ตอนที่ 26 : การทำเหมืองและอารยธรรม
ลูซีหยูรู้สึกว่าความทรงจำเก่าๆเริ่มย้อนคืนมา เค้ารู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อก่อน เพราะเกรดก็ดี หน้าตาก็ดีและยังมีครอบครัวที่ดีทำให้เค้าค่อนข้างเป็นคนที่หยิ่ง
อัยชูเมื่อก่อนเธอเป็นคนที่สวยคนหนึ่งแต่เธอขี้อาย เก็บตัวและไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากนัก ลูซีหยูสนใจเธอแต่นั่นไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีนักตอนเค้ายังเด็ก เพราะเด็กๆอาจมีวิธีแสดงออกด้านความรักที่แปลกๆ ส่วนใหญ่เค้าจะแกล้งเธอ ในตอนแรกมันเค้าแกล้งเธอเพราะเธอขี้อายและไม่ค่อยคุยกับใคร ต่อมาคนในห้องก็เริ่มรังแกเธอเช่นกัน มีครั้งหนึ่งลูซีหยูบังเอิญทำของของอัยชูพังและทำให้เธอโกรธมากจึงเกิดการต่อสู้ระหว่างพวกเค้า ลูซีหยูใช้กระเป๋าของเค้าตีอัยชูโดยลืมไปว่าในกระเป๋านั่นมีไฟฉายอยู่ ไฟฉายได้ไปกระแทกหัวของอัยชูและทำให้เธอบาดเจ็บ
หลังจากการต่อสู้ลูซีหยูก็ถูกทำโทษโดยโรงเรียน เนื่องจากเค้าใกล้จะจบแล้วครอบครัวของเค้าจึงให้เค้าย้ายโรงเรียนและส่งเค้าไปที่โรงเรียนมัธยมในเมืองหลวงของจังหวัด
การได้เจออัยชูอีกครั้งทำให้เค้าจำความผิดที่เค้าเคยทำไปทั้งหมดได้ เค้านั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่สบายใจและไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร เค้าคิดว่าเค้าอาจจะลืมความโง่ในวัยเด็กไปเมื่อเค้าโตขึ้นแต่ก็ไม่แน่ใจว่าทำไม อาจจะเพราะเหตุการณ์นี้เป็นความทรงจำที่พิเศษสำคัญเค้าหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นๆที่เค้าไม่รู้ ลูซีหยูยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
ระหว่างอาหารเย็นลูซีหยูมองไปที่อัยชูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อัยชูก็มองมาที่เค้าด้วยความสับสน ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ๆหญิงสาวคนที่นั่งถัดจากอัยชูก็กระซิบบางอย่างกับเธอแล้วเธอก็ขมวดคิ้วและหันหน้าหนีลูซีหยูทันที
‘เธอยังจำสิ่งที่ฉันเคยทำกับเธอได้’
ลูซีหยูก้มหน้าลงอย่างอับอาย จิตใจเค้าไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงรุ่นอีกต่อไป คนส่วนใหญ่ในงานนี้กำลังพูดคุยถึงเรื่องสมัยก่อน แลกเปลี่ยนเบอร์กันและถามว่าปัจจุบันทำงานอะไร เพื่อนร่วมชั้นของเค้าส่วนใหญ่แต่งงานแล้วพวกเค้าทั้งหมดกลับบ้านหลังกินอาหารเย็นเสร็จ
เพื่อนร่วมชั้นของเค้าหลายคนมาหาลูซีหยูเพื่อขอเบอร์โทรของเค้ารวมถึงที่อยู่ปัจจุบันของเค้า พวกเค้าตกลงที่จะนัดเจอกันเมื่อพวกเค้ามาไปในเมือง
“ได้เลย มาเจอกันถ้าคุณเข้ามาในเมือง!”
