ตอนที่ 10 ปรมาจารย์แห่งจังหวะ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

ตอนที่ 10 ปรมาจารย์แห่งจังหวะ

ระหว่างที่ผู้คนกำลังดูต้าซือหม่าเตรียมตัวอยู่นั้น

จู่ๆ ก็มีแฟนคลับคนหนึ่งพูดขึ้นมา “เมื่อกี้ฉันเห็น UZI เข้ามาด้วย ดูเหมือนจะได้เจอกันนะ ว่าแต่แบนตัวไหนทิ้งไปแล้วล่ะ จาร์วานเหรอ จริงด้วย! อีกทีมแบนจาร์วานไปแล้ว…เธร็ชด้วย”

“ว้าวๆ…ถึงตา UZI แล้ว เหมือนว่า MLXG จะเล่นป่านะเนี่ย…สุดยอดไปเลย”

ต้าซือหม่าเองก็อึ้ง ไม่คิดเลยว่าเพิ่งกลับมาเล่นไอดีหลักตาแรกก็เจอกับผู้เล่นมืออาชีพถึงสองคน แถมยังเป็นพวกตัวท็อปอีกด้วย

UZI กับ MLXG สองคนนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เลย…

ช่องสตรีมของ UZI ก็เริ่มคึกคักขึ้นมาแล้ว

“เทพหมากดเจอต้าซือหม่าเหรอ จะชนะไหมเนี่ย”

“โอ้ ต้าซือหม่าอยู่อีกฝั่งนี่ ค่อยน่าดูหน่อย”

“MLXG เล่นป่า ส่วน UZI เล่นแครี่ ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาหรอกมั้ง ยังไงอีกฝั่งก็มีแค่ต้าซือหม่า อีกสี่คนที่เหลือก็เป็นพวกขาจรหมด”

เสียวโก่วหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจะไม่พูดว่าเขาจะชนะ แต่เขาก็จะไม่พูดคำว่าแพ้ออกมาง่ายๆ เช่นกัน

ทว่าหลังจากที่เลือกแชมป์เปี้ยนเสร็จแล้ว และกำลังเข้าสู่หน้าโหลดเข้าเกมอยู่นั้น UZI ก็ตะลึงไปชั่วครู่!

เขาเอ่ยปากขึ้น “ทำไมถึงเป็นเขาล่ะ”

คนดูเองก็อึ้ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าเสียวโก่วกำลังพูดอะไร

“ซัพพอร์ตฝั่งตรงข้ามน่ะ ไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว แต่ก็เก่งใช้ได้อยู่นะ” เสียวโก่วพูด

ไป๋เยี่ยเล่นโซรากะ ส่วนแครี่เป็นมิสฟอร์จูน

ซัพพอร์ตฝั่งตรงข้ามเป็นบลิตซ์แคร็งก์ และมี UZI เล่นเวนน์

เมื่อเข้าเกมมา UZI ก็พูดขึ้นมา “อย่าทำผมเลย…กลัวแล้ว”

คนดูในช่องสตรีมของต้าซือหม่าพากันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข อย่างไรเสียพอได้ยิน UZI พูดออกมาแบบนั้นแล้วก็รู้สึกมีความสุข อย่างน้อยก็พอเข้าใจว่าเวลาพวกเขาเล่นเก่งกันแค่ไหน

คนดูคิดว่าเขากำลังพูดถึงต้าซือหม่าอยู่ ต้าซือหม่าจึงได้แต่ยิ้มฝืนๆ ใส่ “พวกคุณไม่ต้องมองผม เขาไม่ได้พูดถึงผมซะหน่อย ซัพพอร์ตต่างหากล่ะ…”

ไป๋เยี่ยพิมพ์ออกไปด้วยความเกร็ง “ออมมือหน่อย…”

MLXG ถอนหายใจ “จบเห่ การฟาร์มแบบสงบสุข…’จารย์หม่า พวกเรามาอยู่กันแบบสันติเถอะ…”

ต้าซือหม่าหัวเราะออกมาแปลกๆ และส่งข้อความเพียง: “ฮ่าๆ…”

คนดูต่างงงกันหมด

เหล่าแฟนคลับก็ดูงงว่าพวกเขาหมายถึงอะไร

นี่พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไร

จู่ๆ ต้าซือหม่าก็ส่งข้อความมาว่า: “ดูดีๆ ล่ะ!”

