ตอนที่ 8 ส่งมอบธงเกียรติยศ

ตอนที่ 8 ส่งมอบธงเกียรติยศ

เหยาจิ้งจือเห็นสีหน้าของลูกชายคนเล็ก ภายในใจยิ่งรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังปะทุ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ๋อหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ถามหาน้องสาวลูกทำไมกัน?”

สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่เปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็ง

“เพราะเซี่ยเจ๋อน่าไม่ชอบฉินมู่หลาน หล่อนเลยร่วมมือกับคนนอกมารังแกมู่หลาน เรื่องใหญ่แบบนี้แค่พูดจาสั่งสอนไม่กี่คำแล้วปล่อยผ่านคงไม่ได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่โกรธจนตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาถามไป รู้สึกใจชาไปหมด

ถึงแม้เซี่ยเจ๋อน่าจะไม่ชอบฉินมู่หลานมากแค่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขาต่างเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว สิ่งที่เซี่ยเจ๋อน่าทำนั้นมันเกินทนเหลือเกิน

“เซี่ยเจ๋อน่ารู้ว่าฉินมู่หลานจะไปที่ภูเขาต้าชิงซาน เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกเย่เสี่ยวเหอ หลังจากนั้นเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงก็ขึ้นเขาไปด้วยกันเพื่อจะหาทางเล่นงานแล้วบังคับให้มู่หลานหย่ากับผม ถ้าผมไปไม่ทัน มู่หลานคงโดนเฝิงจื้อหมิงทำร้ายแน่”

หลังจากพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินปรี่ไปที่ห้องของเซี่ยเจ๋อน่า

เมื่อฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้หายแปลกใจแล้วว่าเย่เสี่ยวเหอกับเฝิงจื้อหมิงบังเอิญปรากฎตัวบนเขาได้อย่างไร กลายเป็นว่าพวกเขารู้มาจากเซี่ยเจ๋อน่าตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะไปที่นั่น

น้องสาวสามีคนนี้ก็เหลือเกินเสียจริง

อยากให้เธอออกไปจากตระกูลเซี่ยเสียจนต้องขอให้คนทำวิธีสกปรกเช่นนี้

เหยาจิ้งจือที่ยืนอยู่ทางด้านข้างแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “อะไรนะ…นี่…”

ในตอนนั้นลูกสาวของนางกลับมาที่บ้านในตอนเช้าเพื่อก่อนจะขอดื่มน้ำ แต่หลังจากที่ถามว่ามู่หลานไปไหนก็กลับบอกว่าไม่กินแล้ว แล้ววิ่งไปขอขวดน้ำจากเสวี่ยเยี่ยนแทน กลายเป็นว่า…ในตอนนั้นลูกสาวกำลังคิดแผนร้ายอยู่

เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เหยาจิ้งจือรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวของตนจะเป็นคนเลวทรามเช่นนี้

เซี่ยเหวินปิงรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อ

“น่าน่าไม่ไม่มีทางทำแบบนั้น นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ ๆ”

แต่หลี่เสวี่ยเยี่ยนกลับคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง หล่อนรู้ว่าน้องสาวของสามีเป็นคนเช่นไร จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อกับน้องสาวของสามีสักเท่าใด

หากวันใดมีเรื่องกับน้องสาวสามีขึ้นมาแล้วหล่อนเกิดไม่ชอบตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะให้คนมาจัดการตัวเองแบบนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

เพียงนึกคิดก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว

เซี่ยเจ๋อน่าเองก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างนอกเช่นกัน เพราะตัวบ้านไม่ค่อยเก็บเสียงนัก

หล่อนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไปขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง ด้วยความหวังว่าพี่รองจะไม่พังประตูเข้ามา

น่าเสียดายที่เซี่ยเจ๋อน่าต้องผิดหวัง เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าประตูเปิดไม่ออก เขาจึงให้แม่เอากุญแจสำรองมาเปิดให้

เหยาจิ้งจือไม่ลังเลเลยสักนิด นางหยิบกุญแจออกมาแล้วไขเปิดประตู

“แม่ แม่อยู่ข้างใครกันแน่ ทำไมถึงยอมเปิดประตูเข้ามา”

