“เอ่อ เขาอยู่นั่นไง”

“ฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะหลับไปแล้วนะ”

เขาเป็นคนแรกที่มาถึงห้องเรียน แต่ชูกลับนิ่งไม่ไหวติงขณะที่เขาล้มตัวลงบนโต๊ะ

ฉันคิดว่าคงจะดีถ้าเขาไม่สร้างโลกของตัวเองแบบนั้นเมื่อเข้ามาในห้องเรียน แต่เขาควรหาโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบตัวเขาบ้าง …… แม้แต่ฉันกับอายานะก็ไม่สามารถบังคับให้เขาทำแบบนั้นได้

“เฮ้ย ยูกิชิโระ”

“โย่ ไอซากะ”

ฉันทักทายไอซากะกลับแล้วนั่งลง

อายานะเข้าไปหาชู ซึ่งเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยิ้มโดยเอามือปิดปาก และหัวเราะคิกคักขณะที่เขาคุยกับเธอเกี่ยวกับบางสิ่ง

“ดูเหมือนตอนนี้เขาจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว”

ฉันรู้สึกโล่งใจที่ฉันพูดถูก

ขณะที่ฉันกำลังจัดระเบียบของในโต๊ะ ฉันเริ่มคิดถึงมาริที่ฉันเพิ่งคุยด้วย

“…… เธอเป็นเด็กดีจริงๆ”

เด็กสาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีความน่ากลัวอย่างใครๆเขามีคือภาพลักษณ์ที่ฉันมีต่อมาริ

มันเป็นเรื่องราวของเนื้อเรื่องที่ทั้งมาริและอิโอริได้พบกับชู ผ่านการแนะนำของ อายานะ….และเป็นเรื่องราวของโชคชะตาในแง่ที่พวกเธอถูกพรากไป แต่ถ้าฉันสามารถขัดขวางมันได้ในฐานะคนที่รู้อนาคตของพวกเธอ ฉันคิดว่าฉันสามารถช่วยพวกเธอได้

“โทวะ!!!!!”

“ว่าไง?”

ชูเข้ามาหาฉันพร้อมกับอายานะและตะโกนออกมา

“หลังเลิกเรียนเราตัดสินใจใช้เวลาเที่ยวกันจนกว่าเวลาอายานะจะไปชอปปิ้ง ฉันสงสัยว่านายอยากจะออกไปเที่ยวกับเราด้วยหรือเปล่า?”

“หืมมมมม?”

อา ฉันรู้แล้ว มันเป็นไอเดียของอายานะแน่ที่ให้ฉันตามไปด้วย

ฉันอยากจะถามว่าฉันจะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาได้เหรอ แต่เมื่อเขาชวนฉันแบบนี้ มันคงเป็นการหยาบคายที่จะถามคำถามแบบนั้น

“ได้สิ ฉันว่างพอดี”

แผนหลังเลิกเรียนของเราจึงได้ถูกวางไว้ดังนี้

ในวันนั้น อิโอริมาที่ห้องเรียนและพาชูออกไป แต่ไม่มีใครรวมทั้งโซมิยะและคนอื่นๆเคลื่อนไหวใดๆเพื่อคุกคามชู อาจเป็นเพราะฉันกับอายานะชี้แนะพวกเขาในห้องเรียน

ในทางกลับกันฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

“เฮ้ โซมิยะ วันนี้หลังเลิกเรียนนายจะทำอะไรหรือเปล่า?”

“เอ๊ะ? อะ….อืม”

“นายกังวลอะไรนะ? เราแค่จะไปออกไปเที่ยวกันเอง?”

“……ช-ใช่แล้ว!!”

ฉันหันความสนใจไปที่บทสนทนาระหว่างโซมิยะกับอุเอซากะ เพื่อนของอายานะ

อุเอซากะคือสาวที่ชวนโซมิยะและคนอื่นๆ ไปร้องคาราโอเกะเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก

ที่ผ่านมาฉันไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของคนรอบข้างแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาคุยกันแบบนั้น

“นายมองอะไรนะ?”