ต้าซือหม่าเล่นลี ซิน ส่วน MLXG ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลือกเล่นเซจัวนี่

หลังจากที่เกมเริ่มต้นขึ้น เหล่าคนดูก็ถึงเข้าใจว่าต้าซือหม่ากำลังหมายถึงอะไร

Mather: “วางวอร์ดตรงแม่น้ำห่างจากเลนกลางมาสามวิ เลนบนออกมา…พวกเขาน่าจะเปิดแม็ปมาถึงบัฟฟ้าเรานะ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังฟาร์มอยู่โซน f4 เหลือเลือดประมาณ 2/3 ได้ พวกเราสามารถ…ไปวนๆ…แถวบัฟแดง…แล้วเวดป่ากลับเลย”

ต้าซือหม่าได้ฟังก็ลงมือทันที หลังจากนั้นเพียงนาทีเดียวก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น

“firstblood!”

ลี ซินเก็บเซจัวนี่ไปเรียบร้อย

ต้าซือหม่าหัวเราะลั่น

ช่องสตรีมก็แทบจะระเบิด

“เก่งจัด…”

“ซัพอย่างเทพเลย…”

“เดาถูกหมดเลย…เดาถูกหมดเลย!”

“ฉันจะบอกให้ ฉันน่ะ มาจากสตรีมของเสียวโก่วล่ะ…ที่ซัพพอร์ตพูดมาถูกหมดเลย…”

MLXG พิมพ์: ไว้ชีวิตผมด้วย…

ผ่านไปสามนาที Mather: “เลนบนระวัง เลนกลางหายไปสิบวิ ป่าไปโผล่เลนบน หายไปสิบห้าวิแล้ว จังหวะนี้นายเสี่ยงโดนล้วงมากนะ ‘จารย์หม่าช่วยไปเวดป่าที”

ครึ่งนาทีต่อมา มีคนตายสามคนตามคาด ก่อนจะเห็นซัพพอร์ตและลี ซินปรากฎตัวออกมา

ศูนย์แลกสอง…

ซัพพอร์ตเป็นคนพามานี่เอง…

สิบนาที…”เวนน์กับบลิตซ์แคร็งก์ไม่มีสกิลแล้ว เลนล่างเห็นป่าหายไปสิบวิ เลนกลางขึ้นไปเลนบนแล้ว เลนบนลงมาเลนล่าง มาหาเลนกลางกับป่าแล้วเก็บคิลไปเลย”

สิบห้านาที…

สิบเจ็ดนาที…

เกมจบลงตอนเวลายี่สิบนาที โดยที่ลี ซินของต้าซือหม่าแบกทั้งเกม

ทีมไป๋เยี่ยเป็นฝ่ายชนะ

ต้าซือหม่าหัวเราะสะใจ “เฮ้ ความรู้สึกตอนถูกสั่งนี่มันสุดยอดจริงๆ!”

MLXG พิมพ์มาเศร้าๆ: Mather…นายมันแน่

UZI หัวเราะตอบ:“ฮ่าๆ ขำจะตายอยู่แล้ว เมื่อกี้เซียงกัวเพิ่งบอกผมว่ายังไงเราก็ไม่โดนเวดแน่นอน…รอก่อนเถอะ…ผมแคปรูปไว้อยู่”

แม้ว่าจะแพ้ แต่พวกเขาก็มีความสุขดี

ตอนใกล้จะจบเกม UZI ได้พิมพ์มาประโยคหนึ่ง: “นี่ ไม่กลัวว่าเพื่อนในทีมจะอ่อนหรอกนะ กลัวฝั่งตรงข้ามเทพมากกว่าอีก…”

หลังจากที่ต้าซือหม่ากลับมายังช่องสตรีม แฟนคลับก็แห่กันมาชื่นชมยกใหญ่ ก่อนจะถามคำถาม

“ ‘จารย์หม่า ใครคือ Mather เหรอ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย”

ต้าซือหม่ากล่าวอย่างยิ้มๆ “เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่งน่ะ เขาเล่นเซิร์ฟเกาหลีซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมาเล่นเซิร์ฟประเทศเราเท่าไหร่ แต่เขาเก่งมากนะ แค่รายละเอียดเล็กๆ ก็สร้างผลกระทบใหญ่โตต่อรูปเกมได้ ถือว่าโดดเด่นใช้ได้”

“พูดแบบนี้ดีกว่า เมื่อก่อนเขาพังแผนฟาร์มแบบสี่เหลี่ยมของผมยับเลย…ใช้แผนกับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาหาจังหวะที่ทำให้ทีมชนะได้ตลอด”

“ฉันเลยชอบเรียกหมอนี่ว่าปรมาจารย์แห่งจังหวะยังไงล่ะ!” ต้าซือหม่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเหมือนดั่งเคย