เมื่อได้ยินดังนั้น เหยาจิ้งจือก็ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เซี่ยเจ๋อน่า แกทำผิดมหันต์เลยนะครั้งนี้ ถ้าวันนี้แม่ไม่สั่งสอนแก ต่อไปแกต้องทำเรื่องใหญ่โตกว่านี้แน่”

หลังจากพูดจบ เหยาจิ้งจือก็หันไปมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ครั้งนี้น่าน่าทำเกินไปแล้ว เธอจะลงโทษยังไงก็ได้ตามใจเธอเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดตอบกลับออกมา

พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน หากเธอซึ่งเป็นลูกสะใภ้ปฏิบัติต่อเซี่ยเจ๋อน่าเช่นนั้นจริง ๆ เกรงว่าหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มหายโกรธเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว พวกเขาจะมีความคิดอีกอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาต้องการลงโทษจริงก็ย่อมลงมือด้วยตัวเองได้

“คุณแม่คะ ฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไร เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะค่ะ”

จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไรกัน แต่อย่างน้อยเธอก็คงไม่ทำอะไรโจ่งแจ้ง หากจะสั่งสอนเซี่ยเจ๋อน่าจริง คงแอบทำแบบเงียบ ๆ ดีกว่า

“ไม่ได้หรอก เรื่องที่เกิดครั้งนี้ เอาจริง ๆ มันเลวร้ายมาก เราปล่อยผ่านไปไม่ได้หรอก”

เหยาจิ้งจือไม่ยอมปล่อยลูกสาวไปอีกแล้ว นางจึงหยิบท่อนไม้ไผ่ที่ไม่ได้ใช้หลายปีออกมา ก่อนจะลงไม้ลงมือฟาดเซี่ยเจ๋อน่าอย่างแรง

“โอ๊ย…แม่ บ้าไปแล้วเหรอ มาตีหนูได้ยังไง”

เซี่ยเจ๋อน่าจ้องมองแม่ของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

สมัยยังเป็นเด็ก พี่ใหญ่กับพี่รองต่างเคยโดนท่อนไม้ไผ่ตีทั้งคู่ แต่เพราะว่าหล่อนเป็นลูกสาว ทั้งพ่อและแม่จึงรักมากเป็นพิเศษจึงไม่เคยโดนตีเลยสักครั้งเดียว ไม่เคยคิดเลยว่าตอนโตแล้วจะโดนท่อนไม้ไผ่ของแม่ฟาดเข้าให้

แม้แต่ฉินมู่หลานเองก็ยังมองเหยาจิ้งจือด้วยแววตาประหลาดใจ

ตอนแรกเธอคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นเดิมเหมือนที่เคยคอยให้ท้ายมาตลอด ไม่คิดว่าครั้งนี้เหยาจิ้งจือจะจริงจัง ตีเป็นตี ท่อนไม้ไผ่นี้หนาเกือบครึ่งของฝ่ามือผู้ใหญ่ หากโดนตีเข้าคงเจ็บแน่นอน และอาจมีรอยช้ำหลงเหลืออยู่ด้วย จนกว่าจะถึงตอนนั้นเซี่ยเจ๋อน่าก็คงต้องอดทนให้ได้

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อน่าร้องโอดครวญว่าเจ็บ ฉินมู่หลานก็รู้สึกดีขึ้นมาก น้องสาวสามีคนนี้ควรโดนสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง

เซี่ยเหวินปิงที่ยืนอยู่ข้างนอกต้องการห้าม แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันบูดเบี้ยวของภรรยา เขาจึงไม่พูดอะไรมาก

นอกจากนี้ เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าแม่ได้ลงมือแทนตนไปแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรมากมายกว่านั้นอีก ทำเพียงยืนมองดูแม่สั่งสอนน้องสาวของตัวเองอยู่เงียบ ๆ

ส่วนทางด้านครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ยืนดูอยู่เงียบ ๆ เช่นกัน

นอกจากนี้เสี่ยวอวี่ยังมองหน้าแม่ของตนพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หม่าม้า คุณอาทำอะไรผิดเหรอ คุณย่าเลยต้องตีอา”

“ใช่แล้ว แบบนี้เสี่ยวอวี่ต้องเชื่อฟังนะ อย่าทำอะไรที่ไม่ดี”

“อื้ม ผมจะเป็นเด็กดีแน่นอน”

