธอคิดเป็นจริง เธอไม่เคยมีความสามารถในการแปลภาษามาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่งั้นเธอคงจะอ่านหรือเขียนได้และไม่ต้องให้ฮันน่ามาสอนแบบนี้แน่นอน และการจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้คือการพูดภาษาญี่ปุ่นใส่อีกฝ่าย สมมุติถ้าเธอพูดออกไปแล้วมันแปลงเป็นภาษาสุริยัน นั่นก็หมายความว่า เทพธิดามอบพลังในการแปลภาษามาให้แน่นอน แต่มอบให้แค่ในขอบเขตของการฟังและพูดเท่านั้น
แต่ถ้ามันยังเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิม แปลว่าเธอไม่เคยมีสกิลที่จะแปลงภาษาจากภาษาสุริยันเป็นญี่ปุ่น หรือญี่ปุ่นเป็นสุริยันแต่อย่างใด แต่มันจะกลับกลายเป็นว่าเธอสามารถพูดภาษาของโลกนี้ได้อย่างคล่องแคล่วโดยที่ไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเป็นแบบกรณีที่สอง ทำไมเธอถึงไม่สามารถอ่านหรือเขียนได้กันล่ะ ถ้าเป็นอย่างที่คิด ในกรณีที่สองมันจะเท่ากับว่าเธอไม่ได้รับสกิลแปลภาษามา แต่เชี่ยวชาญอยู่แล้วแต่กลับอ่านหรือเขียนไม่ได้
แต่แบบนั้นมันย้อนแย้งในหลายจุด อย่างแรกเลยคือทำไมเธอถึงเชี่ยวชาญภาษาของโลกนี้ได้กันล่ะ แต่กลับอ่านหรือเขียนไม่ได้ นับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดโดยแท้จริง
หรือบางทีมันอาจจะเป็นสกิลแปลภาษาที่เทพธิดามอบให้? แต่แค่ไม่ใช่การแปลในรูปแบบที่ว่าแปลจากภาษาอื่นไปเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เป็นในรูปแบบที่ทำให้เธอเชี่ยวชาญภาษาอื่นที่ว่าโดยสมบูรณ์งั้นหรือ?
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน เรื่องที่เธออ่านหรือเขียนไม่ได้ก็เป็นความจริง นับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก แต่เธอคิดว่าปริศนานี้ยังไม่ใช่เรื่องที่ควรจะกังวลในตอนนี้
เด็กสาวเลิกคิดฟุ้งซ่าน เธอมองหน้าฮันน่าที่กำลังเลือกคำศัพท์ใหม่ๆมาให้เธอฝึกอ่านและเขียน ก่อนจะเอ่ยปากออกไปด้วยคำว่าหิวข้าวแล้วเป็นภาษาญี่ปุ่น
ตึก ตัก เธอรอลุ้นว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน
“หืม ยูริจังพูดอะไรน่ะ?” ฮันน่าทำสีหน้ามึนงง ถ้อยคำประหลาดที่ตัวเองไม่เข้าใจได้ออกมาจากปากของเด็กสาวตรงหน้า แวมไพร์สาวขมวดคิ้วเล็กๆ นึกสงสัยในความหมายของคำพูดของอีกฝ่าย
วาคาดะ ซายูริหัวใจพองโตด้วยความตื่นเต้น ดูเหมือนทฤษฏีที่ว่าตัวเธอไม่ได้พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วแปลเป็นภาษาสุริยันจะเป็นเรื่องจริง! แปลว่าที่ผ่านมาตัวเธอพูดด้วยภาษาสุริยันมาตลอด ราวกับว่าตัวเองเชี่ยวชาญภาษานี่ตั้งแต่ต้น! แต่นั่นก็ไม่อธิบายอยู่ดีว่าทำไมเธอถึงอ่านหรือเขียนไม่ได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็แอบขมวดคิ้วในใจเล็กน้อย
ยังไงก็ช่าง ตอนนี้ปัญหาสำคัญคือจะอธิบายฮันน่ายังไงให้อีกฝ่ายไม่สงสัยเนี่ยแหละ ส่วนปริศนาภาษาสุริยันค่อยไปขบคิดวันหลัง เด็กสาวเชื่อว่าสักวันยังไงเธอก็จะไขความลับของการพูดภาษาสุริยันได้ แต่อ่านไม่ได้แน่นอน
“นั่นคือ–เอ่อ หนู–ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ” เธอแสร้งทำเป็นปวดหัว เด็กสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยและทำหน้านิ่วก่อนจะกุมศีรษะพลางทำสีหน้าเจ็บปวด “จู่ๆหนูก็พูดออกไปเอง กะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
เธอพยายามดึงทักษะการแสดงออกมาใช้อย่างเต็มที่ พยายามโน้มน้าวให้ฮันน่าเห็นว่าตัวเธอนั้นอยู่ๆก็ได้รับความทรงจำบางส่วนที่หายไปกลับคืนมา ความทรงจำที่ไม่เคยมีจริงแต่ต้น
ฮันน่ามองดูเธอด้วยสีหน้าราวกับตระหนักอะไรบางอย่าง เธอเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น
“ยูริจัง! นั่นอาจจะเป็นความทรงจำส่วนที่หายไปก็ได้นะ จำอะไรได้บ้างไหม? บางทีนั่นอาจจะเป็นภาษาที่บ้านเกิดของยูริจังเคยใช้ก็ได้ นึกอะไรออกมั่งไหม?”