อายานะที่ยืนอยู่ข้างๆฉันมองมาที่ฉัน พยักหน้าแล้วพูดต่อ

“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาสนิทได้เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้ตอนร้องคาราโอเกะ ดูเหมือนเธอจะสนุกมาก ดังนั้นเธอคงจะชอบมันมากแน่ๆ”

“เห –

มันเป็นการจับคู่ที่หายากที่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้

ทั้งโซมิยะและอุเอซากะมีรูปลักษณ์ที่ดูสวยหล่อด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีความประพฤติไม่ดี

สำหรับโซมิยะ แม้ว่าเขาจะคิดร้ายต่อชูแต่เขาก็รับฟังเรื่องของเรา……. คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก

“นายชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอโทวะ?”

อายานะพูดแบบนี้กับฉัน บางทีอาจเป็นเพราะฉันจ้องมองโซมิยะและอุเอซากะอยู่

ฉันไม่รู้ว่าเป็นจินตนาการของฉันหรือเป็นดวงตาของเธอจริงๆ ที่แสดงความหึงหวง แต่อายานะก็หัวเราะเบาๆ

“ล้อเล่นน่า ฉันรู้ว่าโทวะคุงชอบอะไรมานานแล้ว♪”

ฉันรีบหลบสายตาจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันไม่สามารถมองดูรอยยิ้มของอายานะโดยตรงได้ แต่ส่วนที่หนักใจที่สุดเพราะฉันรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ตรงรสนิยมของฉัน ไม่ใช่ของโทวะ

(จริงอยู่ที่ฉันชอบผู้หญิงสะอาดเรียบร้อยแบบอายานะ……แต่ถ้าฉันอยากได้เธอ ผู้หญิงสะอาดเรียบร้อยแบบนี้อาจจะหนักใจเรื่องความรักและเ*็กส์นิดหน่อย…….)

เมื่อฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สายตาของฉันก็จะหันไปหาอายานะ และฉันคิดว่า …… ฉันเป็นคนธรรมดามาก

“เอ่อ…”

“อืม?”

“นายจะทำอย่างไงถ้าฉันแต่งตัวและทำตัวเหมือนคนที่เรียกว่าตัวเองว่า “สาวแกล” เหมือนอุเอซากะ? นายจะทำอย่างไง?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉันตกใจมากและทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้าฟาดอยู่ข้างหลังฉัน

แน่นอนว่าในความทรงจำของฉัน ฉันมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสาวไร้เดียงสาที่เรียบร้อยอย่างอายานะที่ถูกเก็บไว้ในความทรงจำของฉัน ดังนั้นจากภาพลักษณ์ปัจจุบันของเธอ อายานะที่กลายเป็นสาวแกลก็ผุดขึ้นมาในสมองของฉัน ……. แต่ฉันแน่ใจว่าฉันคิดถูก ฉันมักจะคิดว่าถึงแม้มันดูซุกซนดี แต่มันก็ไม่เหมาะกับเธอ

“ไม่ …… ฉันคิดว่าอายานะตอนนี้ก็ดูดีอยู่แล้ว”

“ฟู่ฟู่ ฉันเข้าใจแล้ว”

ฉันรู้ว่าอายานะคงจะรู้คำตอบนี้อยู่แล้วเหมือนกัน ฉันคิดขณะมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ

(……ถึงอย่างนั้น)

เป็นอีกครั้งที่ฉันมองไปที่โซมิยะและคนอื่นๆ และสงสัยว่าพวกเขาคือคนที่ชูพูดถึงในเกมที่ว่ามีกลุ่มคนมาอิจฉาเขา ฉันสงใสว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

เพื่อนร่วมชั้นที่เกี่ยวข้องกับชูในเกมถูกปฏิบัติเหมือนเป็นตัวประกอบฉาก ดังนั้นจึงไม่มีการเปิดเผยชื่อของพวกเขา และไม่มีการอธิบายลักษณะภายนอกของพวกเขา