เค้ากำลังพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง2-3คนและเค้าก็เห็นว่าอัยชูกำลังจะกลับแล้ว เค้าจึงขอตัวและวิ่งไปหาเธอทันที
ลูซีหยูหยุดอยู่ตรงหน้าอัยชู อัยชูมองไปที่เค้าอย่างสงสัย ลูซีหยุสูดลมหายใจลึกๆแล้วถามว่า “คุณจำฉันได้มั้ย? ฉะฉันลูซีหยู ฉันอยู่ห้องเดียวกับคุณ…”
เธอยืนตัวตรง เธอสูงและด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอทำให้เธอสูงเกือบจะเท่าลูซีหยูเลย เธอพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ลูซีหยูรู้สึกกังวลมาก “ฉันแค่อยากจะมาขอโทษ ฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เคยกับคุณ แม้ว่าคำขอโทษนี้จะสายเกินไปแต่ฉันรู้สึกโล่งอกอย่างมากที่ได้พูดมันออกมา” เค้าหยิบนามบัตรของเค้าออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วพูดต่อว่า “นี่เบอร์โทรและที่อยู่ของฉัน ฉันสามารถช่วยคุณได้ทุกเรื่อง อย่าลังเลที่จะโทรมา”
“โอเค” อัยชูพูด นี่เป็นคำแรกที่เธอพูดกับเค้าในคืนนี้ แล้วเธอก็เดินจากไป ลูซีหยูถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเธอเดินจากไป
หวางยีเดินมาและตบไหล่เค้า “เป็นไง? เรื่องมันก็นานละนะอัยชูยังโกรธคุณอยู่หรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ลูซีหยูส่ายหัว “เธอพูดแค่ว่า โอเค แต่เธอก็รับนามบัตรของฉันไป”
หวางยีพยักหน้า “อย่าคิดมากเลย” เค้าพูด “เธอก็เป็นแบบนี้แหละ เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เธอแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเหมือนก่อนเลย”
ลูซีหยูขึ้นรถของหวางยีและเริ่มเดินทางกลับ เค้าดีใจที่เค้าได้มางานเลี้ยงรุ่นนี้ เค้าไม่ได้แค่คุยกับเพื่อนเก่าและได้ความทรงจำดีๆเกี่ยวกับอดีตแต่เค้ายังได้ขอโทษอัยชูอีกด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเค้าทั้งสองนันทำให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดมาตลอด
ในปราสาทมิติชั้นหนังสือในห้องสมุดได้ถูกเติมเต็มด้วยหนังสือที่เพิ่งซื้อมา เนื่องจากความเร็วของเวลาที่ต่างกันทำให้หนังสือบางเล่มทั้งเก่าและเหลืองราวกับเป็นหนังสือยุคโบราณ นี่ก็ผ่านมาประมาณ200ปีตั้งแต่ลูซีหยูสร้างมนุษย์คนแรกได้ มีชนเผ่าของมนุษย์ปรากฏขึ้นที่ตอนใต้ของทวีปเอเลน 200ปีเพียงพอกับมนุษย์เพื่อที่จะเพิ่มจำนวน มนุษย์รุ่นแรกๆได้จากไปแล้ว มนุษย์รุ่นปัจจุบันในความทรงจำของพวกเค้านั้นพวกเค้าคิดว่าตัวเองอาศัยอยู่ในทวีปเอเลนตั้งแต่เกิด
จำนวนของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเริ่มต้นมีเพียงไม่กี่ร้อยจนตอนนี้มีเป็นหมื่นคน ชนเผ่าดั้งเดิมแยกตัวและแผ่ขยายไปครึ่งหนึ่งของทางตอนใต้ของทวีป เช่นเดียวกันจำนวนมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆออร์คในตอนเหนือก็กำลังพัฒนาเช่นกัน ชนเผ่าเริ่มเข้าสู่เมืองและอารยธรรมก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ พวกมนุษย์ได้ทำการติดต่อกับพวกออร์คและก็รู้ว่าพวกเค้าไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่ชาญฉลาดสายพันธุ์เดียวที่อาศัยอยู่ในโลก
200ปีก็เหมือนกับ2อาทิตย์สำหรับลูซีหยู 10วันผ่านไปขณะที่เค้ากำลังสังเกตการพัฒนาของอารยธรรมในโลกของมาเรียลูซีหยูก็ตระหนักได้ว่าเค้าได้ทำข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ขึ้น แม้ว่าโลกของมาเรียจะมีทรัพยากรมากมายแต่ก็มีข้อบกพร่องมากมาย ที่นี้ไม่มีการทำเหมืองแร่
เมื่อเค้าสร้างโลกของมาเรียเค้าได้วางทรัยากรไว้มากมายแต่มีการกระจายของวัสดุมากเกินไป นี้หมายความว่าการทำเหมืองจะไม่มีการพัฒนา ชนเผ่ามักใช้หินเป็นทรัพยากรหลัก หากเจอแท่งโลหะสัก2-3ชิ้นพวกเค้าก็ยกย่องว่ามันเป็นหินของเทพเจ้าและกราบไหว้ ถ้าไม่มีอารยธรรมจากโลหะก็จะไม่สามารถเข้าสู่ยุคสำริดหรือยุคเหล็กได้นั่นทำให้เกิดความล่าช้าในการพัฒนาของอารยธรรม
คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วลูซีหยูใช้แหล่งพลังงานอีกครั้งและเปลี่ยนกฎของโลกของมาเรีย เค้าเปลี่ยนการกระจายของโลหะในโลกและสร้างเหมืองสำหรับโลหะหลายชนิดเช่น ทอง เงิน ทองแดงและเหล็ก เค้ายังสร้างทรัพยากรประเภทอื่นๆอีกเช่น ถ่านหินและน้ำมัน เหมืองบางแห่งตั้งอยู่ใกล้กับชนเผ่า การค้นพบเหมืองเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวหน้าทางอารยธรรม
ลูซีหยุมีแหล่งพลังงานอยู่108หน่วยก่อนที่เค้าจะใช้3หน่วยไปกับปราสาทมิติ เมื่อเร็วๆนี้เมื่อมีการพัฒนาของอารยธณรมและการตายของสิ่งมีชีวิตในโลกของมาเรียเค้าได้สะสมแหล่งพลังงานอีก176หน่วย การสร้างเหมืองใช้ไป47หน่วยทำให้เค้ามีแหล่งพลังงานเหลือ129หน่วย อย่างไรก็ตามนี่มันคุ้มค่า ด้วยการช่วยเหลือของเหมืองและเทคโนโลยีการถลุงทองแดง ทองแดงเริ่มเข้าไปสู่ชนเผ่าทั้งหมด อารยธรรมเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเมืองออร์ค ไม่นานหลังจากที่พวกมันเข้าสู่ยุคของการเมือง กษัตริย์องค์แรกได้ถูกแต่งตั้งขึ้นนั่นคือ ราชาออร์คแห่งเมืองซาร์กะ