ตอนที่ 27 : พวกออร์คและมนุษย์
พวกออร์คสร้างเมืองขึ้นมาและเข้าสู่ยุคสำริดแต่มนุษย์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาอารยธรรมของพวกเค้า ในขณะเดียวกันการต่อสู่ระหว่างกลุ่มออร์คก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การปะทะกันและการรวมกลุ่มของวัฒนธรรมเป็นต้นเหตุของการพัฒนาอารยธรรมของพวกออร์ค ราชาออร์ครุ่นแรกมาจากตระกูลของหนูแต่รุ่นที่4มาจากตระกูลของเสือ เผ่าอื่นๆเช่นตระกูลของหมาและตระกูลของวัวได้ประสบความสำเร็จในชื่อของราชาออร์คเช่นกัน ราชาออร์คปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นที่12มีชื่อว่า คอสตรา ซึ่งมาจากตระกูลของหหมาป่า เมืองต่างๆปรากฏขึ้นในที่ต่างๆเช่นกันและค่อยๆแทนที่ชนเผ่าอย่างช้าๆ
นี่ทำให้ลูซีหยูรู้สึกกังวล เค้าคิดว่าพวกออร์คกำลังพัฒนาเร็วเกินไปในขณะที่มนุษย์อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและแทบจะไม่มีภาษของตัวเอง เค้ากังวลว่าวันหนึ่งออร์คจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ก่อนที่มนุษย์จะมีโอกาสพัฒนาวัฒนธรรมของพวกเค้า เค้าใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการพัฒนาและดัดแปลงยีนสำหรับมนุษย์สายพันธุ์นี้และเค้าไม่ต้องการให้งานทั้งหมดของเค้าเสียเปล่า ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เค้าคิดไว้ เค้าต้องการผลักดันการพัฒนาของมนุษยชาติอย่างน้อยก็ถึงจุดที่พวกเค้าสามารถต่อกรกับพวกออร์คได้
ตอนนี้มีมนุษย์ประมาณแสนคนในโลกของมาเรีย อย่างไรก็ตามเพราะความอุดมสมบูรณ์ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการค้าขายและการสื่อสารระหว่างเผ่ามนุษย์ ลูซีหยูต้องใช้2วิธีในการส่งเสริมการพัฒนาของเผ่ามนุษย์ วิธีแรกคือสร้างการคุกคามจากภายนอก วิธีที่สองคือสร้างความสามัคคีระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
การคุกคามจากภายนอกเกิดขึ้นเมื่อพวกออร์คเข้ามาติดต่อกับมนุษย์ การขัดแย้งระหว่างมนุษย์และพวกออร์คนั้นมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เวลาผ่านไป เพื่อให้มนุษยชาติรวมเป็นหนึ่งเดียวกันลูซีหยูตัดสินใจว่าเค้าจะแต่งตั้งราชาแห่งมนุษย์ขึ้นมา
ที่ราบใกล้ศูนย์กลางของทวีปได้รับการยกย่องจากมนุษย์ว่าเป็นที่ราบแม่น้ำแดง มันตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำแดงและเทือกเขาของสวรรค์ ที่ราบนั้นมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และป่าไม้เขียวชอุ่มและมีสัตว์หลากหลายชนิดที่นั่น ป่าไม้เต็มไปด้วยผลไม้และอาหารอื่นๆ ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์ของมนุษย์
รอบล้อมไปด้วยกระท่อมฟางที่มีลักษณะเหมือนเต็นท์ตั้งอยู่บนพื้นที่ภายใต้ภูเขา ผู้ชายดึกดำบรรพ์ที่สวมหนังสัตว์กำลังกลับไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งและถืออาหารอยู่ในมือ ผู้นำของหมู่บ้านนั้นได้ผ่าผืนข้อจำกัดของร่างกายแล้วปลุกพลังที่ลูซีหยูซ่อนเอาไว้ในยีนของเค้า
อย่างไรก็ตามสวรรค์ได้กลายเป็นนรกเมื่อกองทัพออร์คจากภูเขาสวรรค์บุกมาที่หมู่บ้าน แม้ว่าผู้นำจะสามารถปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ได้แล้วแต่มันก็เป็นเพียงความสามารถในการควบคุมอะดรีนาลีนของเค้า กองทัพที่บุกมานั้นเป็นกองทัพของตระกูลหมาป่าซึ่งเป็นเผ่าออร์คที่ทรงพลังที่สุดในโลก ทหารที่ดุร้ายขี่สัตวว์ขนาดใหญ่คล้ายหมาป่าและสวดมนต์ในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นภาษา Sofawk เป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นในตระกูลหนู หลังจากนั้น100ปี Sofawkก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบภาษาที่สมบูรณ์
“ฆ่าพวกมันให้หมด ที่ราบอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ต้องเป็นของพวกเรา ไม่ใช่ของสัตว์เดรัจฉานอย่างพวกมัน!”