เสี่ยวอวี่ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่หลังจากนี้ดูเหมือนว่าเขาจะซุกซนต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจโดนคุณย่าตีด้วยเหมือนกัน

เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าโดนตีมากพอแล้ว เหยาจิ้งจือก็หยุดมือ

“ตอนบ่ายก็สำนึกตัวเองอยู่ที่บ้านซะ แล้วก็ไปทำอาหารเย็น รอจนกว่าพวกพ่อและคนอื่น ๆทำงานเสร็จแล้วกลับมา จะได้กินอาหารร้อน ๆ กัน”

เซี่ยเจ๋อน่าจ้องมองแม่ของตนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว พลางอยากอ้าปากปฏิเสธ แต่ในตอนนี้หล่อนปวดไปทั้งตัว อีกทั้งยังกลัวว่าแม่จะตีตัวเองอีก จึงได้แต่ตอบตกลงอย่างจำใจ

เซี่ยเหวินปิงที่เห็นน้ำตาของลูกสาวก็ถึงกับทนไม่ไหว เขาเข้าไปคว้าดึงแขนเสื้อของภรรยาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พอแล้วล่ะ น่าน่าสำนึกผิดแล้ว คุณเองก็ควรใจเย็นลงหน่อยนะ”

เหยาจิ้งจือโกรธมาก แต่ด้วยความที่ตอนนี้สายมากแล้ว และคนอื่น ๆ ต่างก็ต้องไปทำงาน ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เอ่ยเร่ง “เอาล่ะ พวกเธอออกไปกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะไปทำงานสายกันนะ”

“ครับ/ค่ะ”

ปกติเซี่ยเจ๋อหลี่ต้องไปทำงานของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก่อนจะออกไป เขาแอบคว้าจับมือของฉิมมู่หลานเงียบ ๆ พลางเอ่ยซิบขึ้นว่า “ต่อไปเย่เสี่ยวเหอจะไม่มารังควานคุณอีก คุณวางใจได้เลย” หลังจากพูดจบก็ปล่อยมือแล้วเดินออกไปพร้อมเซี่ยเหวินปิงและคนอื่น ๆ

ฉิมมู่หลานแอบตกใจนิดหน่อยตอนที่มือของเขาต้องสัมผัสกับเธอ

เมื่อเห็นเธอมีอาการดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว เธอจึงไม่ทันได้พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ

เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังคิด ฉินมู่หลานก็ถึงกลับต้องรีบส่ายหัวสลัดความคิด พลางบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เพียงแค่ต้องการบอกว่าเขากำจัดพวกที่มากวนใจให้แล้วก็เท่านั้นเอง

แต่ในไม่ช้า เธอก็เห็นเซี่ยเจ๋อน่ากำลังมองมายังตัวเองด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว

ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งนี้จะยังไม่พอให้หล่อนหลาบจำ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองอีกครั้ง เซี่ยเจ๋อน่าก็ก้มศีรษะหลบสายตาลงแล้ว เป็นแบบนี้แล้วดูเชื่อฟังขึ้นเยอะเลย

ตลอดช่วงเวลาสองวัน ฉินมู่หลานไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย เธออยู่แต่ในบ้านและปรุงยาโดยใช้สมุนไพรที่เธอไปเก็บมาครั้งล่าสุด ถึงแม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม แต่เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปรุงยาออกมาให้สำเร็จ

ส่วนซานเย่าพวกนั้น จะนำมาใช้ทำอาหารเช่นกัน

เหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนต่างพากันชื่นชมเธอ แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ยังบอกว่าซานเย่าที่ทำออกมานั้นอร่อยมาก

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ประตูทางเข้าบ้านก็ดูคึกคัก ก่อนที่ป้าปันซึ่งอยู่บ้านข้าง ๆ จะเอ่ยตะโกนเสียงดังลั่น“จิ้งเจอ มีคนเอาธงเกียรติยศมาส่งให้ลูกสะใภ้คนเล็กของเธอแน่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สมควรโดนทุบซะบ้างค่ะยัยตัวแสบ ตอนนี้ยังร้ายกาจขนาดนี้ ต่อไปโตเป็นสาวเต็มที่จะร้ายกาจขนาดไหน

พี่หลี่ไปคุยยังไงหนอ ถึงบอกว่าจะไม่มีดอกท้อเน่ามากวนใจแล้วน่ะ

ไหหม่า(海馬)