(เริ่มแรกเลย ตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว และเราอยู่คนละห้องกัน……ดังนั้นฉันคิดว่า ณ จุดนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย)

ฉันต้องรีเซ็ตความคิดของฉันเกี่ยวกับสิ่งนี้

ตอนนี้มีเจ้าหญิงตัวน้อยอยู่ข้างๆฉัน เธอคอยบอกฉันว่าอย่าคิดมาก ดังนั้นฉันควรจะใช้เวลากับมันก่อน

หลังเลิกเรียนไม่นาน เราทั้งสามก็ออกไปในเมืองด้วยกัน

“พวกนายจะอยู่จนถึงประมาณห้าโมงใช่ไหม?”

“ใช่ มาเล่นกันจนถึงตอนนั้นกันเถอะ”

เวลาจำกัดเกือบจะถึง 16.00 น. แต่ชูก็ยังมีความสุขที่ได้ใช้เวลากับอายานะ

เมื่อรู้ว่าอายานะไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว ฉันรู้สึกเสียใจกับชู แต่ฉันก็คิดว่าคงจะดีถ้าอายานะมีวันแบบนั้นบ้าง

“ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ไหนสักแห่งกันเถอะชู”

“อา”

หากมีเวลาจำกัด พวกเราสามคนควรไปสนุกกันให้เต็มที่

แต่ด้วยการใช้เวลาร่วมกันเพียงประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็ทำอะไรไปมากมายแล้ว และเราสามคนก็เดินไปรอบ ๆ พูดเรื่องไร้สาระกัน

(……แต่เขามีความสุขมากกับเรื่องทั้งหมดนี้)

อย่างไรก็ตามชูก็ดูมีความสุขอยู่ดี

เขาคุยกับอายานะมากจนไม่จำเป็นต้องชวนฉันมาด้วยซ้ำ แต่ฉันมั่นใจว่าโทวะคงดูพวกเขาแบบนี้มาสักพักแล้ว

“โอ้อ มีไอศกรีมขายตรงนั่นด้วยแหละ”

เรากำลังเดินไปตามถนนแล้วก็เห็นรถขายไอศกรีม เราจึงเดินเข้าไป

พวกเราแต่ละคนซื้อไอศกรีมรสชาติที่แตกต่างกัน และตัดสินใจที่จะใช้เวลาที่เหลือทั้งวันโดยนั่งบนม้านั่งใกล้ๆ พักผ่อนและรับประทานไอศกรีม

ฉันกำลังเพลิดเพลินกับไอศกรีมช็อกโกแลต ชูกำลังเพลิดเพลินกับไอศกรีมมิ้นต์ และ อายานะกำลังเพลิดเพลินกับไอศกรีมวานิลลา เมื่ออายานะหันมาสนใจชู

“…..ฟุฟุ”

ฉันก็มองเขาเหมือนกัน และฉันก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นเศษไอศกรีมบนหน้าของเขา

เขามองมาที่ฉัน สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มันมีไอศกรีมอยู่ใต้จมูกของเขา ราวกับว่าเขามีหนวดเคราสีเขียว

“ชูคุง อย่าพึ่งขยับนะ”

“เอ๊ะ? ได้สิ”

อายานะหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าของเธอแล้วทำความสะอาดรอบๆปากของชู

“เอาละ เรียบร้อยจ้ะ”

“ข-ขอบคุณนะ”

พฤติกรรมของอายานะทำให้ชูรู้ว่าไอศกรีมมันติดอยู่ตรงไหน และเขาก็ขอบคุณเธอขณะมองต่ำด้วยความเขินอาย

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีความลำบากใจอีกด้วยที่ใบหน้าของอายานะอยู่ใกล้กับเขามากในระยะเผาขน แต่ดูเหมือนแค่นี้ก็กระตุ้นชูได้แล้ว

“ฉ-ฉันจะไปดูรสอื่น!”