“ฆ่าพวกน่ารังเกียจพวกนี้ให้หมด!”
สงครามนี่มันช่างโหดร้าย ผู้นำหมู่บ้านนำคนของเค้าเข้าสู่สนามรบพร้อมกับขวานหิน เค้าใช้พละกำลังมหาศาลและมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วหลังจากเปิดใช้อะดรีนาลีนเพื่อโจมตีพวกออร์ค อย่างไรก็ตามเค้ายังไม่คู่ควรกับตระกูลหมาป่า ศัตรูของเค้ามีทั้งหอกและดาบที่ทำด้วยองสัมฤทธิ์ในขณที่อาวุธที่ดีที่สุดในมือของเค้าเป็นแค่หินและไม้ ในไม่ช้ามนุษย์ก็พ่ายแพ้ต่อการต่อสู้ พวกหมาป่าไม่ไว้ชีวิตใครแม้แต่เด็กและผู้หญิง สงครามระหว่างสปีชีย์นั้นช่างโหดร้าย ผู้นำหมู่บ้านเป็นคนสุดท้ายที่ยังรอดแต่สุดท้ายเค้าก็ล้มลงภายใต้หอกของพวกหมาป่า
ผู้นำหมู่บ้านล้มไปนอนอยู่ที่พื้นและสาปแช่งพวกออร์คด้วยลมหายใจสุดท้ายเป็นภาษามนุษย์ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา “พวกแกมันชั่ว! พระเจ้าจะลงโทษพวกแก!”
หลังจากฆ่าทุกวันหมดแล้วทหารหมาป่าก็จุดไฟเผากระท่อมและหายตัวไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อทหารหายตัวได้สักพักก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาใกล้หมู่บ้าน เค้าสวมเสื้อคลุมผ้าลินินสีเทา เสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาว และรองเท้าบูท เค้าถือไม้เท้าสีเงินซึ่งมีการสลักแปลกๆ ใบหน้าของเค้าถูกคลุมด้วยหน้ากากสีขาวที่มีภาพวาดของดวงอาทิตย์สีแดง
นั่นคือลูซีหยู ลูซีหยูกำลังตามหาพื้นที่ที่จะเริ่มแผนของเค้าและเค้าก็บังเอิยไปเห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านแห่งนี้ จากนั้นเค้าก็มองดูการต่อสู้ผ่านhe Scroll of the World แต่เค้าไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้ ตอนนี้เค้าอยู่ที่นี้ กลิ่นของซากศพที่ลุกไหม้เกือบทั้งหมดทำให้เค้ารู้สึกคลื่นไส้ แต่ลูซีหยูตระหนักว่านอกเหนือจากความรู้สึกพะอืดพะอมแล้วเค้าก็ไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นเป็นเพราะเค้าไม่รู้สึกถึงความเป็นญาติกับมนุษย์ในโลกนี้งั้นหรอ? หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆกัน?