“พ พี่คะ ใจเย็นก่อนค่ะ หยุดเขย่าตัวหนูก่อนค่ะ”
“ข ขอโทษนะยูริจัง พอดีพี่ตื่นเต้นไปหน่อย”
ฮันน่าหอบหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าแผนการเหนี่ยวนำความคิดของฮันน่าจะได้ผล เธอจงใจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าความทรงจำส่วนที่หายไปของตัวเองกลับมาบางส่วนจากการฝึกภาษา ฮันน่าจะต้องนำการฝึกภาษาของเธอไปเชื่อมโยงกับการเรียกความทรงจำคืนอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนั้น เธอจะสามารถหลอกใช้ฮันน่าได้หลายอย่าง โดยอ้างว่าทำไปเพื่อเรียกคืนความทรงจำของตัวเอง เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ยังได้หมากที่ใช้งานได้มาอีกหนึ่งตัว เข้าสำนวนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยสินะ
“ยูริจังได้ความทรงจำบางส่วนคืนมาหลังจากอ่านคำศัพท์พวกนี้…” ฮันน่าทำสีหน้าครุ่นคิด “แปลว่าความทรงจำของยูริจังยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ สามารถกลับมาได้ด้วยการกระตุ้นบางอย่างสินะ…”
ฮันน่าใช้กำปั้นทุบลงบนฝ่ามือเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางมุ่งมั่น
“ดีล่ะ! นับจากนี้พวกเราจะหาทางทวงคืนความทรงจำของยูริจังกัน ถ้านึกอะไรออกบอกพี่ได้เลยนะ!”
เป็นคนดี–ไม่สิ เป็นแวมไพร์ที่ดีจริงๆเลยนะ ฮันน่าดูกระตือรือร้นที่จะช่วยเธอทวงคืนความทรงจำมากเลย แย่หน่อยที่ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ความทรงจำที่หายไปนั่นมันไม่มีแต่แรกแล้วต่างหาก
หึหึ บอกว่าจะช่วยทวงคืนความทรงจำสินะ แบบนี้ก็เข้าทางเลย เธอสามารถหลอกใช้งานฮันน่าได้โดยอ้างเหตุผลว่าทำไปเพื่อเรียกความทรงจำคืนมาได้
รู้สึกผิดรึเปล่าที่หลอกใช้งานคนที่เป็นห่วงตัวเองถึงขนาดนี้ อ่า ก็นิดหน่อย แต่เธอสาบานว่าสมมุติถ้าเธอต้องฆ่าคนทั้งโลก ฮันน่าจะเป็นคนที่รอดชีวิตแน่นอน เธอสาบานกับตัวเองเงียบๆ
“ค่ะ พี่สาว” เด็กสาวพยักหน้าเบาๆ มุมปากแอบยกยิ้มเล็กน้อย เป็นไปตามแผนเลยสิเนี่ย แต่เธอตัดสินใจว่าจะยังไม่ใช้งานฮันน่าตอนนี้ ถ้าเธอบอกไปว่าต้องการอะไรโดยอ้างเรื่องความทรงจำล่ะก็ ฮันน่าอาจจะสงสัยได้ และการใช้งานอีกฝ่ายโดยอ้างความทรงจำก็ไม่ควรทำบ่อยๆด้วย
มันเป็นเรื่องของจังหวะและความถี่ ถ้าหลอกใครสักคนบ่อยเกินไปก็มีแนวโน้มสูงที่อีกฝ่ายจะไม่เชื่อใจอีก เอาเป็นว่าเธอจะรอเวลาอีกนิดหน่อย แล้วค่อยใช้งานของฮันน่าในฐานะ’หมาก’
นับตั้งแต่ที่เธอตื่นมาแล้วเจอกับฮันน่าเป็นครั้งแรก ทั้งหมดก็ผ่านมาราวๆสี่วันแล้ว เวลาผ่านไปไวกว่าที่คิดมาก แต่ภายในสี่วันก็มีปริศนาที่น่าสงสัยเต็มไปหมด ทั้งภาษาสุริยันที่เชี่ยวชาญอย่างไม่มีสาเหตุ และเสียงเพรียกในความฝัน รวมไปถึงปริศนาดวงจันทร์แห่งหายนะ มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง
เด็กสาวตัดสินใจว่าหลังจากฝึกคำศัพท์จนเชี่ยวชาญแล้ว เธอจะค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการในห้องสมุดอีกครั้ง บางทีเธออาจจะสามารถไขปริศนาทั้งหมดจนกระจ่างได้ก็ได้