“อะ ชูคุง……”

เหมือนเขาไม่สามารถกลั้นความตืนเต้นของตัวเองได้ ชูลุกขึ้นไปแล้ว

อายานะที่จ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขา ค่อยๆหันกลับมาและยิ้มให้ฉัน ราวกับว่าเธอกำลังรอให้ชูจากไป

“อาระอาระ…..โทวะคุง”

“หืม มีอะไรเหรอ?”

เธอมองมาที่ฉันแบบเดียวกับที่เธอมองชูก่อนหน้านี้

อย่าบอกนะว่ามีไอศกรีมติดปากฉันโดยที่ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ? ฉันคิดอย่างนั้นและพยายามเช็ดมันออกด้วยมือ แต่อายานะหยุดฉันไว้

“อยู่นิ่งๆ แปบนะ”

“อะ-ธ เธอ…..”

อายานะเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ ขยับหน้าของเธอเข้ามาใกล้ๆฉัน และลิ้นของเธอก็เลียลงบนแก้มของฉัน

“มีไอศกรีมติดอยู่นะโทวะคุง♪”

อาจจะไม่ใช่การแกล้งกัน แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้กับฉันหลังจากเช็ดไอศกรีมให้ชูตามปกติ

แน่นอนว่าฉันรู้สึกเขินต่อหน้าอายานะที่ยิ้มแย้ม แต่ความรู้สึกหยาบๆจากลิ้นของ อายานะที่แตะแก้มของฉันยังคงอยู่

(……ขอบคุณพระเจ้าที่ชูไม่เห็นมัน)

ฉันเหลือบมองชูซึ่งยังคงยุ่งอยู่กับการเลือกไอศกรีมรสต่อไป

ฉันกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ชูจะพูดถ้าเขาเห็นสิ่งที่เธอเพิ่งทำ แต่ฉันก็รู้สึกเหนือกว่าเขาเล็กน้อยเช่นกัน

“……อายานะ เธอไม่สามารถทำแบบนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ—-“

“อุฟุฟุ♪ แล้วถ้าฉันตั้งใจล่ะ?”

“คือเรื่องนั้น…..”

อายานะขยับหน้าเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง เหมือนอย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้ และเธอก็มีสีหน้าน่าดึงดูดใจมาก

ฉันละสายตาจากหน้าของอายานะไม่ได้ และถ้าฉันจ้องที่ริมฝีปากของเธอ ฉันคงถูกดูดเข้าไปหาเธอแน่

(บ้าเอ๊ย …… ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน …… ทำไมฉันถึงอยากได้อายานะขนาดนั้น ……!)

ฉันกระซิบในหัวว่าอยากได้อายานะ

เมื่อฉันคิดว่าฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำอย่างไรถ้าอายานะยังจ้องฉันอยู่อย่างงี้ ในที่สุดชูก็กลับมา

“โทษที โทษที ฉันไปซื้อเพิ่มมาอีกอันหนึ่งนะ”

“…..อา น้ำหนักนายจะขึ้นถ้ากินมากเกินไปนะ เข้าใจไหม?”

อย่างไรก็ตาม ฉันมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำใกล้ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจว่าฉันรู้สึกผิดหวังหรือรู้สึกขอบคุณที่ชูกลับมา

“…… ว้า”

ไม่มีเวลาให้หายใจเลย

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีเรื่องมากมายเกิดขึ้นกับอายานะ และฉันคิดว่าฉันอยากจะอยู่บนเตียงสักสองสามวันและไม่คิดเรื่องอื่นอีก

ทีเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจมากมายและมีเรื่องน่าตกใจมากมายที่กำลังเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว

ฉันคิดถึงอายานะ และรู้สึกว่าเธอสำคัญสำหรับฉัน

ฉันพูดกับภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกหรืออีกนัยหนึ่งกับโทวะ

“เฮ้ โทวะ ทำไมฉันถึงมาโลกนี้ล่ะ? ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”

เมื่อพูดอย่างนั้น ฉันเอื้อมมือออกไปแตะกระจก แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ

ฉันจ้องกระจกอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจ แล้วกลับมาหาทั้งสองคน แต่ดูเหมือนว่าฉันกำลังมีปัญหา

“เฮ้ เฮ้ ทำไมเธอไม่มาเล่นกับฉันแทนไอหน้าจืดนี้ล่ะ”

เป็นการจีบที่ดูน่ารังเกียจมาก

ชายคนนั้นซึ่งอาจเป็นนักศึกษาวิทยาลัยกำลังมองไปที่ชูสลับกับที่เขากำลังจ้องมอง อายานะด้วยสายตาบ้ากาม

“เฮ้ย มองอะไรวะ”

“….”

ชายคนนั้นผลักชู และชูก็มองลงต่ำแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว

นี่เหมือนกับการยอมรับว่านายจะยอมแพ้เรื่องอายานะและมอบเธอให้เขา

“……ไอบ้านั้นกำลังทำอะไรของมัน?”

ไม่ ฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะบ่นหลังจากที่ฉันออกจากสถานที่นั้นแล้ว

นอกจากนี้ ชูไม่ใช่คนประเภทที่ชอบทะเลาะวิวาท และเขาก็ไม่ใช่คนใจแข็งขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับชายที่ตัวใหญ่กว่าเขาได้

แต่ฉันยังต้องการให้ชูสู้หน่อย ฉันอยากให้เขาขึ้นเสียงอย่างหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามเพื่อปกป้องอายานะ

“โท….”

ฉันกัดฟันแล้วรีบไปหาพวกเขาทันที

ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะวางมือบนไหล่ของอายานะ ฉันก็คว้ามือของเขาไว้

“นั่นน่าจะพอแล้วนะ”

“อะ~ฮะ?”

“โทวะคุง!”

“โทวะ….”

ชายคนนั้นมองมาที่ฉันเหมือนเขาอารมณ์ไม่ดีเพราะการปรากฏตัวกะทันหันของฉัน

ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี และที่สำคัญที่สุด ฉันไม่สามารถยกโทษให้เขาที่พยายามจับมือกับอายานะได้… ฉันจ้องมองชายคนนั้นอย่างดุดันราวกับว่าความรู้สึกของฉันที่ไม่ยอมปล่อยอายานะไปปรากฏอยู่บนหน้า

“….โธ่ อะไรวะเจ้าตัวเล็กนั้น”

ชายคนนั้นสะบัดมือของฉันออกราวกับเขากลัวและหันหลังใส่เราและถ่มน้ำลายใส่เราแล้วจากไป

ฉันแน่ใจว่าฉันจะต้องชกกับเขาแน่ ฉันก็เลยดีใจที่เขาถอยไป

“เฮ้ พวกเธอโอเคไหม?”

“อ อะ โอเค-”

ฉันถามชู แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ

ในช่วงเวลานี้ ฉันคิดว่าฉันรู้สึกได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนแปลกๆจากอายานะ แต่ตอนนี้ฉันต้องบอกอะไรบางอย่างกับชู

“ฉันรู้ว่านี่ไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะพูดแบบนี้ แต่ชู… ทำไมนายถึงถอยละ?”

“น-นั่นก็เพราะว่า…… ฉันพยายามขอความช่วยเหลือ! ใช้แล้ว!! ขอความช่วยเหลือ!”

“……ฉันรู้แล้ว นั่นก็ไม่เลว แต่ถ้านายออกจากตรงนี้ อายานะอาจถูกพาตัวไปแล้ว และนายอาจจะทำให้เธอกลัวได้ เข้าใจไหม?”

“… สุดท้ายแล้วโทวะก็เป็นคนช่วยมาพวกเรา”

……ชูพูดถูก ฉันช่วยพวกเขาเพราะนายถอยออกมานะ

ฉันตัดสินใจหลีกเลี่ยงบรรยากาศแย่ๆ เดียวก็เจอกันตอนเช้าอีก ดังนั้นฉันจึงหยุดบ่นชู