เค้าเดินตรงไปที่กระท่อมที่กำลังลุกไหม้ที่ใจกลางของหมู่บ้าน มันถูกไฟไหม้ไปแล้วและมีควันดำเต็มไปหมด ลูซีหยูเปิดประตูมิติเพื่อเชื่อมไปยังแม่น้ำเพื่อเอาน้ำจำนวนมากมาดับไฟ เค้าสร้างทีมงานขึ้นมาและแกะสลักที่ประตูมิติ ด้วยวิธีนี้เค้าสามารถฉีดพลังจิตไปที่ทีมงานและเปิดใช้งานประตูมิติทันทีแทนที่จะต้องเปิดประตูมิติทุกครั้งที่เค้าต้องการเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่น
ลูซีหยูสามารถเปิดประตูมิติที่ไหนก็ได้ในkrynnspaceและเคลื่อนย้ายวัตถุตามที่เค้าต้องการ นี่เป็นคาถาเดียวที่ลูซีหยูเชี่ยวชาญด้วยพลังจิตของเค้า พลังอื่นๆ เช่น การอ่านใจ การเปลี่ยนยีนนั้นเป็นความสามารถั้งหมดที่เกี่ยวกับพลังจิตเค้า บางสิ่งที่มีให้กับเค้าผ่านการไหลของข้อมูล การสำรวจข้อมูลของพลังจิตเค้านั้นดีที่สุด เค้าไม่เข้าใจพลังจิตอย่างถ่องแท้ เค้าไม่รู้ว่าพลังจิตคืออะไร เค้าไม่รู้ว่าวิญญาณเป็นเช่นไร แม้ว่าพลังจิตของเค้าจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการทำสมาธิอย่างต่อเนื่องเค้าก็ยังไม่สามารถค้นพบพลังเพิ่มเติม สำหรับประตูมิติมันก็ยังมีบางอย่างที่ลูซีหยูไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน
น้ำดับไฟหมดแล้ว ลูซีหยุเดินเข้ามาในกระท่อมที่เต็มไปด้วยควันและได้ยินเสียงใครบางคนกำลังไออยู่ เค้าผลักกระท่อมที่ถูกไฟไหม้ทิ้งไปและเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กปืนออกมาจากภายในรูบนพื้น ทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันภายใต้ความเงียบ
“Wo lu mo, mo see ca?(คุณเป็นใคร)” เด็กผู้ชายถามด้วยน้ำเสียงสั่น
ลูซีหยูรวบรวมข้อมูเกี่ยวกับภาษออร์คทั้งหมดแต่เค้ายังไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เด็กพูดได้เนื่องจากภาษายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและไม่มีระบบคำที่สมบูรณ์ โชคดีที่ลูซีหยูสามารถเข้าใจสิ่งที่เด็กผู้ชายต้องการจะบอกเค้าได้ผ่านพลังจิต ในความเป็นจริงความกลัวและความเกลียดชังของเด็กผู้ชายก็สื่อถึงเค้าอย่างชัดเจนเช่นกัน
“ฉันเป็นผู้ส่งสารจากพระเจ้าอะเฮนาเท็น พระเจ้าแห่งอนาคตของมนุษยชาติ!” เค้ายื่นมืออกไปหาเด็กหนุ่มและใช้พลังจิตของเค้าชักจูง หลังจากอะเฮนาเท็นเข้าใจลูซีหยู เค้าก็รู้สึกสนใจและเชื่อมโยงกับลูซีหยูทางอารมณ์ผ่านพลังจิต
ร่างกายของคนแปลกหน้าเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยแสงจากดวงอาทิตย์และร่างกายของเค้าก็เปล่งแสงสีจาวศักดิ์สิทธิ์ อะเฮนาเท็นล้มลงนังอยู่ที่พื้นและรู้สึกสบายใจกับการปรากฏต่อของคนแปลกหน้า
“คุณถูกส่งมาที่นี้โดยพระเจ้า คุณเป็นผู้คนส่งสารของพระเจ้า?! ฉันอะเฮนาเท็นรู้สึกขอบคุณคุณอย่างมาก คุณมาที่นี้เพื่อลงโทษปีศาจออร์คเหล่านั้นใช่มั้ย?”