และสำหรับเรื่องภาษา เธอต้องการทดสอบว่านอกจากภาษาสุริยันแล้ว เธอสามารถพูดภาษาอื่นได้หรือไม่ และถ้าได้ เธอสามารถเขียนหรืออ่านภาษานั้นๆได้ไหม ทั้งภาษารัตติกาล ภาษาสุริยันโบราณ และภาษาราชันมังกร และอื่นๆ
แบบนี้แปลว่าได้เวลากลับไปเป็นเด็กนักเรียนที่หัดเรียนภาษาอีกครั้งแล้วสินะ เด็กสาวคิดอย่างขบขันกับตัวเอง ก่อนจะฝึกจดจำคำศัพท์ใหม่ๆของภาษาสุริยันต่อไป
“มันอยู่ตรงนั้น! จับมัน!” เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังย่ำมาอย่างรวดเร็ว เด็กชายคนหนึ่งพุ่งทะยานไปตามท้องถนนเล็กๆที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำฝน เขาหอบหายใจเสียงดัง เสื้อผ้ามอมแมมและเต็มไปด้วยรอยฉีกขาด ในมือถือกระเป๋าหนังคุณภาพดีที่ข้างในเต็มไปด้วยเงินสด
ควับ เขาหันซ้ายหันขวาก่อนจะตัดสินใจพุ่งเข้าไปหลบตรงมุมตึก ด้วยความที่ตัวเล็กทำให้เขาสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆได้อย่างง่ายดาย เขาพุ่งตรงไปยังทิศทางที่มีฝาท่อระบายน้ำ ก่อนจะเปิดมันและเข้าไปแอบข้างใน
แฮก แฮก เหนื่อยเหลือเกิน ท่อระบายน้ำมีกลิ่นเหม็นเน่าที่ชวนให้อาเจียน แต่เพราะเขาชินชากับมันแล้ว ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบอะไรสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้
ชึบ เขาเปิดกระเป๋าที่ขโมยมา มือสั่นระริกพลางนับเงินอย่างมีความสุข เท่านี้เขาก็จะไม่ต้องอดมื้ออาหารไปอีกหลายวัน ตอนออกไปข้างนอกเขาก็แค่ต้องระวังคนพวกนั้นให้ดี อย่าถูกจับได้เด็ดขาด
“ได้เงินมาแล้วเหรอลูเมี่ยน” เสียงของเด็กชายอีกคนดังขึ้น ลูเมี่ยนมองไปตามทิศทางของเสียง พบกับเด็กชายผมสีดำ ผิวสีคล้ำ ดวงตาสีน้ำตาล สวมชุดปะซ่อเก่าๆและสกปรกกำลังเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนล้า
ลูเมี่ยนพยักหน้า เขาชูเงินขึ้นพลางยิ้มร่า
“ได้มาเพียบเลย น่าจะพอเอาไปใช้ได้หลายวัน”
ธนบัตรในมือของเขาคือเงินปอนด์ที่มีหลายสิบใบ รวมๆแล้วก็ราวร้อยปอนด์ แต่เขาไม่รู้หรอกว่ามันมีเท่าไหร่กันแน่ ก็เด็กจรจัดแบบเขาคิดเลขไม่เป็นนี่น่า
“เดี๋ยวฉันขอนับเงินก่อน” เด็กชายผมดำหยิบเงินไปจากลูเมี่ยน ก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยเงินทีละใบ สีหน้าดูละโมภขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเงินไปเป็นของตัวเองบางส่วนและแบ่งให้ลูเมี่ยนบางส่วน
“มีทั้งหมดสิบปอนด์” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูเจ้าเล่ห์ “ครึ่งหนึ่งของสิบปอนด์คือห้าปอนด์ นายเอาไปห้าปอนด์แล้วกัน”
“ตกลง!” ลูเมี่ยนขานรับอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอีกฝ่ายโกงไปตั้งเก้าสิบห้าปอนด์ เด็กชายคิดเพียงแค่ว่าเงินห้าปอนด์พวกนี้ควรเอาไปทำอะไรดี ซื้อเสื้อผ้า ซื้อยา หรือบางทีควรจะเอาไปซื้อขนมสักถุง
เขาและอีกฝ่ายอาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำแห่งนี้ ในอดีตบ้านของเด็กชายโดนยึดโดยแก็งค์อันตพาลของพื้นที่แห่งนี้ พ่อและแม่ตายเพราะวัณโรค น้องสาวของเขาถูกรถม้าชนจนเสียชีวิต