“คุณดูชื่อไอดีเขาสิ Math แปล่าคณิตศาสตร์ ก็คือการคำนวณถูกไหม เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลย…ไม่เชื่อก็ลองไปถาม UZI ดู”

ช่องสตรีมของ UZI ก็กำลังพูดเรื่อง Mather อยู่เช่นกัน

“พูดไปพวกคุณคงไม่เชื่อแน่ๆ ผมเล่นเลนล่างกับเขาทีไรก็ไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง…” คำพูดของ UZI ทำเอาคนดูตะลึง…

ยังมีทีมที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่อีกเหรอ อัตราชนะร้อยเปอร์เซ็นต์…

UZI อธิบายเพิ่ม “พวกเราน่าจะกดเจอกันไม่ถึงสิบครั้งมั้ง…อีกอย่าง ขอพูดอะไรเศร้าๆ หน่อยเถอะ เขาไม่ให้ผมเป็นเพื่อนสนิทแหละ…”

ไป๋เยี่ยกำลังเล่นเกมอยู่ดีๆ ก็มีคนมาเคาะประตู เขาจึงพูดออกไป “เข้ามาเลย”

เมื่อประตูเปิดออก ก็พบว่ามีคนหลายคนกำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทีขึงขัง

ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักไป

“สวัสดีครับอาจารย์หลิว” เมื่อเห็นว่าคนที่มาหาคือผู้ให้คำปรึกษา ไป๋เยี่ยก็รีบลุกขึ้นเอ่ยทักทาย

หลิวเจิ้นซีมองไปรอบๆ หอพักด้วยสีหน้าถมึงทึง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “มีแค่คนเดียวเหรอ คนอื่นๆ ไปไหน”

หลิวเจิ้นซีคือผู้ให้คำปรึกษาประจำสาขาการบูรณาการการแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบัน รับผิดชอบงานประจำวันของห้องหนึ่งถึงห้องห้า ด้านหลังยังเขามีนักศึกษาตามมาด้วยสี่ห้าคน ซึ่งล้วนเป็นพวกหัวหน้าห้องและนักเรียนดีเด่น

“พวกเขาน่าจะไปอ่านหนังสือที่ห้องเรียนมั้งครับ ไหนๆ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว ทุกคนก็ตั้งใจเตรียมตัวกันทั้งนั้น” ไป๋เยี่ยตอบ

หลิวเจิ้นซีส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นมองไป๋เยี่ย “จนตอนนี้แล้วก็ยังจะเล่นเกมอยู่อีก! ทุกคนเขารู้ตัวกันหมดว่าจะสอบ นี่คุณไม่รู้สึกลนบ้างเลยหรือไง”

หลิวจื้อเองก็เป็นกรรมการห้องของไป๋เยี่ย ซึ่งเขาก็ได้มาตรวจหอพักพร้อมกับหลิวเจิ้นซีด้วย เมื่อได้ยินหลิวเจิ้นซีกำลังว่าไป๋เยี่ยอยู่ เขาก็รู้สึกมีความสุขนิดๆ

ไป๋เยี่ยอ้าปากค้าง อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลิวเจิ้นซีถึงเพ่งเล็งเขาตลอด ทั้งที่เขาเองก็แทบไม่ได้ไปยั่วโมโหเลย

หลิวเจิ้นซีเห็นว่าไป๋เยี่ยไม่เถียงกลับก็ถอนหายใจออกมา “ผมก็ไม่ได้จะเพ่งเล็งคุณหรอกนะ แต่ดูสิ คนอื่นเขาก็พยายามกันทั้งนั้น…แล้วคุณล่ะ เล่นแต่เกม…เอาแต่เล่นเกมจะไปมีอนาคตได้ไง!”

“ดูสิว่าตอนคุณเพิ่งเข้ามหา’ลัยคุณเป็นยังไง แล้วดูคุณตอนนี้สิ พอใจมากไหม พอใจแล้วหรือยัง ชอบทำตัวสำมะเลเทเมานัก!”

“ช่วยมองให้ไกลกว่านี้หน่อยเถอะ ตอนนี้มีโรงพยาบาลประเทศไหนบ้างที่รับวุฒิต่ำกว่าป.โท ให้ดีหน่อยก็ต้องจบป.เอกแล้ว! คุณว่าวุฒิป.ตรีอย่างคุณจบไปจะทำอะไรได้ ไม่ขยัน…ไม่ขยันแล้วโทษพ่อแม่ลงเหรอ กว่าพวกเขาจะเลี้ยงคุณจนโตมันง่ายมากมั้ง”