เมื่อคนในครอบครัวตายจนหมด ก็ไม่มีใครหาเงินมาเลี้ยงดูเขา ทำให้สุดท้ายก็ต้องผันตัวไปเป็นหัวขโมยจรจัด ลูเมี่ยนฝึกปรือวิธีการล้วงกระเป๋ามานานทำให้สามารถล้วงกระเป๋าของชนชั้นกลางที่มาเยือนยังพื้นที่แห่งนี้ได้แทบจะตลอด
ในบางครั้งเขาก็ถูกจับได้และถูกซ้อมอย่างหนักก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา ทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฝกช้ำและบาดแผล และในบางครั้งเวลาได้รับแผลมาเขาก็ไม่อาจหายาฆ่าเชื้อมาได้ ทำให้จำเป็นต้องตัดแผลส่วนนั้นทิ้ง ทำให้แทบทั้งร่างกายเต็มไปด้วยรอยเย็บ
กิจวัตรการขโมยของและล้วงกระเป๋า เป็นเรื่องปกติของเด็กจรจัดทุกคนในละแวกนี้ เนื่องจากไม่มีวิธีอื่นในการหาเงินแล้ว ทำให้เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นอาจจะอดตายเพราะขาดเงินไปซื้ออาหาร
ในทุกๆวันจะมีคนจรจัดตายราวๆสองถึงสามคน บ้างก็ตายเพราะถูกซ้อม บ้างก็ตายเพราะขาดอาหาร บ้างก็ตายเพราะรีบกินอาหารที่ได้รับมาด้วยความหิวโหยมาเกินไป บ้างก็ตายเพราะความหนาวเย็น เวลาฝนตกคนไร้บ้านทุกๆคนจะต้องหาทางทำให้ร่างกายของตัวเองอบอุ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตายคือเรื่องปกติของเขตสลัมแห่งนี้
หลังจากแบ่งเงินแล้ว ลูเมี่ยนก็ออกจากท่อระบายน้ำ เขาเดินออกมาจากมุมตึกเดิม มองซ้ายมองขวา หาเป้าหมายใหม่เพื่อขโมยเงิน ถนนเส้นเล็กเหมาะสำหรับคนเดินเท้าทำให้การหาเหยื่อที่กำลังเดินอยู่นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะชนชั้นกลางส่วนใหญ่จะไม่ชอบมายังที่แห่งนี้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
วันนี้ถนนค่อนข้างร้าง ไม่ค่อยมีคนสัญจรสักเท่าไหร่ เขาเห็นคนไร้บ้านนอนบนม้านั่งสาธารณะพลางเอาหนังสือพิมพ์คลุมตัวแทนผ้าห่ม เป็นภาพที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
เขาถอนหายใจเบาๆ ไม่มีความหวังในที่แห่งนี้ เขาไม่มีทางยกระดับชีวิตของตัวเองได้อย่างแน่นอนตราบเท่าที่ยังคงเป็นหัวขโมยแบบนี้ แต่จะให้ไปทำธุรกิจงั้นหรือ? ให้ตายเถอะ เขาไม่มีทุนสักหน่อย ใช่ว่าทุกวันจะขโมยเงินได้เป็นร้อยปอนด์ตลอดซะเมื่อไหร่ แค่เอาไปซื้ออาหารเงินก็หมดเกลี้ยงแล้ว
ดูเหมือนจะไม่มีคนมากเท่าไหร่แฮะ น่าเสียดาย กะว่าจะขโมยสักหน่อย
ตอนแรกที่ลูเมี่ยนขโมยของนั้น เขาขโมยด้วยเหตุผลเดียวกับคนอื่นๆ นั่นคือการเอาชีวิตรอด แต่พอวันเวลาค่อยๆผ่านไป เขาเริ่มเสพติดการล้วงกระเป๋ามากขึ้น การได้เห็นชนชั้นกลางหน้าโง่พวกนั้นหัวร้อนเพราะถูกล้วงกระเป๋าเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกดีแบบสุดๆ
ลูเมี่ยนฮัมเพลงในลำคออย่างพึงพอใจพลางนึกถึงเงินที่ขโมยมาได้ก่อนหน้านี้ มือสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
จะไปขโมยของของใครมาอีกดีนะ
นอกเรื่องแป๊ป ผมอยากวาดยูริจังให้ออกมาตัลล๊ากกกกก(ลูกสาวผมมมมมมมมม) แต่พอวาดไปวาดมา…มึงใครฟระ!!